Revised Common Lectionary (Complementary)
พวกผู้นำอาวุโสเจ็ดสิบคน
4 พวกที่ชอบก่อปัญหา[a] อยากได้อาหารที่ดีกว่านี้ และชาวอิสราเอลเองร้องไห้คร่ำครวญอีกครั้ง พวกเขาพูดว่า “ใครจะให้เนื้อเรากิน 5 เราคิดถึงเนื้อปลาที่เราได้กินในอียิปต์ ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ยังมีแตงกวา แตงโม ต้นหอม หัวหอมและกระเทียม 6 แต่ตอนนี้ชีวิตของเราช่างแห้งแล้งเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรเลย นอกจากมานานี้”
10 ผู้คนในแต่ละตระกูล ต่างพากันยืนอยู่หน้าเต็นท์ของตัวเองร้องไห้คร่ำครวญกัน โมเสสได้ยินเสียงนั้น พระยาห์เวห์โกรธ และโมเสสก็ไม่พอใจ 11 โมเสสถามพระยาห์เวห์ว่า “ทำไมพระองค์ถึงทำให้เกิดปัญหาพวกนี้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ ทำไมพระองค์ไม่ชอบข้าพเจ้า ถึงได้ให้ข้าพเจ้าต้องแบกภาระของคนพวกนี้ทั้งหมด 12 ข้าพเจ้าตั้งท้องพวกนี้มาหรือ ข้าพเจ้าคลอดพวกนี้มาหรือ พระองค์ถึงได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘อุ้มพวกเขาไว้แนบอกเหมือนคนเลี้ยงที่อุ้มเด็กทารกไว้’ เพื่อนำพวกเขาไปยังดินแดนที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา 13 เมื่อพวกเขามาร้องคร่ำครวญต่อหน้าข้าพเจ้า พูดว่า ‘ให้เนื้อสัตว์พวกเรากินหน่อย’ แล้วข้าพเจ้าจะไปหาเนื้อสัตว์จากที่ไหนมาให้คนพวกนี้ 14 ลำพังข้าพเจ้าคนเดียว ไม่สามารถแบกคนเหล่านี้ได้ทั้งหมดหรอก มันมากเกินไปสำหรับข้าพเจ้า 15 ถ้าพระองค์จะทำอย่างนี้กับข้าพเจ้า ฆ่าข้าพเจ้าเลยดีกว่า ถ้าพระองค์พอใจข้าพเจ้า ก็ให้ข้าพเจ้าตายไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาพวกนี้อีกต่อไป”
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปรวบรวมผู้อาวุโสของอิสราเอลมาให้เราเจ็ดสิบคน เอาคนที่เจ้ารู้ว่าเป็นผู้อาวุโส และผู้นำของประชาชน แล้วพาพวกเขามาที่เต็นท์นัดพบ และให้พวกเขายืนอยู่ที่นั่นกับเจ้า
24 โมเสสออกไปบอกกับประชาชนว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร โมเสสได้รวบรวมผู้อาวุโสของอิสราเอลมาเจ็ดสิบคน โมเสสให้พวกเขามายืนอยู่รอบๆเต็นท์ 25 แล้วพระยาห์เวห์ได้ลงมาในเมฆ และพูดกับโมเสส พระองค์เอาวิญญาณบางส่วนที่อยู่กับโมเสส ไปใส่ไว้ในผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนนั้น เมื่อพระวิญญาณเข้าไปอยู่ในตัวพวกเขา พวกเขาก็ตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดี[a] แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยทำอย่างนั้นอีกเลย
26 ยังมีผู้อาวุโสสองคนที่ไม่ได้มา แต่ยังคงอยู่ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด อีกคนชื่อเมดาด พระวิญญาณก็เข้าไปอยู่ในตัวพวกเขา พวกเขาก็อยู่ในกลุ่มของผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนนั้นด้วย แต่พวกเขาไม่ได้ไปที่เต็นท์ ดังนั้น พวกเขาจึงตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดีอยู่ในค่าย 27 ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาบอกกับโมเสสว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังตะโกนพระคำด้วยความยินดีอยู่ในค่าย”
28 โยชูวาลูกชายของนูน พูดกับโมเสสว่า “โมเสส นายท่าน หยุดพวกเขาเถิด” โยชูวา เป็นผู้ช่วยของโมเสสตั้งแต่โยชูวายังเป็นหนุ่ม[b]
29 แต่โมเสสพูดกับโยชูวาว่า “อิจฉาแทนเราหรือ เราอยากจะให้คนของพระยาห์เวห์ทุกคนตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดี เราอยากให้พระยาห์เวห์ใส่พระวิญญาณลงในตัวพวกเขา”
7 คำสอนของพระยาห์เวห์นั้น ช่างดีพร้อม ให้ความสดชื่นกับชีวิต
กฎเกณฑ์ของพระยาห์เวห์นั้น เชื่อถือได้ ทำให้คนอ่อนต่อโลกฉลาดได้
8 พวกกฎระเบียบของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้อง
ทำให้หัวใจมนุษย์มีความสุข
พวกคำสั่งของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์
ฟื้นพลังให้กับชีวิต[a]
9 ความยำเกรงพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และยั่งยืนอยู่ตลอดไป
กฎพระยาห์เวห์นั้นถูกต้องและยุติธรรมครบถ้วน
10 สิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าทองคำ มากยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์หลายเท่านัก
หวานกว่าน้ำผึ้ง หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งจากรัง
11 ใช่แล้ว สิ่งเหล่านี้ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์
และผู้ที่รักษาสิ่งเหล่านี้จะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่
12 ใครจะเห็นความผิดพลาดทั้งหมดของตัวเองได้
ดังนั้นโปรดอภัยให้กับความผิดบาปที่ข้าพเจ้าทำไปโดยไม่รู้ตัว
13 ช่วยยับยั้งข้าพเจ้าจากบาปที่ทำทั้งๆที่รู้ว่าบาป
อย่าให้ความบาปอย่างนั้นมาครอบงำข้าพเจ้า
แล้ว ข้าพเจ้าจะได้ไม่มีที่ติ จะบริสุทธิ์ และจะไม่ทำการทรยศอันยิ่งใหญ่
14 พระยาห์เวห์ ผู้เป็นหินกำบัง และผู้ปกป้องข้าพเจ้า
ขอให้คำพูดจากปาก และความคิดในใจของข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่พระองค์ชอบใจ
แรงอธิษฐาน
13 ในพวกคุณ มีใครบ้างที่มีปัญหา ก็ให้เขาอธิษฐาน มีใครบ้างที่มีความสุข ก็ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า 14 มีใครบ้างที่เจ็บป่วย ก็ให้เขาไปเชิญพวกผู้นำอาวุโสของหมู่ประชุมของพระเจ้ามาอธิษฐานให้กับเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในนามขององค์เจ้าชีวิต 15 เมื่ออธิษฐานด้วยความเชื่อก็จะช่วยคนป่วยได้ แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะยกเขาขึ้นมา ถ้าเขาทำบาป พระองค์ก็จะยกโทษให้กับเขา 16 ดังนั้น ให้สารภาพความบาปทั้งหลายต่อกันและกัน และอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อคุณจะได้รับการรักษา คำอธิษฐานของคนที่ทำตามใจพระเจ้านั้นมีพลังและเกิดผล 17 ดูอย่างเอลียาห์สิ เขาก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนกับเรา แต่เมื่อเขาได้ทุ่มเทอธิษฐานขออย่าให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกเป็นเวลาถึงสามปีครึ่ง 18 แต่ต่อมาเขาก็ได้อธิษฐานขอให้ฝนตก ฝนก็เทลงมาจากท้องฟ้าและพื้นดินก็ชุ่มฉ่ำ เมล็ดพืชก็แตกหน่อออกผลอีกครั้งหนึ่ง
19 พี่น้องครับ ถ้าคนไหนในพวกคุณ ถูกชักนำให้หลงไปจากความจริง และมีบางคนไปนำเขากลับมา 20 ก็ให้จำเอาไว้ว่า คนที่นำคนบาปกลับมาจากทางผิดนั้น ก็ได้ช่วยชีวิตคนบาปคนนั้นให้หลุดพ้นจากความตาย และทำให้ความบาปมากมายได้รับการยกโทษ
คนที่ไม่ได้ต่อต้านพระเยซูก็เป็นพวกพระองค์
(ลก. 9:49-50)
38 ยอห์นเล่าให้พระเยซูฟังว่า “อาจารย์ครับ พวกเราเห็นชายคนหนึ่งขับผีชั่วออก โดยอ้างชื่อของอาจารย์ พวกเราก็เลยพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา”
39 แต่พระเยซูบอกว่า “อย่าไปห้ามเขาเลย เพราะไม่มีใครที่อ้างชื่อเราทำสิ่งอัศจรรย์ แล้วอีกประเดี๋ยวหนึ่งก็มาใส่ร้ายเรา 40 คนที่ไม่ได้ต่อต้านเราก็เป็นพวกเรา 41 ใครก็ตามที่ให้น้ำพวกคุณดื่มเพราะพวกคุณเป็นคนของพระคริสต์ เรารับรองว่า เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน
โทษสำหรับผู้ที่ทำให้คนอื่นทำบาป
(มธ. 18:6-9; ลก. 17:1-2)
42 ระหว่างการทำให้คนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ที่ไว้วางใจในเราหลงไปทำบาป กับการถูกถ่วงน้ำโดยมีหินโม่แป้ง[a] แขวนคอไว้ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า 43 ถ้ามือข้างหนึ่งของคุณทำให้คุณทำบาป ตัดมันทิ้งซะ เพราะมือด้วนข้างหนึ่งแล้วมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า ก็ดีกว่ามีมือครบทั้งสองข้าง แต่ต้องตกนรกในไฟที่ไม่มีวันดับ 44 [b] 45 ถ้าเท้าข้างหนึ่งของคุณทำให้คุณทำบาป ก็ตัดมันทิ้งซะ เพราะเท้าข้างหนึ่งด้วนแล้วมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า ก็ยังดีกว่ามีเท้าครบทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงไปในนรก 46 [c] 47 ถ้าตาของคุณทำให้คุณทำบาปก็ควักทิ้งซะ เพราะเหลือตาข้างเดียวแล้วได้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ก็ยังดีกว่ามีตาสองข้างแล้วถูกโยนลงไปในนรก 48 ที่เต็มไปด้วยตัวหนอนที่ไม่มีวันตายและไฟที่ไม่มีวันดับ
49 ทุกคนจะต้องถูกชำระล้าง[d]ด้วยไฟแห่งความทุกข์”
50 “เกลือนั้นดี แต่ถ้าเกลือหมดรสเค็มแล้วพวกคุณจะทำให้มันกลับมาเค็มอีกได้อย่างไร ขอให้พวกคุณมีเกลือ[e] อยู่ในตัว คืออยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International