Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Complementary)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with thematically matched Old and New Testament readings.
Duration: 1245 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 139:1-18

พระยาห์เวห์รู้ทุกเรื่อง

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

139 ข้าแต่พระยาห์เวห์
    พระองค์ได้สำรวจข้าพเจ้า และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะนั่งลงหรือลุกขึ้น พระองค์ก็รู้
    ข้าพเจ้าคิดอะไรอยู่ พระองค์ก็เข้าใจแม้พระองค์จะอยู่ห่างไกล
ไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปที่ไหนหรือนอนที่ไหน พระองค์ก็เฝ้ามองอยู่
    ข้าพเจ้าทำอะไร พระองค์ก็รับรู้หมด
ข้าแต่พระยาห์เวห์
    พระองค์รู้ว่าข้าพเจ้าจะพูดอะไรก่อนที่ลิ้นของข้าพเจ้าจะพูดเสียอีก
พระองค์อยู่รอบตัวข้าพเจ้าทั้งหน้าหลัง
    พระองค์วางมืออยู่บนข้าพเจ้า
ความรู้ของพระองค์น่าทึ่งเหลือเกินสำหรับข้าพเจ้า
    สูงส่งเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้

ข้าพเจ้าจะหนีพระวิญญาณของพระองค์ไปไหนพ้น
    ข้าพเจ้าหนีหน้าพระองค์ไปไหนได้
ถ้าข้าพเจ้าจะขึ้นไปบนสวรรค์พระองค์ก็อยู่ที่นั่น
    ถ้าข้าพเจ้านอนลงที่แดนคนตายพระองค์ก็อยู่ที่นั่น
ถ้าข้าพเจ้าจะขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์ทางตะวันออก
    และข้ามขอบฟ้าไปตกอีกฝากหนึ่งของทะเล
10 แม้แต่ที่นั่น มือของพระองค์ก็ยังนำข้าพเจ้า
    และมือขวาของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้
11 ถ้าข้าพเจ้าขอให้ความมืดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้
    และขอให้กลางวันกลายเป็นกลางคืนรอบตัวข้าพเจ้า
12 มันก็ยังไม่มืดเกินไปสำหรับพระองค์
    สำหรับพระองค์แล้วกลางคืนก็สว่างเหมือนกลางวัน
    สำหรับพระองค์แล้วกลางคืนและกลางวันไม่แตกต่างกันเลย

13 พระองค์สร้างทั้งจิตและใจของข้าพเจ้า
    พระองค์ทอข้าพเจ้าเข้าด้วยกันในท้องแม่
14 ข้าพเจ้าจึงขอบคุณพระองค์เพราะงานของพระองค์นั้นช่างน่าเกรงขามและน่าทึ่ง
    พระองค์รู้จักข้าพเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่ง
15 ตอนที่ข้าพเจ้าถูกก่อขึ้นมาในที่ลึกลับในท้องแม่
    ตอนนั้นที่ข้าพเจ้าประกอบเข้าด้วยกันในสถานที่ที่มองไม่เห็น
    ไม่มีกระดูกสักชิ้นหนึ่งของข้าพเจ้าที่รอดพ้นสายตาของพระองค์ไปได้
16 ดวงตาของพระองค์มองดูข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าจะเป็นรูปเป็นร่าง
    ทุกวันคืนที่พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่
    พระองค์ได้จดบันทึกไว้แล้วในสมุดของพระองค์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเสียอีก
17 ข้าแต่พระเจ้า ความคิดทั้งหลายของพระองค์นั้นยากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
    รวมเข้าด้วยกันแล้วมันมากมายจนนับไม่ถ้วน
18 ถ้าข้าพเจ้านับความคิดเหล่านั้นได้ก็คงมีมากกว่าเม็ดทราย
    ถ้าจะให้ข้าพเจ้านับหมด ข้าพเจ้าคงจะต้องมีชีวิตยืนยาวเท่ากับพระองค์

เยเรมียาห์ 1:4-10

พระเจ้าเรียกเยเรมียาห์

นี่คือข่าวสารที่พระยาห์เวห์เปิดเผยให้ผมรู้ คือ

“เรารู้จักเจ้า ก่อนที่เราจะก่อร่างเจ้าขึ้นมาในครรภ์เสียอีก
    เราได้แยกเจ้าออกมาสำหรับเรา
ก่อนที่เจ้าจะคลอดจากท้องแม่เสียอีก
    เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
    ให้กับชนชาติทั้งหลาย”

แต่ผมพูดว่า “แต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”

แต่พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า

“อย่าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น’
    เพราะเจ้าจะต้องไปหาทุกคนที่เราส่งให้เจ้าไป
    และเจ้าจะต้องพูดทุกอย่างตามที่เราสั่งเจ้า
ไม่ต้องกลัวคนพวกนั้น
เพราะเราจะอยู่กับเจ้า
และปกป้องเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้

แล้วพระยาห์เวห์ก็ยื่นมือออกมาแตะปากของผม และพระองค์พูดกับผมว่า

“เราได้ใส่คำพูดของเราเข้าไปในปากของเจ้าแล้ว
10 ดูสิ ในวันนี้ เราได้แต่งตั้งเจ้าให้มีอำนาจเหนือชนชาติและอาณาจักรทั้งหลาย
    เจ้าจะถอน และจะรื้อพวกมันทิ้ง
    เจ้าจะทำลาย และจะคว่ำพวกมัน
    เจ้าจะสร้าง และจะปลูกพวกมันขึ้นมาใหม่”

ยอห์น 8:21-38

พวกยิวไม่เข้าใจพระเยซู

21 พระเยซูพูดกับพวกประชาชนอีกว่า “พวกคุณจะตามหาเรา แต่จะตายอยู่ในความบาปของตัวเอง ที่ซึ่งเรากำลังจะไปนั้นพวกคุณไปไม่ได้”

22 พวกผู้นำชาวยิวจึงถามกันว่า “มันกำลังจะฆ่าตัวตายหรือยังไงถึงพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราจะไปนั้น พวกคุณไปไม่ได้’”

23 พระเยซูพูดว่า “พวกคุณมาจากโลกข้างล่าง แต่เรามาจากข้างบน พวกคุณเป็นของโลกนี้ แต่เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ 24 เราถึงได้บอกว่า พวกคุณจะตายอยู่ในความบาปของตัวเอง ใช่แล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อว่าเราเป็นคนๆนั้นที่เราบอกว่าเราเป็น[a] คุณก็จะตายอยู่ในความบาป”

25 พวกยิวถามพระองค์ว่า “แล้วแกเป็นใครล่ะ” พระเยซูตอบว่า “เราเป็นคนๆนั้นที่เราได้บอกพวกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าเราเป็น 26 ความจริงแล้วเรามีหลายเรื่องที่จะต่อว่าพวกคุณ แต่เราจะพูดเฉพาะเรื่องที่เราได้ยินมาจากพระองค์ผู้ที่ส่งเรามาเท่านั้น และพระองค์ก็พูดความจริง”

27 (พวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูกำลังพูดถึงพระบิดา) 28 ดังนั้นพระเยซูจึงพูดว่า “เมื่อพวกคุณยกบุตรมนุษย์ขึ้น คุณก็จะได้รู้ว่าเราเป็นคนๆนั้นที่เราบอกว่าเราเป็น เราไม่ได้ทำอะไรตามใจของตัวเอง แต่เราพูดเฉพาะสิ่งเหล่านั้นที่พระบิดาได้สอนเรามา 29 พระองค์ผู้ส่งเรามาก็อยู่กับเรา พระองค์ไม่เคยทิ้งเราไว้ให้อยู่คนเดียว เพราะเราทำตามใจพระองค์เสมอ” 30 เมื่อพระเยซูพูดอย่างนี้ก็มีหลายคนไว้วางใจพระองค์

พระเยซูพูดเรื่องการหลุดพ้นจากบาป

31 ดังนั้นพระเยซูจึงพูดกับชาวยิวที่ไว้วางใจในพระองค์ว่า “ถ้าพวกคุณยังคงทำตามคำสั่งสอนของเรา พวกคุณก็เป็นศิษย์ของเราจริงๆ 32 พวกคุณจะรู้จักความจริงและความจริงจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระ”

33 พวกเขาตอบว่า “พวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสใคร ทำไมอาจารย์ถึงพูดว่า ‘พวกคุณจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ’”

34 พระเยซูตอบว่า “เราจะบอกให้รู้นะว่าจริงๆแล้วคนที่ยังทำบาปอยู่ก็เป็นทาสของความบาป 35 ทาสไม่ใช่คนในครอบครัว แต่ลูกเป็นคนในครอบครัวตลอดไป 36 ดังนั้นถ้าพระบุตรปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ คุณก็จะเป็นอิสระจริงๆ 37 เราก็รู้อยู่แล้วว่าพวกคุณเป็นลูกหลานของอับราฮัม แต่พวกคุณพยายามจะฆ่าเรา เพราะว่าคุณไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา 38 เราได้บอกคุณถึงสิ่งที่เราได้เห็นจากพระบิดาของเรา แต่พวกคุณกลับไปทำตามสิ่งที่คุณได้ยินจากพ่อของคุณเอง”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International