Old/New Testament
25 ในเวลานั้นซามูเอลได้ตายไป ชาวอิสราเอลทั้งหลายมารวมตัวกันและไว้ทุกข์ให้กับซามูเอล พวกเขาฝังศพซามูเอลไว้ที่บ้านของเขาในรามาห์
ดาวิด นาบาลและอาบีกายิล
ดาวิดได้ย้ายลงไปยังทะเลทรายมาโอน[a] 2 มีชายคนหนึ่งในมาโอน ร่ำรวยมาก เขามีทรัพย์สมบัติอยู่ในคารเมล เขามีแพะหนึ่งพันตัวและแกะอีกสามพันตัว ซึ่งเขากำลังตัดขนแกะอยู่ที่คารเมล 3 เขาชื่อนาบาล[b] และมีเมียชื่ออาบีกายิล นางเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและสวย แต่ผัวของนางซึ่งอยู่ในตระกูลคาเลบเป็นคนดุร้ายและใจแคบ
4 ขณะที่ดาวิดอยู่ในทะเลทราย ดาวิดได้ยินมาว่านาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ 5 เขาจึงส่งชายหนุ่มสิบคนและบอกพวกเขาว่า “ให้ไปหานาบาลที่คารเมลและคำนับเขาในนามของเรา 6 ให้บอกกับเขาว่า ‘ขอให้ท่านมีอายุยืนนาน มีสุขภาพดีทั้งท่านและคนในครอบครัวท่าน และขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของท่าน มีสุขภาพดีด้วย 7 ตอนนี้เราได้ยินมาว่า มันเป็นช่วงเวลาตัดขนแกะ ตอนที่คนเลี้ยงแกะของท่านมาอยู่กับพวกเรา พวกเราไม่ได้ทำอันตรายพวกเขา และตอนที่พวกเขาอยู่ในคารเมล ก็ไม่มีอะไรของพวกเขาหาย 8 ถามพวกคนรับใช้ของท่านดูได้เลย แล้วพวกเขาก็จะบอกท่านเอง ดังนั้นขอให้มีน้ำใจต่อคนหนุ่มของเรา เพราะพวกเรามาในช่วงเวลาของงานเลี้ยง ขอมอบสิ่งที่ท่านพอจะหาได้ ให้กับคนรับใช้ของท่าน และดาวิดลูกชายของท่านด้วยเถิด’”
9 เมื่อคนของดาวิดมาถึง พวกเขาส่งข้อความนี้ให้กับนาบาลในนามของดาวิด และพวกเขาก็คอยอยู่ 10 นาบาลตอบพวกคนรับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดคนนี้เป็นใคร ลูกชายของเจสซีเป็นใคร ทุกวันนี้มีพวกทาสมากมายที่หนีไปจากเจ้านายของเขา 11 ทำไมข้าต้องเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อสัตว์ที่ข้าฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับคนตัดขนแกะของข้า ไปให้กับผู้ชายที่มาจากไหนก็ไม่รู้”
12 คนของดาวิดกลับไป เมื่อมาถึง พวกเขาก็ได้รายงานทุกคำพูดให้ดาวิดรู้ 13 ดาวิดบอกคนของเขาว่า “ทุกคนให้เอาดาบคาดเอวไว้” พวกเขาก็พกดาบไว้ และดาวิดก็พกดาบไว้เหมือนกัน มีชายประมาณสี่ร้อยคนที่ไปกับดาวิดและอีกสองร้อยคนอยู่เฝ้าสัมภาระ
14 คนรับใช้คนหนึ่งของนาบาลได้ไปบอกอาบีกายิลเมียของนาบาลว่า “ดาวิดส่งตัวแทนมาจากทะเลทรายเพื่อมาคำนับเจ้านายของเรา แต่นายกับพูดดูถูกคนเหล่านั้นไป 15 ซึ่งคนเหล่านี้ดีกับพวกเรามาก เขาไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย และตลอดเวลาที่เราอยู่ในท้องทุ่งใกล้ๆพวกเขา ของๆพวกเราก็ไม่เคยหาย 16 พวกเขาเป็นกำแพงล้อมรอบตัวพวกเราทั้งวันทั้งคืน ตลอดเวลาที่พวกเราเลี้ยงแกะอยู่ใกล้ๆพวกเขา 17 เมื่อท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ให้พิจารณาดูว่าท่านควรจะทำยังไงดี เพราะความหายนะกำลังใกล้มาถึงนายของเราและครัวเรือนทั้งหมดของเขาแล้ว นายนั้นเป็นคนชั่วช้า ไม่มีใครสามารถพูดกับเขาได้”
18 อาบีกายิลรีบเอาขนมปังสองร้อยก้อน เหล้าองุ่นสองถุงหนัง แกะที่ย่างเสร็จแล้วห้าตัว ข้าวคั่วห้าถัง เค้กองุ่นแห้งหนึ่งร้อยก้อน และขนมมะเดื่ออัดแห้งสองร้อยแผ่น แล้วบรรทุกของทั้งหมดบนหลังลาทั้งหลาย 19 แล้วนางก็บอกกับคนรับใช้ของนางว่า “เจ้าไปก่อน แล้วเราจะตามเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลผัวของนาง
20 เมื่อนางขี่ลามาถึงหุบเขาลึก ที่นั่นดาวิดและพวกมาจากอีกด้านของภูเขา นางได้พบพวกเขาที่นั่น
21 ดาวิดพูดว่า “ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ข้าได้ดูแลทรัพย์สินของไอ้คนนี้ในทะเลทราย ไม่มีอะไรของมันที่หายไปสักอย่าง แต่มันกลับตอบแทนความดีของข้าด้วยความชั่ว 22 ขอให้พระเจ้าลงโทษดาวิดอย่างหนัก ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าข้ายังปล่อยให้ชายแม้แต่คนเดียวของมันรอดชีวิต”
23 เมื่ออาบีกายิลพบหน้าดาวิด นางรีบลงจากหลังลา และซบหน้ากราบถึงพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางก้มกราบอยู่แทบเท้าของดาวิดและพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า โปรดลงโทษข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเถิด โปรดปล่อยให้คนรับใช้ของท่านพูดเถิด โปรดฟังในสิ่งที่ผู้รับใช้ของท่านจะพูด 25 ขอเจ้านายของข้าพเจ้า ได้โปรดอย่าได้ไปสนใจนาบาลชายชั่วช้าคนนั้นเลย นาบาลแปลว่าโง่ และเขาก็ทำตัวสมชื่อของเขา ส่วนข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไม่ได้เห็นพวกชายหนุ่มที่ท่านส่งมา 26 พระยาห์เวห์ได้ยับยั้งมือท่าน เจ้านายของข้าพเจ้า จากการนองเลือด และการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ขอให้ศัตรูของท่านหรือผู้ที่มุ่งจะทำร้ายท่าน ถูกสาปแช่งเหมือนนาบาล 27 และขอรับของขวัญนี้ที่ผู้รับใช้ของท่านได้นำเอามาให้กับเจ้านาย ไปแบ่งให้กับพวกหนุ่มๆที่ติดตามท่าน 28 โปรดอภัยให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านที่ได้ทำผิดต่อท่าน พระยาห์เวห์จะสร้างราชวงศ์อันยั่งยืนให้กับท่านเจ้านายของข้าพเจ้า เพราะท่านได้ร่วมรบอยู่ฝ่ายเดียวกับพระยาห์เวห์ ขออย่าได้พบความชั่วใดๆในตัวท่านเลยตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ 29 ถ้ามีใครไล่ล่าเพื่อจะเอาชีวิตท่าน ชีวิตของท่านผู้เป็นเจ้านายข้าพเจ้าก็จะถูกผูกมัดไว้อย่างมั่นคงกับพวกผู้มีชีวิตที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ห่อมัดเอาไว้ แต่ส่วนชีวิตของพวกศัตรูท่าน พระองค์จะเหวี่ยงออกไปเหมือนถูกเหวี่ยงออกจากสลิง 30 พระยาห์เวห์จะทำสิ่งดีๆให้กับท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าอย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้ และพระองค์จะทำให้ท่านเป็นผู้นำของอิสราเอล 31 ถึงวันนั้น เจ้านายของข้าพเจ้า จะได้ไม่ต้องรู้สึกหนักใจ เพราะเคยทำให้เกิดการนองเลือดโดยไม่จำเป็น หรือได้ไปแก้แค้นด้วยตนเอง แล้วเมื่อพระยาห์เวห์ทำให้เจ้านายของข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านด้วย”
32 ดาวิดพูดกับอาบีกายิลว่า “ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ได้ส่งท่านมาพบเราในวันนี้ 33 ขอให้ท่านได้รับพร เพราะท่านคิดรอบคอบและได้ยับยั้งเราจากการนองเลือดในวันนี้ และจากการแก้แค้นด้วยมือของเราเอง 34 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้ยับยั้งเราจากการทำลายท่าน เพราะถ้าท่านไม่ได้มาพบเราเร็วๆอย่างนี้ พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าชายทุกคนในครัวเรือนของนาบาล จะไม่เหลือรอดชีวิตสักคนถึงพรุ่งนี้เช้าแน่”
35 แล้วดาวิดก็รับของที่นางนำมาให้ แล้วพูดว่า “ขอให้ท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เราได้ฟังสิ่งที่ท่านพูดไว้ และเราจะทำตามคำขอของท่าน”
36 เมื่ออาบีกายิลกลับมาหานาบาล เขากำลังมีงานเลี้ยงอยู่ในบ้านอย่างกษัตริย์ เขากำลังรื่นเริงมากและเมามาก นางเลยไม่บอกอะไรเขาจนถึงรุ่งเช้า 37 ในตอนเช้า เมื่อนาบาลสร่างเมา เมียของเขาก็บอกเขาถึงเรื่องราวทั้งหมด และเส้นสมองของเขาก็แตก และเขาเป็นอัมพาตแข็งเหมือนหิน 38 ประมาณสิบวันต่อมา พระยาห์เวห์ตีนาบาลและเขาก็ตาย
39 เมื่อดาวิดรู้เรื่องที่นาบาลตาย ก็พูดว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ ที่แก้แค้นนาบาลผู้ดูถูกเหยียดหยามข้าพเจ้า พระองค์ได้ยับยั้งข้าพเจ้าไม่ให้ทำความชั่ว และให้กรรมชั่วที่นาบาลทำนั้นตกลงบนหัวเขาเอง”
แล้วดาวิดได้ส่งข่าวไปถึงอาบีกายิล ขอให้นางมาเป็นเมียของเขา 40 คนรับใช้ของดาวิดไปยังคารเมล และบอกกับนางอาบีกายิลว่า “ดาวิดส่งพวกเรามาหาท่าน เพื่อรับท่านไปเป็นเมียของเขา”
41 เธอก้มหน้ากราบลงถึงดินแล้วพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านอยู่นี่แล้วค่ะ และยินดีรับใช้และพร้อมที่จะล้างเท้าแม้แต่เท้าของพวกผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพเจ้า”
42 อาบีกายิลรีบขึ้นบนหลังลา และมาพร้อมกับหญิงรับใช้ของนางห้าคน พวกเขาทั้งหมดไปพร้อมกับคนส่งข่าวของดาวิด และนางก็ได้มาเป็นเมียของดาวิด
43 ดาวิดยังแต่งงานกับนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และทั้งสองก็เป็นเมียของเขา 44 แต่ซาอูลได้ยกมีคาลลูกสาวของเขาซึ่งเป็นเมียของดาวิด ให้กับปัลทีลูกชายของลาอิชซึ่งมาจากกัลลิม
ดาวิดไว้ชีวิตซาอูลอีกครั้ง
26 ชาวศีฟมาหาซาอูลที่เมืองกิเบอาห์แล้วบอกว่า “ดาวิดซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาฮาคีลาห์ซึ่งอยู่ตรงข้ามเยชิโมน”
2 ซาอูลจึงลงมายังทะเลทรายศีฟ พร้อมกับทหารที่คัดเลือกมาจากชาวอิสราเอลจำนวนสามพันคนเพื่อค้นหาดาวิดที่นั่น 3 ซาอูลได้ตั้งค่ายของเขาอยู่ข้างถนนบนภูเขาฮาคีลาห์หันหน้าไปทางเยชิโมน
แต่ดาวิดยังคงอยู่ในทะเลทราย เมื่อดาวิดเห็นว่าซาอูลได้ตามเขามาถึงที่นั่น 4 ดาวิดจึงส่งคนสอดแนมออกไปและรู้ว่าซาอูลมาแน่แล้ว 5 ดาวิดจึงออกไปที่ค่ายของซาอูล เขาเห็นซาอูลและแม่ทัพอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ กำลังนอนอยู่ ซาอูลนอนอยู่ในค่าย โดยมีทหารตั้งค่ายล้อมรอบเขาอีกทีหนึ่ง
6 ดาวิดถามอาหิเมเลคคนฮิตไทต์และอาบีชัยลูกชายของนางเศรุยาห์ น้องชายของโยอาบว่า “ใครจะลงไปหาซาอูลที่ค่ายกับเราบ้าง”
อาบีชัยตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน”
7 ดังนั้นดาวิดกับอาบีชัยจึงเข้าไปที่กองทัพในตอนกลางคืน และพบซาอูลนอนหลับอยู่ด้านในของค่าย มีหอกปักอยู่บนดินใกล้หัวของเขา อับเนอร์และทหารนอนล้อมรอบตัวเขาอยู่ 8 อาบีชัยบอกกับดาวิดว่า “วันนี้พระเจ้าได้ส่งศัตรูของท่านมาถึงมือของท่านแล้ว โปรดให้ข้าพเจ้าใช้หอกของข้าพเจ้าแทงเขาจนติดดินเถิด ข้าพเจ้าแทงเขาแค่ทีเดียวก็พอ ไม่จำเป็นต้องแทงถึงสองครั้ง”
9 แต่ดาวิดบอกกับอาบีชัยว่า “อย่าทำร้ายเขา มีใครบ้างที่ทำร้ายคนที่พระเจ้าได้เจิมไว้ แล้วไม่มีความผิด 10 พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าพระยาห์เวห์เองจะฆ่า[c] เขา อาจจะให้ตายตอนแก่ หรือให้จบชีวิตในสนามรบ 11 แต่พระยาห์เวห์ ห้ามไม่ให้เราทำร้ายคนที่พระองค์เจิมไว้ ตอนนี้เราเอาหอกและเหยือกน้ำที่อยู่ใกล้หัวของซาอูลไปก็แล้วกัน”
12 ดาวิดจึงหยิบหอกและเหยือกน้ำ ที่อยู่ใกล้หัวของซาอูล แล้วพวกเขาก็จากไป ไม่มีใครเห็นหรือรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครตื่นสักคน พวกเขาหลับกันหมด เพราะพระยาห์เวห์ทำให้พวกเขาหลับสนิท
13 ดาวิดข้ามมาอยู่อีกด้านของภูเขา และยืนอยู่บนยอดเขาห่างออกไป มีที่ว่างกว้างใหญ่อยู่ระหว่างทั้งสองฝ่าย 14 เขาตะโกนเรียกพวกทหารและอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ว่า “อับเนอร์ เจ้าไม่ตอบเราหรือ”
อับเนอร์ตอบว่า “เจ้าเป็นใครมาเรียกกษัตริย์ทำไม”
15 ดาวิดบอกว่า “เจ้าเป็นชายชาติทหารไม่ใช่หรือ และในอิสราเอลมีใครเก่งเหมือนเจ้าบ้าง แต่ดูสิ มีคนเข้าไปทำร้ายกษัตริย์เจ้านายของเจ้า ทำไมเจ้าไม่เฝ้าดูแลกษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของเจ้าให้ดีๆ 16 สิ่งที่เจ้าทำนี้ใช้ไม่ได้ พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าเจ้าและคนของเจ้าสมควรตาย เพราะพวกเจ้าไม่ได้เฝ้าดูแลเจ้านายของพวกเจ้า ผู้ที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้ มองดูรอบตัวเจ้าสิ หอกของกษัตริย์และเหยือกน้ำที่วางอยู่ใกล้หัวของเขา อยู่ไหนแล้ว”
17 ซาอูลจำเสียงของดาวิดได้และพูดว่า “นั่นเสียงเจ้าใช่ไหมดาวิดลูกชายเรา”
ดาวิดตอบว่า “ถูกแล้ว เป็นข้าพเจ้าเอง กษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า” 18 และเขาก็พูดต่อไปว่า “ทำไมเจ้านายของข้าพเจ้าจึงตามล่าคนรับใช้ของท่านอีก ข้าพเจ้าได้ทำอะไรหรือ และข้าพเจ้ามีความผิดอะไรหรือ 19 ตอนนี้กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ฟังคำพูดของคนรับใช้ของท่านให้ดี ถ้าพระยาห์เวห์ยุแหย่ท่านให้ต่อสู้กับข้าพเจ้า ขอให้พระองค์ยอมรับเครื่องบูชาเถิด แต่ถ้าเป็นพวกมนุษย์ยุแหย่ ก็ขอให้พวกเขาถูกสาปแช่งต่อหน้าพระยาห์เวห์ พวกเขาได้ขับไล่ข้าพเจ้าไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนที่เป็นทรัพย์สินของพระยาห์เวห์ และบอกว่า ‘ไปรับใช้พวกพระอื่นซะ’ 20 ตอนนี้ขออย่าทำให้เลือดของข้าพเจ้าไหลลงดินไกลจากพระยาห์เวห์องค์นี้เลย กษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ออกมาตามหาตัวหมัดตัวเดียว เหมือนกับคนๆหนึ่งที่ออกตามล่านกกระทาตามภูเขา[d]”
21 ซาอูลพูดว่า “เราได้ทำบาปอีกแล้ว กลับมาเถิดดาวิดลูกชายของเรา เพราะเจ้าได้เห็นว่าชีวิตเรามีค่ามากในวันนี้ เราจะไม่พยายามทำร้ายเจ้าอีกแล้ว เราทำตัวเหมือนคนโง่และได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวง”
22 ดาวิดตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หอกของท่านอยู่นี่ ส่งชายหนุ่มของท่านมารับมันกลับไปเถอะ 23 พระยาห์เวห์ให้รางวัลกับทุกคนตามความชอบธรรมและความซื่อสัตย์ของเขา พระยาห์เวห์ส่งท่านให้มาอยู่ในมือข้าพเจ้าในวันนี้ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยื่นมือทำร้ายคนที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้เป็นอันขาด 24 ขอให้พระยาห์เวห์เห็นคุณค่าของชีวิตข้าพเจ้า เหมือนกับที่ข้าพเจ้าเห็นคุณค่าของชีวิตท่าน และโปรดช่วยให้ข้าพเจ้าพ้นจากปัญหาทุกอย่างด้วยเถิด”
25 ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “ขอให้เจ้าได้รับพรอันประเสริฐ ดาวิดลูกชายเรา เจ้าจะทำหลายสิ่งหลายอย่างและจะสำเร็จอย่างแน่นอน”
แล้วดาวิดก็ไปตามทางของเขา ส่วนซาอูลก็กลับบ้านไป
อย่าไว้วางใจเงิน
32 “ฝูงแกะเล็กๆเอ๋ย ไม่ต้องกลัวนะ เพราะพระบิดาของคุณยินดีที่จะมอบอาณาจักรให้กับคุณ 33 ให้ไปขายทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ เอาเงินไปแจกให้กับคนจน แล้วจัดหาถุงเงินที่ไม่มีวันเก่าหรือขาดให้กับตัวเอง คือทรัพย์สมบัติบนสวรรค์ที่ไม่มีวันหมด ขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้ และตัวมอดก็กัดกินไม่ได้ด้วย 34 เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย”
เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
(มธ. 24:45-51)
35 “แต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะรับใช้อยู่เสมอ และจุดตะเกียงให้ส่องสว่างอยู่เสมอ 36 เหมือนกับคนที่กำลังคอยเจ้านายของตนกลับมาจากงานแต่งงาน เมื่อเขามาเคาะประตูเรียก ก็จะได้เปิดให้ทันที 37 พวกคนใช้ที่เจ้านายกลับมาพบว่ายังคงตื่นคอยเขาอยู่ ก็ถือว่ามีเกียรติจริงๆ เราจะบอกให้รู้ว่า นายคนนั้นจะพาพวกคนใช้ไปนั่งที่โต๊ะ และเขาก็จะใส่ผ้ากันเปื้อน มาคอยให้บริการพวกคนใช้ที่นั่งกินอยู่ 38 ถ้านายกลับมาตอนเที่ยงคืนหรือดึกกว่านั้น แล้วพบว่าคนใช้ยังอยู่เตรียมพร้อมอย่างนั้น พวกเขาก็มีเกียรติจริงๆ 39 แต่ให้รู้นะว่า ถ้าเจ้าของบ้านรู้ตัวว่า ขโมยจะมาเวลาไหน เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดเข้ามาในบ้านแน่ 40 พวกคุณก็เหมือนกัน ให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะบุตรมนุษย์จะมาตอนที่คุณคาดไม่ถึง”
ใครคือผู้รับใช้ที่ไว้ใจได้
(มธ. 24:45-51)
41 เปโตรได้ถามว่า “อาจารย์ครับ เรื่องเปรียบเทียบนี้ อาจารย์เล่าให้แต่พวกเราฟังเท่านั้น หรือเล่าให้กับทุกคนฟัง”
42 องค์เจ้าชีวิตจึงตอบว่า “ใครคือพ่อบ้านที่ซื่อสัตย์และฉลาด ที่เจ้านายมอบหมายให้ดูแลและจัดหาอาหารให้กับทาสอื่นๆตามเวลา 43 เมื่อนายกลับมาเห็นทาสคนนั้นทำงานอย่างดี ทาสคนนั้นก็จะได้รับเกียรติจริงๆ 44 เราจะบอกให้รู้ว่า เจ้านายจะแต่งตั้งทาสคนนั้นให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา 45 แต่ถ้าทาสคนนั้นคิดในใจว่า ‘นายของข้ายังไม่กลับมาหรอก’ ก็เลยเริ่มทุบตีพวกทาสชายหญิงคนอื่นๆและกินดื่มจนเมามาย 46 เจ้านายจะกลับมาในวันและเวลาที่เขาไม่คาดคิด แล้วเขาก็จะถูกตัดเป็นชิ้นๆพร้อมกับทาสคนอื่นๆที่ไม่เชื่อฟัง
47 ทาสที่ไม่ยอมเตรียมตัว หรือไม่ทำตามสิ่งที่เจ้านายสั่งให้ทำ จะถูกเฆี่ยนอย่างหนัก 48 แต่ถ้าทาสไม่รู้ว่าเจ้านายสั่งให้ทำอะไร ก็จะถูกเฆี่ยนน้อยหน่อยเมื่อทำผิด พระเจ้าให้พระพรกับใครมาก คนนั้นก็ต้องคืนมาก พระเจ้าฝากความรับผิดชอบให้กับใครมาก พระองค์ก็จะคาดหวังมากจากคนนั้น”
ความแตกแยกกันเรื่องพระเยซู
(มธ. 10:34-36)
49 “เรามาเพื่อทำให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เราอยากให้มันลุกเป็นไฟเดี๋ยวนี้เลย 50 แต่เราต้องได้รับการจุ่มลงไปในความทุกข์เสียก่อน เราเองก็รู้สึกทุกข์ใจมากจนกว่ามันจะสำเร็จ 51 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำความสงบสุขมาให้กับโลกนี้ แต่เรามาเพื่อทำให้เกิดการแตกแยกต่างหาก 52 ต่อไปนี้ครอบครัวที่มีห้าคนจะแตกแยกกันเป็นสองฝ่าย สามต่อสอง หรือสองต่อสาม 53 จะเกิดการแตกแยกกันระหว่างพ่อกับลูกชาย แม่กับลูกสาว และแม่ผัวกับลูกสะใภ้”
ให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวนี้
(มธ. 16:2-3)
54 แล้วพระเยซูหันไปพูดกับชาวบ้านว่า “เมื่อคุณเห็นก้อนเมฆมืดครึ้มลอยมาจากทิศตะวันตก คุณก็พูดว่า ‘ฝนจะตกแล้ว’ แล้วมันก็ตกจริงๆ 55 เมื่อคุณเห็นลมพัดมาจากทิศใต้ คุณก็บอกว่า ‘อากาศจะร้อนแน่ๆ’ และมันก็เป็นอย่างนั้น 56 ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด พวกคุณรู้จักที่จะตีความหมายของดินฟ้าอากาศ แต่กลับไม่รู้จักความหมายของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
ไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี
(มธ. 5:25-26)
57 คุณตัดสินใจเอาเองไม่ได้หรือ ว่าคุณควรจะทำยังไง 58 เมื่อคุณกำลังไปศาลกับคนที่ฟ้องร้องคุณ พยายามไกล่เกลี่ยกับเขาซะในระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นเขาจะลากตัวคุณไปพบผู้พิพากษา และผู้พิพากษาก็จะส่งตัวคุณให้กับผู้คุมเพื่อจับเข้าคุก 59 เราจะบอกให้รู้ว่าคุณจะถูกขังจนกว่าจะใช้หนี้ครบทุกบาททุกสตางค์”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International