Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ดาเนียล 3-4

รูปปั้นทองคำและเตาไฟ

ต่อมากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้คนสร้างรูปปั้นทองคำขึ้นมา สูงหกสิบศอกและยาวหกศอก พระองค์ตั้งมันไว้ในที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีคำสั่งออกไปว่าให้พวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ พวกที่ปรึกษา พวกผู้ดูแลด้านการเงิน พวกผู้พิพากษา พวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆทั้งหมดที่อยู่ตามมณฑลต่างๆจะต้องมาชุมนุมกันในงานเฉลิมฉลองรูปปั้น ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น

ดังนั้น พวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ พวกที่ปรึกษา พวกผู้ดูแลด้านการเงิน พวกผู้พิพากษา พวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆทั้งหมดที่อยู่ตามมณฑลต่างๆ ก็ได้มาชุมนุมในงานเฉลิมฉลองรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น พวกเขามายืนชุมนุมกันอยู่ต่อหน้ารูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้นนั้น แล้วโฆษกก็ตะโกนเสียงดังว่า

“คนทุกเชื้อชาติทุกภาษา เมื่อไรก็ตามที่ท่านได้ยินเสียงของแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ท่านจะต้องก้มกราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้นมา ใครที่ไม่ยอมก้มกราบก็จะถูกจับโยนลงในเตาไฟที่ร้อนแรงทันที”

ดังนั้น เมื่อคนได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ทุกคนไม่ว่าจะมาจากชนชาติไหนหรือพูดภาษาใด ต่างก็พากันก้มกราบนมัสการต่อรูปเคารพทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น

ทันทีที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกคาสดิมก็ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ และไปฟ้องเรื่องของคนยูดาห์บางคน พวกนั้นฟ้องกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้พระองค์มีชีวิตยืนยาว 10 ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ได้ออกกฎว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินเสียงของแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ทุกคนจะต้องก้มกราบนมัสการต่อหน้ารูปปั้นทองคำ 11 และใครก็ตามที่ไม่ยอมทำตามนั้น ก็จะถูกโยนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรง 12 เรื่องมีอยู่ว่า มีคนพวกหนึ่ง ก็คือพวกยิวที่พระองค์ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน ชื่อชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก สามคนนี้ไม่สนใจคำสั่งของพระองค์ พวกมันไม่ยอมนมัสการเทพเจ้าของพระองค์ พวกมันไม่ยอมก้มกราบรูปปั้นทองคำที่พระองค์ตั้งขึ้น”

13 เมื่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ยินอย่างนั้น ก็โกรธจัด สั่งให้คนไปเอาตัวชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกมาหาพระองค์ พวกนั้นจึงไปพาทั้งสามคนมาเข้าเฝ้าต่อหน้ากษัตริย์ 14 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ถามว่า “ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก จริงหรือเปล่าที่เจ้าไม่ยอมนมัสการเทพเจ้าของเรา และไม่ยอมก้มกราบรูปปั้นทองคำที่เราตั้งขึ้นมา 15 ฟังให้ดีนะ เจ้าจะต้องพร้อมที่จะก้มกราบนมัสการต่อรูปปั้นที่เราสร้างขึ้น เมื่อเจ้าได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา เพราะถ้าเจ้าไม่ยอมทำละก็ เจ้าจะถูกโยนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรงทันที แล้วเทพเจ้าองค์ไหนจะมาช่วยเจ้าให้รอดจากอำนาจของเราได้”

16 ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกตอบว่า “พวกเราไม่จำเป็นจะต้องแก้ตัวต่อพระองค์ในเรื่องนี้ 17 ข้าแต่กษัตริย์ เพราะพระเจ้าของเราที่พวกเรารับใช้อยู่นี้มีจริง พระเจ้าสามารถช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากเตาไฟที่ร้อนแรงนั้น และพระเจ้าจะช่วยให้พวกเรารอดพ้นจากเงื้อมมือของพระองค์ด้วย 18 แต่ถ้าหากว่าพระเจ้าจะไม่ช่วยพวกเรา ก็ขอให้พระองค์รู้ไว้เถิดว่า เราก็จะไม่นมัสการเทพเจ้าของพระองค์ และเราก็จะไม่ก้มลงกราบรูปปั้นทองคำที่พระองค์ตั้งขึ้น”

19 ถึงตอนนี้ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ยิ่งโกรธจัด หน้าตาของพระองค์ก็บูดเบี้ยวไปต่อชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก และพระองค์ก็สั่งให้เพิ่มไฟในเตาให้ร้อนแรงขึ้นกว่าของเดิมเป็นเจ็ดเท่า 20 และพระองค์สั่งทหารบางคนที่แข็งแรงมากในกองทัพของพระองค์ มัดตัวชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก และให้โยนพวกเขาลงไปในเตาไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่

21 ทั้งสามคนก็เลยถูกมัด ในขณะที่ยังมีเสื้อคลุม กางเกง หมวก รวมทั้งเสื้อผ้าอื่นๆสวมใส่อยู่ แล้วพวกทหารก็โยนทั้งสามคนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรง 22 เป็นเพราะกษัตริย์สั่งอย่างเฉียบขาด ให้คนทำเตาไฟให้ร้อนกว่าเดิมมาก พวกทหารที่โยนชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ลงไปในเตา ก็ถูกเปลวไฟเผาตาย 23 ชายทั้งสามคน คือชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก หล่นลงไปในเตาไฟ ในขณะที่ถูกมัดอยู่

24 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็สะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และร้องถามพวกที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆว่า “เรามัดแค่สามคนโยนลงไปในเตาไฟไม่ใช่หรือ”

พวกเขาตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์พูดถูกแล้ว”

25 พระองค์จึงถามว่า “แล้วทำไมเราถึงเห็นสี่คนเดินไปเดินมาอยู่ในกองไฟนั้นละ แล้วยังไม่ถูกมัดอีกต่างหาก และไม่เป็นอันตรายอะไรเลย แถมคนที่สี่ก็ดูเหมือนเป็นเทพเจ้าอีกด้วย”

26 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็เข้าไปใกล้ๆประตูของเตาไฟและพูดว่า

“ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด ออกมาเถิด”

จากนั้นชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ก็ออกมาจากเตาไฟ

27 แล้วพวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ และพวกที่ปรึกษาของกษัตริย์ ต่างก็เข้ามามุงดู แล้วก็เห็นว่าไฟไม่ได้ทำอันตรายกับร่างกายของพวกเขาเลย ผมบนหัวก็ไม่ไหม้ เสื้อผ้าก็ไม่ไหม้ ไม่มีแม้แต่กลิ่นไหม้ติดตัวพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

28 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็พูดว่า “ขอสรรเสริญพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และ เอเบดเนโก พระองค์ได้ส่งทูตสวรรค์ลงมาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ ที่ไว้วางใจในพระองค์ พวกเขากล้าขัดคำสั่งของกษัตริย์ ถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง แทนที่จะรับใช้หรือนมัสการเทพเจ้าองค์ใดนอกเหนือจากพระเจ้าของพวกเขา 29 บัดนี้ เราขอสั่งว่าใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใดหรือภาษาไหน ที่ว่าร้ายพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก จะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆและบ้านของมันผู้นั้นจะต้องกลายเป็นส้วมสาธารณะ เพราะไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนที่สามารถช่วยชีวิตคนของพระองค์ได้อย่างนี้หรอก” 30 จากนั้นกษัตริย์ก็เลื่อนขั้นให้กับชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ในมณฑลบาบิโลน

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ฝันเรื่องต้นไม้

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ส่งข่าวสารถึงประชาชนทุกคน ทุกเชื้อชาติ และทุกภาษา ที่อาศัยอยู่ทั่วโลก

ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญ

เรามีความยินดีที่จะบอกกับท่านถึงอิทธิฤทธิ์และความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสูงสุดได้ทำให้กับเรา

อิทธิฤทธิ์ของเทพองค์นี้ยิ่งใหญ่นัก
    ความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้นทรงพลัง
อาณาจักรของพระองค์นั้นเป็นอาณาจักรที่อยู่ชั่วนิรันดร์
    พระองค์จะปกครองตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน

เมื่อตอนที่เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในบ้านพักของเรา และมีความสุขกับชีวิตในวังของเรานั้น เราฝันร้าย และมันทำให้เราตกใจกลัวมาก เราจึงมีคำสั่งให้นำพวกที่ปรึกษาของเราทั้งหมดที่มีอยู่ในบาบิโลน มาพบเพื่อทำนายฝันนั้น เมื่อพวกหมอดู พวกผู้สะเดาะเคราะห์ พวกคาสดิม และพวกโหร มาถึง เราก็เล่าความฝันให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำนายฝันให้กับเราได้ และในที่สุด ดาเนียลก็มาพบเรา ดาเนียลมีชื่อในภาษาของคนบาบิโลนว่าเบลเทชัสซาร์ ตามชื่อของเทพเจ้าของเรา และวิญญาณของพวกเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ได้สถิตอยู่ในตัวเขา ดังนั้นเราจึงเล่าความฝันให้เขาฟัง เราพูดว่า “เบลเทชัสซาร์ หัวหน้าหมอดู เรารู้ว่าวิญญาณของพวกเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ในตัวเจ้า และไม่มีความลับอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเจ้า ช่วยทำนายฝันที่เราเห็นนั้นให้กับเราหน่อย 10 ตอนที่เรากำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น เราเริ่มเห็นนิมิตต่างๆในหัวของเรา ทันใดนั้นก็มีต้นไม้สูงมากต้นหนึ่งอยู่ตรงกลางโลกนี้ 11 ต้นไม้นี้ได้โตขึ้นและแข็งแรงขึ้น ยอดของมันสูงเสียดฟ้า ขนาดอยู่ไกลถึงสุดขอบโลกก็ยังมองเห็นต้นนี้ 12 ใบของมันสวยงามมาก มีผลดกเต็มต้น เพียงพอที่จะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สัตว์ป่าหาร่มเงาอยู่ใต้ต้นไม้นี้ มีนกทำรังอยู่ตามกิ่งก้านของมัน และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดหาอาหารกินบนต้นไม้นี้

13 ขณะที่ข้ายังนอนอยู่บนเตียง กำลังฝันเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่นั้น ก็มีผู้เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์[a] องค์หนึ่งลงมาจากฟ้า 14 เขาร้องตะโกนว่า ‘โค่นต้นไม้นั้นซะ ฟันกิ่งก้านทิ้งให้หมด ดึงใบของมันทิ้งด้วย พร้อมกับโยนผลของมันทิ้งไปให้หมด ทำให้สัตว์ป่าที่อยู่ใต้ต้นและพวกนกที่อยู่บนกิ่งของมัน จะต้องหนีและบินกันไป 15 แต่ให้เหลือตอและรากของมันไว้ในดิน แล้วเอาแผ่นเหล็กและแผ่นทองแดงมาคาดมันไว้ ทิ้งมันไว้ที่นั่นในท้องทุ่งกับหญ้า มันจะต้องตากน้ำค้างที่ตกจากฟ้าจนเปียก ท่ามกลางสิงสาราสัตว์ทั้งหลายในท้องทุ่งที่มีหญ้าขึ้นอุดมสมบูรณ์ 16 เขาจะกลายเป็นบ้า แล้วเริ่มคิดเหมือนสัตว์ แล้วฤดูกาลก็จะผ่านพ้นเขาไปเจ็ดฤดูกาล

17 คำประกาศนี้ก็คือคำสั่งของพวกทูตที่เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์ คำตัดสินนี้เป็นไปตามคำสั่งของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแสดงให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้ว่า พระเจ้าสูงสุดคือผู้ครอบครองอาณาจักรของมนุษย์ทั้งหมด และพระองค์จะให้อาณาจักรกับใครก็ได้ที่พระองค์ต้องการ และพระองค์สามารถยกคนที่ต่ำต้อยที่สุด แล้วตั้งเขาให้ปกครองได้’

18 นั่นแหละคือสิ่งที่เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ฝันเห็น เอาล่ะ เบลเทชัสซาร์ เจ้าต้องอธิบายความฝันนั้นให้ข้าฟัง เพราะไม่มีผู้รู้คนไหนในอาณาจักรสามารถอธิบายมันได้ แต่เจ้าต้องทำได้แน่ เพราะเจ้ามีวิญญาณของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว”

19 แล้วดาเนียล (หรือเบลเทชัสซาร์) ก็เงียบไปพักหนึ่ง เพราะความเข้าใจที่เขามีต่อความฝันนั้น ทำให้เขาไม่สบายใจมาก

กษัตริย์ก็พูดว่า “เบลเทชัสซาร์ อย่าได้วิตกกังวลกับความฝันและคำทำนายนั้นเลย”

เบลเทชัสซาร์จึงตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าความฝันนี้และคำอธิบายของมัน จะพูดถึงพวกศัตรูของพระองค์

20 ต้นไม้ที่พระองค์เห็นนั้น ต้นที่ใหญ่โตและแข็งแกร่ง ที่มียอดสูงเสียดฟ้า จนสามารถมองเห็นจากสุดขอบโลก 21 ต้นนั้นที่มีใบงดงาม มีลูกดกเป็นอาหารสำหรับทุกชีวิต ต้นที่สัตว์ป่ามาอาศัยร่มเงาอยู่ที่โคนต้น และนกมาทำรังที่กิ่งก้านของมัน 22 ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์คือต้นไม้ต้นนั้น พระองค์ได้เติบโตและยิ่งใหญ่เกรียงไกร ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เจริญขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และสิทธิอำนาจของพระองค์ได้แผ่ขยายไปถึงสุดขอบโลก

23 คราวนี้ พูดถึงทูตเฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่พระองค์เห็นลงมาจากสวรรค์นั้น ที่พูดว่า ‘โค่นต้นไม้นั่นซะ แล้วทำลายมันให้หมด ยกเว้นตอกับราก ที่เจ้าจะต้องเหลือไว้ในดิน เอาแผ่นเหล็กและทองแดงมาคาดมันไว้กลางทุ่ง ที่นั่นมันจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างที่ตกจากฟ้า เขาจะอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า จนกว่าจะผ่านไปเจ็ดฤดูกาล’

24 ข้าแต่กษัตริย์ ความหมายของมันคือ พระเจ้าสูงสุดได้ตัดสินให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นกับพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์ 25 พวกเขาจะขับไล่พระองค์ไปจากคนอื่นๆ พระองค์จึงต้องอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า และต้องกินหญ้าเหมือนวัว และเปียกโชกไปด้วยน้ำค้างจากฟ้า ฤดูกาลจะผ่านไปเจ็ดฤดู แล้วพระองค์ถึงจะได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าสูงสุด คือผู้ที่ปกครองอยู่เหนืออาณาจักรของมนุษย์ทั้งหมด และพระเจ้าจะเป็นผู้แต่งตั้งใครก็ได้มาปกครองอาณาจักรพวกนั้นตามที่พระองค์ต้องการ

26 เมื่อผู้เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์พูดว่า ‘ให้เหลือตอกับรากเอาไว้’ นั่นก็แสดงว่าอาณาจักรยังเป็นของพระองค์อยู่ แต่ต้องเป็นหลังจากที่พระองค์ได้เรียนรู้แล้วว่า พระเจ้าในสวรรค์เป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง 27 ดังนั้น ข้าแต่กษัตริย์ ขอยอมรับคำแนะนำของข้าพเจ้าด้วยเถิด คือ ขอให้หักดิบไม่ทำความบาปแล้วทำความดีแทน ขอให้มีเมตตากับคนจนแทนที่จะทำความชั่วร้าย แล้วพระองค์ก็จะมีชีวิตที่ผาสุขไปอีกยาวนาน”

28 แล้วเรื่องทั้งหมดนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์จริงๆ

29 สิบสองเดือนต่อมา ในขณะที่พระองค์กำลังเดินอยู่บนดาดฟ้าวัง 30 พระองค์ก็พูดว่า “ดูนี่สิ บาบิโลน เมืองอันยิ่งใหญ่ ที่ข้าได้สร้างขึ้นมาด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของข้าเอง ข้าได้สร้างให้เป็นเมืองหลวงสำหรับอาณาจักรของข้า เพื่อนำเกียรติยศมาให้กับตัวข้า”

31 พระองค์พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงหนึ่งพูดลงมาจากสวรรค์ว่า “นี่คือสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ตอนนี้อาณาจักรของเจ้าได้ถูกยึดไปจากเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะต้องถูกขับไล่ออกจากผู้คนไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกสัตว์ป่า เจ้าจะต้องกินหญ้าเหมือนวัว ฤดูจะผ่านไปเจ็ดฤดู แล้วเจ้าถึงจะได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์เป็นผู้แต่งตั้งใครก็ตามที่พระองค์ได้เลือกไว้ให้ไปปกครองอาณาจักรเหล่านั้น”

33 ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ถูกขับออกไปจากท่ามกลางผู้คน และเริ่มกินหญ้าเหมือนวัว และเนื้อตัวของพระองค์ก็เปียกโชกไปด้วยน้ำค้างจากฟ้า ผมของพระองค์ยาวออกมาเหมือนขนนกอินทรี เล็บของพระองค์งอกยาวเหมือนอุ้งเล็บของนก

34 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็พูดต่อไปว่า “เมื่อจบช่วงเวลาที่กำหนดไว้นั้น ข้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก็มองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ และเริ่มได้สติกลับคืนมา แล้วข้าก็สรรเสริญพระเจ้าสูงสุด และข้าก็ถวายเกียรติแก่พระองค์ผู้ดำรงอยู่ตลอดกาล

พระเจ้าปกครองตลอดไป
    และอาณาจักรของพระองค์จะคงอยู่ต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน
35 มนุษย์ทั้งหมดในโลกช่างไม่มีอำนาจอะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกับอำนาจของพระเจ้า
    ไม่ว่าพระองค์อยากจะทำอะไรกับกองทัพบนสวรรค์ พระองค์ก็ทำอย่างนั้น และพระองค์ก็จะทำอย่างเดียวกันกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก
ไม่มีใครสามารถหยุดพระองค์ได้ หรือตั้งคำถามกับพระองค์ได้ว่า ‘ทำไมพระองค์ถึงทำอย่างนี้’

36 ดังนั้น ในเวลานั้น พระเจ้าคืนสติที่ดีให้กับข้าอีกครั้ง และพระองค์ได้คืนความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรข้า เกียรติของข้า พวกที่ปรึกษาของข้าและสมาชิกในวัง ก็เริ่มกลับมาขอคำปรึกษาจากข้าอีก ข้าได้กลับสู่ตำแหน่งกษัตริย์ในอาณาจักรของข้าอีกครั้งหนึ่ง และมีเกียรติมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก 37 ด้วยเหตุนี้ ข้า เนบูคัดเนสซาร์ จึงสรรเสริญและยกย่องและให้เกียรติ กับกษัตริย์แห่งสวรรค์ ผู้ที่ทำถูกต้องทุกอย่าง และเป็นผู้ที่ยุติธรรมเสมอ และเป็นผู้ที่ทำให้คนที่เย่อหยิ่งจองหองตกต่ำลง”

1 ยอห์น 5

ลูกๆของพระเจ้าชนะโลกนี้แล้ว

คนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ก็ได้เกิดเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว และคนที่รักพระเจ้าก็จะรักลูกๆของพระองค์ด้วย แบบนี้สิเราถึงรู้ว่าเรารักลูกๆของพระเจ้าจริง คือเมื่อเรารักพระเจ้าและทำตามคำสั่งของพระองค์ การที่จะรักพระเจ้าหมายความว่าเราจะทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์ และพวกคำสั่งของพระองค์ก็ไม่ยากหรอก เพราะทุกคนที่เป็นลูกของพระเจ้ามีชัยชนะเหนือโลก และความเชื่อของเราเองคือฤทธิ์อำนาจที่เอาชนะโลกแล้ว ใครกันล่ะที่เอาชนะโลกนี้ได้ ก็คนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า

พระเจ้าบอกเราเรื่องของพระบุตร

พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่มาโดยน้ำ[a] และเลือด[b] พระองค์ไม่ได้มาโดยน้ำเท่านั้น แต่มาโดยน้ำและเลือด พระวิญญาณก็ได้ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะพระวิญญาณเป็นความจริง มีอยู่สามสิ่งที่ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นจริงคือ พระวิญญาณ น้ำ และเลือด ทั้งสามอย่างนี้ได้ยืนยันตรงกันหมด ถ้าเรายอมรับพยานที่เป็นมนุษย์ว่าเชื่อถือได้ แล้วเมื่อพระเจ้ามาเป็นพยาน เราก็ควรจะเชื่อถือคำพยานของพระองค์มากยิ่งกว่านั้นอีก เพราะพระเจ้าเองเป็นพยานให้กับพระบุตรของพระองค์ 10 คนที่ไว้วางใจในพระบุตรของพระเจ้า ก็ได้เชื่อความจริงที่พระเจ้าได้ยืนยันกับเรา คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็หาว่าพระเจ้าโกหก เพราะเขาไม่เชื่อในคำยืนยันของพระเจ้าที่เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ 11 สิ่งที่พระเจ้าได้ยืนยันกับเราคือ พระองค์จะให้เรามีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์เท่านั้น 12 คนที่มีพระบุตรของพระเจ้าอยู่ด้วย ก็จะมีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้า แต่คนที่ไม่มีพระบุตรของพระองค์ ก็ไม่มีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้า

13 ผมได้เขียนเรื่องนี้ถึงพวกคุณที่ไว้วางใจในพระบุตรของพระเจ้า เพื่อพวกคุณจะได้รู้ว่า คุณยังมีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้าอยู่ 14 พวกเรามีความเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า ถ้าเราขออะไรตามที่พระเจ้าต้องการ พระองค์ก็จะฟังเรา 15 ถ้าเรารู้ว่าพระองค์ฟังเรา ไม่ว่าเราจะขออะไรก็ตาม เราจะได้รับตามที่เราขอนั้น

16 คนที่เห็นพี่น้องของตัวเองทำบาป แต่เป็นบาปที่ไม่ได้นำไปถึงความตาย เขาควรจะขอต่อพระเจ้าสำหรับพี่น้องคนนั้น และพระเจ้าจะให้ชีวิตกับพี่น้องคนนั้น ผมกำลังพูดถึงคนที่ทำบาปซึ่งไม่ได้นำไปถึงความตาย แต่บาปที่นำไปถึงความตายก็มีด้วย ผมไม่ได้บอกให้คุณขอสำหรับคนที่ทำบาปแบบนั้น 17 การกระทำผิดทุกอย่างเป็นความบาป แต่มีบาปบางอย่างที่ไม่นำไปถึงความตายด้วย

18 เรารู้ว่าคนที่เป็นลูกของพระเจ้าจะไม่ทำบาปอีกต่อไป พระบุตรของพระเจ้าก็ได้ดูแลให้เขาปลอดภัย และมารนั้นก็ไม่สามารถมาทำร้ายเขาได้ 19 เรารู้ว่าเราเป็นของพระเจ้า ถึงแม้ว่าโลกนี้จะอยู่ในมือของมารก็ตาม 20 แต่เราก็รู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าได้มาแล้ว พระองค์ได้มาให้ความเข้าใจกับเรา เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าผู้เป็นความจริงแท้ เราได้อยู่ในพระองค์ผู้เป็นความจริงนั้นโดยผ่านทางพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ พระองค์ผู้นี้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้และเป็นผู้ที่ทำให้คนมีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป 21 ลูกๆเอ๋ย อยู่ให้ห่างจากรูปเคารพทั้งหลาย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International