Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
(บทเพลงใช้แห่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม)
130 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์จากห้วงลึก
2 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสดับฟังเสียงของข้าพระองค์
ขอทรงเงี่ยพระกรรณ
รับฟังคำทูลวิงวอนขอความเมตตาของข้าพระองค์ด้วยเถิด
3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า หากพระองค์ทรงบันทึกบาปทั้งหลายไว้
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดเล่าจะยืนหยัดอยู่ได้?
4 แต่เพราะพระองค์ทรงอภัยโทษ
พระองค์จึงทรงเป็นที่ยำเกรง
5 ข้าพเจ้ารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเฝ้าคอย
และฝากความหวังไว้ที่พระวจนะของพระองค์
6 จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า
ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า
7 อิสราเอลเอ๋ย จงฝากความหวังไว้ที่
องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะความรักมั่นคงอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า
การไถ่อันสมบูรณ์อยู่ที่พระองค์
8 พระองค์เองจะทรงไถ่อิสราเอล
จากบาปทั้งสิ้นของพวกเขา
25 ทั่วอิสราเอลไม่มีใครได้รับคำชมว่าเป็นชายชาตรีรูปงามเท่าอับซาโลม ตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้าไม่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อย 26 เมื่อใดที่ผมของเขาหนักมาก เขาก็จะตัดออกมาชั่งดู ผมนั้นหนักประมาณ 2.3 กิโลกรัม[a]
27 อับซาโลมมีบุตรชายสามคนและมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อว่าทามาร์ นางมีรูปโฉมงดงามยิ่งนัก
28 ตลอดสองปีที่อับซาโลมอยู่ในเยรูซาเล็ม เขาไม่ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เลย 29 อับซาโลมจึงให้คนไปตามตัวโยอาบมาเพื่อให้เข้าเฝ้ากษัตริย์แทน แต่โยอาบไม่ยอมมา แม้อับซาโลมให้คนไปตามอีก เขาก็ยังคงไม่มา 30 อับซาโลมจึงสั่งบริวารว่า “ไปจุดไฟเผานาข้าวบาร์เลย์ของโยอาบที่อยู่ถัดจากเราไป” เขาก็ปฏิบัติตาม
31 โยอาบจึงมาพบอับซาโลมที่ตำหนัก และเรียนว่า “เหตุใดบริวารของท่านไปจุดไฟเผานาของข้าพเจ้า?”
32 อับซาโลมกล่าวกับโยอาบว่า “เราส่งคนไปหาท่านและกล่าวว่า ‘มาที่นี่เถิด จะได้ให้ท่านช่วยไปทูลถามกษัตริย์ว่า “ทรงรับตัวอับซาโลมกลับมาจากเกชูร์ทำไม เขาอยู่ที่นั่นยังดีเสียกว่า!” ’ เราต้องการเข้าเฝ้ากษัตริย์สักครั้ง หากเราผิดด้วยเรื่องใดก็ให้พระองค์ประหารเราเถิด”
33 โยอาบจึงไปกราบทูลกษัตริย์ตามนี้ ดาวิดจึงทรงเรียกตัวอับซาโลมมาเข้าเฝ้า อับซาโลมเข้ามาหมอบกราบซบหน้าลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์และกษัตริย์ทรงจูบอับซาโลม
ทำดีต่อคนทั้งปวง
6 พี่น้องทั้งหลาย หากใครถูกจับได้ว่าทำบาป ท่านที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณควรช่วยเขาอย่างสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ แต่จงระวังตัวท่านเอง มิฉะนั้นท่านเองจะถูกล่อลวงให้ทำบาปไปด้วย 2 จงช่วยรับภาระของกันและกัน ทำดังนี้แล้วท่านก็ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระคริสต์ 3 หากผู้ใดคิดว่าตนสำคัญทั้งๆ ที่ไม่สำคัญ ผู้นั้นก็หลอกตัวเอง 4 แต่ละคนควรสำรวจการกระทำของตนเองจึงจะมีข้อภาคภูมิใจในตัวเอง โดยไม่ต้องเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่น 5 เพราะว่าแต่ละคนต้องแบกภาระของตัวเอง
6 ผู้ที่รับคำสั่งสอนจงแบ่งสิ่งดีทั้งปวงแก่ผู้สอน
7 อย่าหลงเลย ท่านไม่อาจหลอกลวงพระเจ้า ใครหว่านอะไรย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8 ผู้ที่หว่านเพื่อวิสัยบาปของเขาจะเก็บเกี่ยวความพินาศจากวิสัยนั้น[a] ส่วนผู้ที่หว่านเพื่อพระวิญญาณจะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณ 9 อย่าให้เราอ่อนล้าในการทำดี เพราะถ้าเราไม่ย่อท้อ เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันเหมาะสม 10 เหตุฉะนั้นเมื่อมีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนที่อยู่ในครอบครัวแห่งความเชื่อ
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.