Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 1-2

บันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่อาดัมถึงอับราฮัม

จากอาดัมถึงบุตรทั้งหลายของโนอาห์

อาดัม เสท เอโนช เคนัน มาหะลาเลล ยาเรด เอโนค เมธูเสลาห์ ลาเมค โนอาห์

บุตรของโนอาห์ ได้แก่[a]

เชม ฮาม และยาเฟท

เชื้อสายของยาเฟท

(ปฐก.10:2-5)

บุตร[b]ของยาเฟท ได้แก่

โกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส

บุตรของโกเมอร์ ได้แก่

อัชเคนัส รีฟาท[c] และโทการมาห์

บุตรของยาวาน ได้แก่

เอลีชาห์ ทารชิช คิททิม และโรดานิม

เชื้อสายของฮาม(A)

บุตรของฮาม ได้แก่

คูช มิสราอิม[d] พูต และคานาอัน

บุตรของคูช ได้แก่

เสบา ฮาวิลาห์ สับทา ราอามาห์ และสับเทคา

บุตรของราอามาห์ ได้แก่

เชบากับเดดาน

10 คูชเป็นบิดา[e]ของ

นิมโรดซึ่งต่อมาได้เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

11 มิสราอิมเป็นบิดาของ

ชาวลูดิม ชาวอานามิม ชาวเลหะบิม ชาวนัฟทูฮิม 12 ชาวปัทรุสิม ชาวคัสลูฮิม (ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวฟีลิสเตีย) และชาวคัฟโทร์

13 คานาอันเป็นบิดาของ

ไซดอนผู้เป็นบุตรหัวปี[f] และของชาวฮิตไทต์ 14 ชาวเยบุส ชาวอาโมไรต์ ชาวเกอร์กาชี 15 ชาวฮีไวต์ ชาวอารคี ชาวสินี 16 ชาวอารวัด ชาวเศเมอร์ และชาวฮามัท

เชื้อสายของเชม

(ปฐก.10:21-31; 11:10-27)

17 บุตรของเชม ได้แก่

เอลาม อัสชูร์ อารปัคชาด ลูด และอารัม

บุตรของอารัม ได้แก่[g]

อูส ฮูล เกเธอร์ และเมเชค

18 อารปัคชาดเป็นบิดาของเชลาห์

เชลาห์เป็นบิดาของเอเบอร์

19 เอเบอร์มีบุตรชายสองคน ได้แก่

เปเลก[h] เพราะโลกถูกแบ่งแยกในช่วงชีวิตของเปเลก และอีกคนหนึ่งคือ โยกทาน

20 โยกทานเป็นบิดาของ

อัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท เยราห์ 21 ฮาโดรัม อุซาล ดิคลาห์ 22 โอบาล[i] อาบีมาเอล เชบา 23 โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของโยกทาน

24 เชม อารปัคชาด[j] เชลาห์

25 เอเบอร์ เปเลก เรอู

26 เสรุก นาโฮร์ เทราห์

27 และอับราม (คืออับราฮัม)

ครอบครัวของอับราฮัม

28 บุตรของอับราฮัม ได้แก่

อิสอัคกับอิชมาเอล

วงศ์วานของนางฮาการ์

(ปฐก.25:12-16)

29 วงศ์วานของอิชมาเอล ได้แก่

เนบาโยทผู้เป็นบุตรหัวปี เคดาร์ อัดเบเอล มิบสัม 30 มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา 31 เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรของอิชมาเอล

วงศ์วานของนางเคทูราห์

(ปฐก.25:1-4)

32 บุตรซึ่งเกิดจากนางเคทูราห์ภรรยาน้อยของอับราฮัม ได้แก่

ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอาห์

บุตรของโยกชาน ได้แก่

เชบากับเดดาน

33 บุตรของมีเดียน ได้แก่

เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์

คนเหล่านี้เป็นวงศ์วานของนางเคทูราห์

วงศ์วานของนางซาราห์

(ปฐก.36:10-14)

34 อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค

อิสอัคมีบุตรชายสองคน ได้แก่

เอซาวกับอิสราเอล

เชื้อสายของเอซาว

35 บุตรของเอซาว ได้แก่

เอลีฟัส เรอูเอล เยอูช ยาลาม และโคราห์

36 บุตรของเอลีฟัส ได้แก่

เทมาน โอมาร์ เศโฟ[k] กาทาม เคนัส

และอามาเลขซึ่งเกิดจากนางทิมนา[l]

37 บุตรของเรอูเอล ได้แก่

นาหาท เศราห์ ชัมมาห์ และมิสซาห์

ประชากรของเสอีร์ในเอโดม

(ปฐก.36:20-28)

38 บุตรของเสอีร์ ได้แก่

โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน

39 บุตรของโลทาน ได้แก่

โฮรีกับโฮมัม ทิมนาเป็นน้องสาวของโลทาน

40 บุตรของโชบาล ได้แก่

อัลวาน[m] มานาฮาท เอบาล เชโฟ และโอนัม

บุตรของศิเบโอน ได้แก่

อัยยาห์กับอานาห์

41 บุตรของอานาห์ ได้แก่

ดีโชน

บุตรของดีโชน ได้แก่

เฮมดาน[n] เอชบาน อิธราน และเคราน

42 บุตรของเอเซอร์ ได้แก่

บิลฮาน ศาอาวาน และอาขาน[o]

บุตรของดีชาน[p] ได้แก่

อูสกับอารัน

ผู้ปกครองของเอโดม

(ปฐก.36:31-43)

43 กษัตริย์ซึ่งปกครองในเอโดมก่อนที่จะมีกษัตริย์อิสราเอล[q] ได้แก่

เบลาบุตรเบโอร์แห่งเมืองดินฮาบาห์

44 เมื่อเบลาสิ้นพระชนม์ โยบับบุตรเศราห์จากโบสราห์ขึ้นครองราชย์แทน

45 เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์ หุชามจากดินแดนของชาวเทมานขึ้นครองราชย์แทน

46 เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์ ฮาดัดบุตรเบดัด ผู้ซึ่งพิชิตกองทัพมีเดียนในดินแดนโมอับขึ้นครองราชย์แทน เมืองของฮาดัดคืออาวีท

47 เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์ สัมลาห์จากมัสเรคาห์ขึ้นครองราชย์แทน

48 เมื่อสัมลาห์สิ้นพระชนม์ ชาอูลจากเรโหโบทริมแม่น้ำ[r]ขึ้นครองราชย์แทน

49 เมื่อชาอูลสิ้นพระชนม์ บาอัลฮานันบุตรอัคโบร์ขึ้นครองราชย์แทน

50 เมื่อบาอัลฮานันสิ้นพระชนม์ ฮาดัดขึ้นครองราชย์แทน เมืองของพระองค์คือปาอู[s] มเหสีของฮาดัดคือ เมเหทาเบลธิดาของมัทเรด ผู้เป็นธิดาของเมซาหับ 51 ต่อมาฮาดัดก็สิ้นพระชนม์เช่นกัน

ประมุของค์ต่างๆ ของเอโดม ได้แก่

ทิมนา อัลวาห์ เยเธท 52 โอโฮลีบามาห์ เอลาห์ ปิโนน 53 เคนัส เทมาน มิบซาร์ 54 มักดีเอล และอิราม คนเหล่านี้คือประมุขของเอโดม

เชื้อสายของอิสราเอล(B)

บุตรของอิสราเอล ได้แก่

รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ เศบูลุน ดาน โยเซฟ เบนยามิน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์

ยูดาห์(C)

ถึงบุตรของเฮสโรน

บุตรของยูดาห์ ได้แก่

เอร์ โอนัน และเชลาห์ ทั้งสามคนเกิดจากธิดาของชูอาชาวคานาอัน เอร์บุตรหัวปีนั้นเป็นคนชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงประหารเขา ทามาร์ลูกสะใภ้ของยูดาห์ให้กำเนิดลูกแฝด คือเปเรศกับเศราห์แก่ยูดาห์ ยูดาห์จึงมีบุตรชายทั้งหมดห้าคน

บุตรของเปเรศ ได้แก่

เฮสโรนกับฮามูล

บุตรของเศราห์ ได้แก่

ศิมรี เอธาน เฮมาน คาลโคล์ และดารดา[t] รวมห้าคน

บุตรของคารมี ได้แก่

อาคาร์[u]ผู้นำความทุกข์ร้อนมาสู่อิสราเอลโดยเก็บสิ่งที่พระเจ้าตรัสสั่งให้ทำลาย[v]

บุตรของเอธาน ได้แก่

อาซาริยาห์

บุตรของเฮสโรน ได้แก่

เยราห์เมเอล ราม และคาเลบ[w]

จากรามบุตรของเฮสโรน

10 รามเป็นบิดาของ

อัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาห์โชนผู้นำของตระกูลยูดาห์ 11 นาห์โชนเป็นบิดาของสัลโมน[x] สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส 12 โบอาสเป็นบิดาของโอเบด โอเบดเป็นบิดาของเจสซี

13 เจสซีเป็นบิดาของ

เอลีอับบุตรหัวปี บุตรคนที่สองคืออาบีนาดับ คนที่สามคือชิเมอา 14 คนที่สี่คือเนธันเอล คนที่ห้าคือรัดดัย 15 คนที่หกคือโอเซม และคนที่เจ็ดคือดาวิด 16 เจสซีมีบุตรสาวสองคนคือเศรุยาห์กับอาบีกายิล บุตรชายสามคนของนางเศรุยาห์ได้แก่ อาบีชัย โยอาบ และอาสาเฮล 17 อาบีกายิลมีบุตรชื่ออามาสา มีสามีชื่อเยเธอร์ชาวอิชมาเอล

จากคาเลบบุตรของเฮสโรน

18 คาเลบบุตรเฮสโรนมีภรรยาสองคนคือ อาซูบาห์กับเยรีโอท บุตรของอาซูบาห์ได้แก่ เยเชอร์ โชบับ และอารโดน 19 เมื่ออาซูบาห์สิ้นชีวิตแล้ว คาเลบแต่งงานกับเอฟรัทซึ่งให้กำเนิดบุตรชื่อเฮอร์ 20 เฮอร์เป็นบิดาของอูรี อูรีเป็นบิดาของเบซาเลล

21 เฮสโรนแต่งงานกับบุตรสาวของมาคีร์บิดาของกิเลอาด (เขาแต่งงานเมื่ออายุหกสิบปี) และนางให้กำเนิดบุตรชื่อเสกุบ 22 เสกุบเป็นบิดาของยาอีร์ซึ่งครองเมือง 23 แห่งในแดนกิเลอาด 23 (แต่เกชูร์และอารัมยึดเมืองฮัฟโวทยาอีร์[y] ไปจากเขา และยึดเมืองเคนัทกับหมู่บ้านหกสิบแห่งโดยรอบไปด้วย) คนเหล่านี้ล้วนเป็นวงศ์วานของมาคีร์บิดากิเลอาด

24 หลังจากที่เฮสโรนเสียชีวิตในคาเลบเอฟราธาห์ อาบียาห์ภรรยาของเฮสโรนให้กำเนิดบุตรชื่ออัชฮูร์ซึ่งเป็นบิดา[z]ของเทโคอา

จากเยราห์เมเอลบุตรของเฮสโรน

25 บุตรของเยราห์เมเอลบุตรหัวปีของเฮสโรน ได้แก่

รามผู้เป็นบุตรหัวปี บูนาห์ โอเรน โอเซม และ[aa]อาหิยาห์ 26 อาทาราห์ภรรยาอีกคนหนึ่งของเยราห์เมเอลให้กำเนิดบุตรชื่อโอนัม

27 บุตรของรามบุตรหัวปีของเยราห์เมเอล ได้แก่

มาอัส ยามีน และเอเคอร์

28 บุตรของโอนัม ได้แก่

ชัมมัยกับยาดา

บุตรของชัมมัย ได้แก่

นาดับกับอาบีชูร์

29 อาบีชูร์กับภรรยาชื่ออาบีฮายิลมีบุตรชื่อ อาห์บานกับโมลิด

30 บุตรของนาดับ ได้แก่

เสเลดกับอัปปาอิม เสเลดสิ้นชีวิตโดยไม่มีบุตร

31 บุตรของอัปปาอิม ได้แก่

อิชอีบิดาของเชชัน เชชันเป็นบิดาของอาห์ลัย

32 บุตรของยาดาน้องชายชัมมัย ได้แก่

เยเธอร์กับโยนาธาน เยเธอร์เสียชีวิตโดยไม่มีบุตร

33 บุตรของโยนาธาน ได้แก่

เปเลธกับศาซา

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเยราห์เมเอล

34 เชชันมีแต่บุตรสาว ไม่มีบุตรชาย

เขามีคนใช้ชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อยารฮา 35 เชชันยกบุตรสาวคนหนึ่งให้ยารฮา นางให้กำเนิดบุตรชื่ออัททัย

36 อัททัยเป็นบิดาของนาธัน

นาธันเป็นบิดาของศาบาด

37 ศาบาดเป็นบิดาของเอฟลาล

เอฟลาลเป็นบิดาของโอเบด

38 โอเบดเป็นบิดาของเยฮู

เยฮูเป็นบิดาของอาซาริยาห์

39 อาซาริยาห์เป็นบิดาเฮเลส

เฮเลสเป็นบิดาของเอเลอาสาห์

40 เอเลอาสาห์เป็นบิดาของสิสะมัย

สิสะมัยเป็นบิดาของชัลลูม

41 ชัลลูมเป็นบิดาของเยคามิยาห์ เยคามิยาห์เป็นบิดาของเอลีชามา

ตระกูลของคาเลบ

42 บุตรของคาเลบน้องชายของเยราห์เมเอล ได้แก่

เมชาบุตรหัวปีซึ่งเป็นบิดาของศิฟ ศิฟเป็นบิดาของมาเรชาห์[ab]ซึ่งเป็นบิดาของเฮโบรน

43 บุตรของเฮโบรน ได้แก่

โคราห์ ทัปปูวาห์ เรเคม และเชมา 44 เชมาเป็นบิดาของราฮัม ราฮัมเป็นบิดาของโยรเคอัม เรเคมเป็นบิดาของชัมมัย 45 ชัมมัยมีบุตรชื่อมาโอน มาโอนเป็นบิดาของเบธซูร์

46 เอฟาห์ภรรยาน้อยของคาเลบเป็นมารดาของฮาราน โมซา และกาเซส ฮารานเป็นบิดาของกาเซส

47 บุตรของยาดัย ได้แก่

เรเกม โยธาม เกชาน เปเลท เอฟาห์ และชาอัฟ

48 มาอาคาห์ภรรยาน้อยของคาเลบมีบุตรชื่อเชเบอร์และทีรหะนาห์ 49 นางยังให้กำเนิดชาอัฟผู้เป็นบิดาของมัดมันนาห์ และเชวาผู้เป็นบิดาของมัคเบนาห์กับกิเบอา และคาเลบมีบุตรสาวชื่ออัคสาห์ 50 คนเหล่านี้คือวงศ์วานของคาเลบ

บุตรของเฮอร์ผู้เป็นบุตรชายหัวปีของเอฟราธาห์ ได้แก่

โชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม 51 สัลมาผู้เป็นบิดาของเบธเลเฮม และฮาเรฟผู้เป็นบิดาของเบธกาเดอร์

52 วงศ์วานของโชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม ได้แก่

ฮาโรเอห์ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวมานาฮาทครึ่งหนึ่ง 53 และตระกูลต่างๆ ของคีริยาทเยอาริมได้แก่ ตระกูลอิทไรต์ ตระกูลปุไท ตระกูลชูมัท และตระกูลมิชรา ชาวโศราห์และชาวเอชทาโอลสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเหล่านี้

54 วงศ์วานของสัลมา คือ

เบธเลเฮม ชาวเนโทฟาห์ อัทโรทเบธ โยอาบ ชาวมานาฮาทอีกครึ่งหนึ่ง และชาวโศราห์ 55 รวมทั้งตระกูลต่างๆ ของบรรดาอาลักษณ์[ac] ซึ่งอาศัยที่ยาเบสได้แก่ ตระกูลทิราไธต์ ตระกูลชิเมอัท และตระกูลสุคา คนเหล่านี้เป็นชาวเคไนต์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากฮัมมัทต้นตระกูลเรคาบ[ad]

ฮีบรู 8

มหาปุโรหิตแห่งพันธสัญญาใหม่

ประเด็นที่เรากำลังกล่าวถึงก็คือเรามีมหาปุโรหิตอย่างนี้ ผู้ซึ่งประทับเบื้องขวาพระที่นั่งขององค์ผู้ทรงบารมีในสวรรค์ และผู้ทรงปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการอันเป็นพลับพลาแท้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งขึ้น ไม่ใช่มนุษย์ตั้ง

มหาปุโรหิตทุกคนได้รับการแต่งตั้งให้ถวายทั้งเครื่องบูชาและของถวาย ฉะนั้นมหาปุโรหิตองค์นี้ทรงจำเป็นต้องมีสิ่งที่จะถวายด้วย หากทรงอยู่ในโลกพระองค์จะไม่ได้เป็นปุโรหิต เพราะมีคนที่จะถวายของถวายต่างๆ ตามที่บทบัญญัติกำหนดอยู่แล้ว ปุโรหิตเหล่านั้นปรนนิบัติในสถานนมัสการอันเป็นแบบจำลองและเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ด้วยเหตุนี้เมื่อโมเสสจะสร้างพลับพลาจึงได้รับคำเตือนว่า “จงทำทุกอย่างตามแบบที่เราได้สำแดงแก่เจ้าบนภูเขานั้น”[a] แต่พันธกิจที่พระเยซูทรงได้รับมอบหมายนั้นยิ่งใหญ่เหนือพันธกิจของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงเป็นสื่อกลางก็เหนือกว่าพันธสัญญาเดิม และตั้งอยู่บนพระสัญญาต่างๆ ที่ดียิ่งกว่า

เพราะหากพันธสัญญาแรกไม่มีข้อบกพร่องก็ไม่จำเป็นต้องเสาะหาอีกพันธสัญญาหนึ่ง แต่พระเจ้าทรงเห็นข้อผิดพลาดของเหล่าประชากรและตรัสว่า[b]

“องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เวลานั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่
กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล
และกับพงศ์พันธุ์ยูดาห์
เป็นพันธสัญญาซึ่งไม่เหมือนพันธสัญญา
ที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา
เมื่อเราจูงมือพวกเขา
นำออกมาจากดินแดนอียิปต์
เพราะพวกเขาไม่ได้คงความสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญาของเรา
และเราเมินหนีจากพวกเขา
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
10 นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลังจากสมัยนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขา
จารึกบนหัวใจของพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
11 ผู้คนจะไม่สอนเพื่อนบ้าน
หรือสอนพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า’
เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา
ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด
12 เพราะเราจะอภัยความชั่วช้าของเขา
และจะไม่จดจำบาปทั้งหลายของเขาอีกต่อไป”[c]

13 โดยการตรัสเรียกพันธสัญญานี้ว่า “พันธสัญญาใหม่” พระองค์ทรงทำให้พันธสัญญาแรกพ้นสมัยไป สิ่งที่พ้นสมัยหรือเก่าย่อมจะสูญสิ้นไปในไม่ช้า

อาโมส 2

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เนื่องจากโมอับทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามสี่ครั้ง
เราจึงไม่หายโกรธ
เพราะเขาเผากระดูกกษัตริย์เอโดม
ราวกับจะให้เป็นปูน
เราจะส่งไฟมายังโมอับ
ซึ่งจะเผาผลาญป้อมต่างๆ ของเคริโอท[a]
โมอับจะล่มจมท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องออกศึกและเสียงแตรดังสนั่น
เราจะทำลายผู้ปกครอง
และฆ่าบรรดาข้าราชบริพารไปพร้อมกับเขาด้วย”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เนื่องจากยูดาห์ทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามสี่ครั้ง
เราจึงไม่หายโกรธ
เพราะเขาละทิ้งบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และไม่ได้ประพฤติตามกฎหมายของพระองค์
เพราะพระเท็จเทียมทั้งหลายได้ชักนำพวกเขาให้หลงเตลิดไป
บรรดาพระ[b]ซึ่งบรรพบุรุษของเขาหลงตามไป
เราจะส่งไฟมายังยูดาห์
ซึ่งจะเผาผลาญป้อมต่างๆ ของเยรูซาเล็ม”

คำพิพากษาอิสราเอล

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เนื่องจากอิสราเอลทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามสี่ครั้ง
เราจึงไม่หายโกรธ
เขาขายผู้ชอบธรรมแลกกับเงิน
และขายคนขัดสนแลกกับรองเท้าคู่เดียว
เขาเหยียบย่ำศีรษะของผู้ยากไร้
เหมือนเดินย่ำฝุ่น
และไม่ยอมให้ความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่
พ่อลูกเข้าหาผู้หญิงคนเดียวกัน
เป็นเหตุให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่ดูหมิ่น
เขาเอนตัวลงนอนข้างแท่นบูชาทุกแท่น
สวมเสื้อผ้าที่ยึดมาเป็นของประกัน
และเขาดื่มเหล้าองุ่นซึ่งยึดมาเป็นค่าปรับ
ในวิหารพระของเขา

“เราได้ทำลายชาวอาโมไรต์ต่อหน้าเขา
ทั้งๆ ที่อาโมไรต์สูงตระหง่านเหมือนสนซีดาร์
และแข็งแกร่งเหมือนต้นโอ๊ก
เราทำลายผลซึ่งอยู่ข้างบน
และรากเหง้าซึ่งอยู่ข้างล่าง
10 เราพาเจ้าออกมาจากอียิปต์
และนำเจ้าผ่านถิ่นกันดารตลอดสี่สิบปี
เพื่อยกดินแดนของชาวอาโมไรต์ให้แก่เจ้า

11 “ทั้งเราได้ตั้งบุตรชายบางคนของพวกเจ้าให้เป็นผู้เผยพระวจนะ
และเลือกสรรคนหนุ่มบางคนของพวกเจ้าให้เป็นนาศีร์
นี่เป็นความจริงไม่ใช่หรือ ประชากรอิสราเอลเอ๋ย?”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 “แต่เจ้าก็บังคับให้นาศีร์ดื่มเหล้าองุ่น
และสั่งผู้เผยพระวจนะไม่ให้เผยพระวจนะ

13 “ฉะนั้นบัดนี้เราจะขยี้เจ้า
เหมือนเกวียนที่บรรทุกข้าวเต็มบดขยี้
14 คนที่ว่องไวจะหนีไม่พ้น
คนที่แข็งแรงจะไม่อาจฮึดสู้
และนักรบก็จะเอาชีวิตไม่รอด
15 พลธนูจะไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้
ทหารราบจะหนีไปไม่พ้น
และพลม้าจะเอาชีวิตไม่รอด
16 แม้แต่นักรบกล้าหาญที่สุด
ก็จะหนีตัวล่อนจ้อนไปในวันนั้น”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

สดุดี 145

(บทสดุดีสรรเสริญของดาวิด)

145 ข้าแต่พระเจ้าจอมกษัตริย์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระองค์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ทุกวัน
จะแซ่ซ้องยกย่องพระนามของพระองค์สืบไปเป็นนิตย์

องค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ สมควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด
ความยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นไม่มีผู้ใดหยั่งคะเนได้
คนชั่วอายุหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจของพระองค์ให้คนอีกชั่วอายุหนึ่งฟัง
พวกเขาจะเล่าขานถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
พวกเขาจะกล่าวถึงพระบารมีอันโอ่อ่าตระการของพระองค์
และข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์[a]
พวกเขาจะเล่าขานถึงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจอันน่าเกรงขามของพระองค์
และข้าพระองค์จะประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาจะเฉลิมฉลองความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์
และร้องเพลงด้วยความยินดีถึงความชอบธรรมของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร
ทรงกริ้วช้า และเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีต่อทุกคน
พระองค์ทรงรักเอ็นดูสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น
10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า สรรพสิ่งที่ทรงสร้างจะสรรเสริญพระองค์
ประชากรของพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์
11 พวกเขาจะกล่าวถึงพระเกียรติสิริแห่ง
พระราชอาณาจักรของพระองค์
และเล่าถึงพระเดชานุภาพของพระองค์
12 เพื่อมวลมนุษย์จะรู้ถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์
และความโอ่อ่าตระการแห่งพระราชอาณาจักรของพระองค์
13 พระราชอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรนิรันดร์
พระองค์ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาทั้งสิ้น ที่ทรงให้ไว้
และทรงเปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง[b]
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประคองผู้ที่ล้มลงให้ลุกขึ้น
และทรงยกชูผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน
15 ดวงตาของทุกชีวิตแหงนมองพระองค์
และพระองค์ประทานอาหารให้ในเวลาที่เหมาะสม
16 พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์มา
และทรงให้ทุกชีวิตได้อิ่มเอมสมปรารถนา

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชอบธรรมในทางทั้งปวงของพระองค์
และทรงเปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น
18 พระองค์ทรงอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์
ที่ร้องทูลพระองค์ด้วยความสัตย์จริง
19 พระองค์ทรงสนองความต้องการของทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ทรงสดับฟังคำร้องทูลของเขาและทรงช่วยเขาให้รอด
20 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์รักษาคนทั้งปวงที่รักพระองค์
แต่จะทรงทำลายบรรดาคนชั่วทั้งปวง

21 ปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้ทุกชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.