Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)
20 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบท่านในยามทุกข์โศก
ขอพระนามของพระเจ้าแห่งยาโคบคุ้มครองท่าน
2 ขอพระองค์ประทานความช่วยเหลือแก่ท่านจากสถานนมัสการ
ขอประทานการค้ำชูมาจากศิโยน
3 ขอพระองค์ทรงระลึกถึงเครื่องบูชาทั้งปวงที่ท่านถวาย
และทรงรับเครื่องเผาบูชาของท่าน
เสลาห์
4 ขอพระองค์ทรงประทานแก่ท่านตามใจปรารถนา
และขอทรงทำให้แผนงานทั้งสิ้นของท่านสำเร็จ
5 ขอให้เราโห่ร้องยินดีเพราะชัยชนะของท่าน
และชูธงในพระนามพระเจ้าของเรา
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่านทุกประการ
6 บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้
พระองค์ทรงตอบเขาจากฟ้าสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์
ด้วยฤทธานุภาพในการช่วยกู้จากพระหัตถ์ขวาของพระองค์
7 บางคนไว้วางใจในรถรบ บางคนไว้วางใจในม้า
แต่พวกเราไว้วางใจในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
8 เขาเหล่านั้นจะล้มลงพ่ายแพ้
แต่พวกเราจะลุกขึ้นและยืนหยัดมั่นคง
9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยกู้องค์กษัตริย์!
ขอทรงตอบ[a]เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายร้องทูลพระองค์!
ซามูเอลตำหนิซาอูล
13 ซาอูลมีอายุได้สามสิบ[a]ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงปกครองอิสราเอลอยู่สี่สิบ[b]สองปี
2 ซาอูล[c]เลือกอิสราเอลสามพันคน ให้สองพันคนอยู่กับพระองค์ที่มิคมาชและในแดนเทือกเขาแห่งเบธเอล ส่วนอีกหนึ่งพันคนอยู่กับโยนาธานที่เมืองกิเบอาห์ในเขตเบนยามิน คนอื่นที่เหลือให้กลับบ้านไป
3 โยนาธานบุกโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตียที่เมืองเกบา ชาวฟีลิสเตียได้ข่าวเรื่องนี้ แล้วซาอูลจึงสั่งให้เป่าแตรทั่วแดนและประกาศว่า “ชาวฮีบรูจงฟัง!” 4 ดังนั้นอิสราเอลทั้งปวงจึงได้ข่าวว่า “ซาอูลโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตีย บัดนี้ชาวฟีลิสเตียเกลียดชังชาวอิสราเอลยิ่งนัก” ฉะนั้นเหล่าประชากรจึงรวมตัวกันมาสมทบกับซาอูลที่กิลกาล
5 ชาวฟีลิสเตียรวมตัวกันมาสู้กับอิสราเอล มีรถม้าศึกสามพันคัน[d] พลรถรบหกพันคน และมีทหารมากมายดุจเม็ดทรายที่ชายทะเล พวกเขายกมาตั้งค่ายอยู่ที่มิคมาชทางตะวันออกของเบธอาเวน 6 เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าสถานการณ์คับขันและกองทัพของตนถูกตีอย่างหนักก็ซ่อนตัวตามถ้ำ ตามสุมทุมพุ่มไม้ ตามซอกหิน และในหลุมในบ่อ 7 บางคนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนหนีไปยังดินแดนของกาดและกิเลอาด
ฝ่ายซาอูลยังคงอยู่ที่กิลกาล กองทหารทั้งหมดที่อยู่ด้วยพากันขวัญหนีดีฝ่อ 8 ซาอูลรออยู่เจ็ดวันตามที่ซามูเอลกำหนดไว้ แต่เมื่อซามูเอลยังไม่มาที่กิลกาลและคนของซาอูลเริ่มแตกทัพ 9 ซาอูลจึงสั่งว่า “จงนำเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชามา” แล้วซาอูลก็ถวายเครื่องเผาบูชา 10 ทันทีที่ถวายเสร็จ ซามูเอลก็มาถึง ซาอูลจึงออกไปต้อนรับ
11 ซามูเอลถามว่า “ท่านทำอะไรลงไป?”
ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นไพร่พลกระจัดกระจายไป และท่านไม่ได้มาตามเวลาที่กำหนดไว้ ฝ่ายชาวฟีลิสเตียก็มาชุมนุมกันอยู่ที่มิคมาช 12 ข้าพเจ้าคิดว่า ‘ชาวฟีลิสเตียจะลงมาถล่มเราที่กิลกาลแล้ว เราเองก็ยังไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย’ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงจำต้องถวายเครื่องเผาบูชา”
13 ซามูเอลตำหนิว่า “ท่านทำตัวโง่เขลา ท่านไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน หากท่านได้ปฏิบัติตาม พระองค์คงจะสถาปนาอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลตลอดไป 14 แต่บัดนี้อาณาจักรของท่านจะไม่ยืนยง องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเลือกคนที่พระองค์ทรงชอบพระทัยยิ่งนัก และทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำประชากรของพระองค์ เนื่องจากท่านไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
15 แล้วซามูเอลจึงไปจากกิลกาล[e]สู่กิเบอาห์ในเขตเบนยามิน เมื่อซาอูลนับจำนวนพลที่ยังอยู่พบว่ามีเหลือเพียงหกร้อยคน
คำอุปมาเรื่องผู้หว่าน(A)
4 แล้วพระเยซูทรงสอนที่ริมทะเลสาบอีก ฝูงชนรุมล้อมพระองค์แน่นขนัดจนพระองค์ต้องเสด็จลงไปประทับนั่งในเรือ ขณะที่ประชาชนอยู่ที่ชายฝั่ง 2 พระองค์ทรงยกคำอุปมาสอนหลายสิ่งแก่พวกเขาว่า 3 “ฟังเถิด! ชาวนาผู้หนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช 4 ขณะที่หว่านบางเมล็ดก็ตกตามทางและนกมาจิกกินหมด 5 บางเมล็ดตกบนพื้นกรวดหินซึ่งมีเนื้อดินน้อยจึงงอกขึ้นโดยเร็วเพราะดินตื้น 6 แต่เมื่อแดดเผาก็เหี่ยวไปเพราะไม่มีราก 7 บางเมล็ดตกกลางพงหนาม ต้นหนามก็งอกคลุมจึงไม่เกิดผล 8 แต่ยังมีเมล็ดบางส่วนตกบนดินดี งอกขึ้นมา เติบโตและเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่า”
9 แล้วพระเยซูตรัสว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”
10 เมื่อทรงอยู่ตามลำพัง สาวกทั้งสิบสองคนกับคนอื่นที่แวดล้อมพระองค์อยู่ทูลถามพระองค์เกี่ยวกับคำอุปมาเหล่านั้น 11 พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “ความลับของอาณาจักรของพระเจ้าทรงโปรดให้พวกท่านรู้ ส่วนคนนอกนั้นทุกอย่างจะใช้คำอุปมา 12 เพื่อว่า
“ ‘พวกเขาจะดูแล้วดูเล่าแต่จะไม่มีวันประจักษ์
และจะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่มีวันเข้าใจ
มิฉะนั้นแล้วเขาจะหันกลับมาและได้รับการอภัย!’[a]”
13 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจคำอุปมานี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นจะเข้าใจคำอุปมาทั้งหลายได้อย่างไร? 14 ชาวนาได้หว่านพระวจนะ 15 บางคนก็เป็นเหมือนเมล็ดพืชที่ตกตามทาง ทันทีที่เขาได้ยิน ซาตานก็มาฉวยเอาพระวจนะที่หว่านลงในเขาไป 16 บางคนก็เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนพื้นหิน เมื่อได้ยินพระวจนะแล้วก็รับไว้ทันทีด้วยความยินดี 17 แต่เนื่องจากไม่ได้หยั่งรากลึกจึงคงอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อเกิดปัญหาหรือการข่มเหงเนื่องด้วยพระวจนะนั้นพวกเขาก็เลิกราไปอย่างรวดเร็ว 18 บางคนเหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงกลางพงหนาม คือได้ยินพระวจนะ 19 แต่ถูกความพะวักพะวนในชีวิตนี้ ความหลอกลวงของทรัพย์สมบัติ และความอยากได้ใคร่มีในสิ่งต่างๆ เข้ามารัดพระวจนะนั้นทำให้ไม่เกิดผล 20 คนอื่นๆ เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนดินดี คือผู้ที่ได้ยินพระวจนะแล้วรับไว้และเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่าของที่หว่านลงไป”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.