M’Cheyne Bible Reading Plan
ราชินีแห่งเชบามาเยือนโซโลมอน(A)
10 เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของโซโลมอนซึ่งถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระยาห์เวห์ก็เสด็จมาทดสอบโดยตั้งปัญหายากๆ 2 พระนางทรงมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกองคาราวานใหญ่ มีอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำจำนวนมาก และเพชรนิลจินดา พระนางเข้าเฝ้าโซโลมอน และทรงสนทนาทุกเรื่องที่ทรงดำริไว้ 3 โซโลมอนทรงตอบปัญหาของพระนางได้ทุกข้อ ไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าที่กษัตริย์จะทรงอธิบายแก่พระนาง 4 เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาทั้งสิ้นของโซโลมอน และพระราชวังที่ทรงสร้างขึ้น 5 อาหารบนโต๊ะเสวย ข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้า มหาดเล็กในเครื่องแบบ พนักงานเชิญจอกเสวย และเครื่องเผาบูชามากมายซึ่งถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางก็ประหลาดพระทัยเป็นล้นพ้น
6 พระนางตรัสกับกษัตริย์ว่า “ที่หม่อมฉันได้ยินได้ฟังมาในประเทศของหม่อมฉันเกี่ยวกับความสำเร็จและพระปรีชาญาณของฝ่าพระบาทล้วนเป็นความจริง 7 แต่หม่อมฉันไม่เชื่อมาก่อนเลย จนกระทั่งได้มาเห็นกับตา แท้จริงแล้วสิ่งที่หม่อมฉันได้ยินมาก็ยังไม่ถึงครึ่ง พระปรีชาญาณและความมั่งคั่งของฝ่าพระบาทยิ่งใหญ่กว่าที่เขาร่ำลือกันมากนัก 8 ไพร่ฟ้าของฝ่าพระบาทคงมีความสุขยิ่งนัก! ข้าราชบริพารของฝ่าพระบาทคงมีความสุขที่ได้เข้าเฝ้า และสดับฟังพระปัญญาของฝ่าพระบาทอยู่เสมอ! 9 สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทที่ทรงโปรดปรานและตั้งฝ่าพระบาทขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอิสราเอล เนื่องด้วยความรักนิรันดร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีต่ออิสราเอล จึงทรงตั้งฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์เพื่อผดุงความยุติธรรมและความชอบธรรม”
10 จากนั้นพระนางถวายเครื่องบรรณาการแด่กษัตริย์เป็นทองคำหนักประมาณ 4 ตัน[a] เครื่องเทศมากมายและอัญมณีล้ำค่า ไม่เคยมีใครนำเครื่องเทศมาถวายมากเท่ากับที่ราชินีแห่งเชบาทรงนำมาถวายแด่กษัตริย์โซโลมอนอีกเลย
11 (กองเรือของฮีรามนำทองคำมาจากโอฟีร์ พร้อมด้วยไม้จันทน์[b]จำนวนมาก และเพชรนิลจินดาล้ำค่า 12 โซโลมอนทรงใช้ไม้จันทน์ทำเสาพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและราชวัง ทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่สำหรับเหล่านักดนตรี ไม่เคยเห็นการนำเข้าไม้จันทน์จำนวนมากมายอย่างนั้นมาก่อนเลย)
13 กษัตริย์โซโลมอนประทานทุกสิ่งตามที่ราชินีแห่งเชบาทรงประสงค์และทูลขอ นอกเหนือจากของกำนัลที่โซโลมอนประทานจากท้องพระคลัง จากนั้นพระนางและขบวนตามเสด็จก็กลับสู่ประเทศของตน
สง่าราศีของโซโลมอน(B)
14 ทุกปีโซโลมอนได้รับทองคำหนักประมาณ 23 ตัน[c] 15 ยังไม่รวมภาษีอากรจากพ่อค้าวาณิชและเครื่องบรรณาการจากบรรดากษัตริย์อาระเบีย และเหล่าผู้ปกครองของดินแดนนั้น
16 กษัตริย์โซโลมอนทรงให้นำทองคำมาตีเป็นโล่ใหญ่ 200 อัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม[d] 17 และทำเป็นโล่เล็ก 300 อัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 1.7 กิโลกรัม[e] พระองค์ทรงเก็บโล่เหล่านี้ไว้ในตำหนักพนาเลบานอน
18 แล้วกษัตริย์ยังได้ทรงทำพระที่นั่งขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยงาช้างและบุด้วยทองคำบริสุทธิ์ 19 พระที่นั่งนี้มีบันไดหกขั้น ด้านบนพนักหลังเป็นรูปวงกลม ที่วางพระหัตถ์ทั้งสองข้างมีสิงโตขนาบข้างละตัว 20 ที่บันไดแต่ละขั้นมีสิงโตยืนอยู่ข้างละตัว รวมเป็นสิบสองตัว ไม่เคยมีเช่นนี้ในราชอาณาจักรอื่น 21 ถ้วยเสวยทุกใบของกษัตริย์โซโลมอนทำด้วยทองคำ และเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในตำหนักพนาเลบานอนล้วนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดทำด้วยเงิน เพราะในสมัยโซโลมอนถือว่าเงินด้อยค่า 22 กษัตริย์ทรงมีกองเรือพาณิชย์[f] ร่วมเดินทะเลกับกองเรือของฮีราม เรือจะบรรทุกทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และลิงบาบูนกลับมาทุกสามปี
23 กษัตริย์โซโลมอนทรงมั่งคั่งและมีพระปรีชาญาณเหนือกว่ากษัตริย์ใดๆ ทั้งปวงในแผ่นดินโลก 24 คนทั่วโลกใคร่จะมาสดับฟังสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์ 25 ปีแล้วปีเล่า ทุกคนที่มาจะนำเครื่องบรรณาการมาถวายได้แก่ เครื่องเงินเครื่องทอง เสื้อผ้าอาภรณ์ อาวุธ เครื่องเทศ ม้า และล่อ
26 โซโลมอนทรงสะสมรถม้าศึกและม้า พระองค์ทรงมีรถม้าศึก 1,400 คัน และม้า 12,000 ตัว[g] ซึ่งพระองค์ทรงเก็บบางส่วนไว้ที่หัวเมืองซึ่งใช้เก็บรถม้าศึกและบางส่วนอยู่กับพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็ม 27 พระองค์ทรงทำให้เงินในกรุงเยรูซาเล็มมีมากมายเหมือนก้อนหิน และมีไม้สนซีดาร์ดาษดื่นเหมือนต้นมะเดื่อแถบเชิงเขา 28 ม้าของโซโลมอนนั้นนำเข้าจากอียิปต์[h]และจากคูเอ[i] คือพ่อค้าหลวงซื้อมาจากคูเอ 29 รถม้าศึกแต่ละคันที่นำเข้าจากอียิปต์มีราคาเท่ากับเงินหนัก 600 เชเขล[j] ม้าราคาตัวละ 150 เชเขล พวกเขายังส่งออกไปขายต่อให้กษัตริย์ทั้งปวงของชาวฮิตไทต์และของชาวอารัมด้วย
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลกับทิโมธีผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์
ถึงประชากรทุกคนของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ที่เมืองฟีลิปปี ตลอดจนคณะผู้ปกครอง[a] และคณะมัคนายก
2 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่พวกท่าน
ขอบพระคุณและทูลขอ
3 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ระลึกถึงพวกท่าน 4 ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่อพวกท่านทั้งปวง ข้าพเจ้าก็อธิษฐานด้วยความชื่นชมยินดีเสมอ 5 เพราะท่านมีส่วนร่วมในข่าวประเสริฐตั้งแต่แรกจวบจนบัดนี้ 6 ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีในพวกท่านนั้นจะทรงสานต่อให้เสร็จสมบูรณ์จนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์
7 สมควรแล้วที่ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับพวกท่านทุกคน เนื่องจากพวกท่านอยู่ในดวงใจของข้าพเจ้า เพราะไม่ว่าข้าพเจ้าจะถูกจองจำหรือกำลังกล่าวปกป้องและยืนยันข่าวประเสริฐนั้น พวกท่านก็มีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในงานที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ 8 พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะพบพวกท่านทั้งปวงมากเพียงใด ข้าพเจ้ารักท่านด้วยความรักของพระเยซูคริสต์
9 และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอให้ความรักของท่านทวียิ่งๆ ขึ้น มีความรู้และความเข้าใจอันลึกซึ้ง 10 เพื่อท่านจะสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดีที่สุด และเพื่อท่านจะได้บริสุทธิ์ปราศจากที่ติจนกว่าจะถึงวันแห่งพระคริสต์ 11 และเปี่ยมด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งมาทางพระเยซูคริสต์ อันเป็นการถวายพระเกียรติสิริและการสรรเสริญแด่พระเจ้า
การถูกจองจำของเปาโลทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ออกไป
12 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดกับข้าพเจ้ากลับทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ออกไป 13 จนทหารทั้งปวงที่รักษาวัง[b] และคนอื่นๆ ทุกคนประจักษ์ทั่วกันว่าข้าพเจ้าถูกจองจำเพื่อพระคริสต์ 14 เพราะการที่ข้าพเจ้าถูกจองจำทำให้พี่น้องส่วนใหญ่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้รับกำลังใจให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าอย่างกล้าหาญและไม่หวั่นเกรงมากขึ้น
15 จริงอยู่บางคนประกาศพระคริสต์ด้วยจิตใจที่อิจฉาและชิงดีชิงเด่น แต่คนอื่นๆ ประกาศด้วยเจตนาดี 16 คนกลุ่มหลังทำด้วยความรักโดยรู้ว่าข้าพเจ้าถูกจับมาที่นี่ก็เพราะปกป้องข่าวประเสริฐ 17 ส่วนพวกแรกนั้นประกาศพระคริสต์ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ด้วยใจจริง หวังสร้างความเดือดร้อนให้ข้าพเจ้าขณะถูกจองจำ[c] 18 แต่จะเป็นไรเล่า? ไม่ว่าจะทำด้วยแรงจูงใจที่ผิดหรือถูก สิ่งสำคัญคือเขาได้ประกาศพระคริสต์ก็แล้วกัน เพราะสิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี
และข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีต่อไป 19 เพราะรู้ว่าโดยคำอธิษฐานของท่านและโดยความช่วยเหลือที่พระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ประทาน สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจะทำให้ข้าพเจ้ารอดพ้น 20 ข้าพเจ้ามาดมั่นและมุ่งหวังไว้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งใดให้เป็นที่ละอายเลย แต่จะมีความกล้าหาญเพียงพอ เพื่อบัดนี้พระคริสต์จะได้รับเกียรติเพราะกายของข้าพเจ้าเหมือนที่เคยได้รับเสมอมา ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่หรือจะตาย 21 เพราะสำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์และการตายก็ได้กำไร 22 ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในกายนี้ต่อไปก็หมายความว่าข้าพเจ้าจะทำงานอย่างเกิดผล แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี? 23 ยังลังเลใจอยู่ระหว่างสองทาง ใจหนึ่งอยากจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ซึ่งประเสริฐกว่ามากนัก 24 แต่การที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็จำเป็นสำหรับพวกท่านมากกว่า 25 เมื่อแน่ใจอย่างนี้ข้าพเจ้าก็รู้ว่าจะยังอยู่กับพวกท่านทั้งปวงต่อไป เพื่อความก้าวหน้าและความชื่นชมยินดีของท่านในความเชื่อ 26 เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าได้อยู่กับพวกท่านอีก พวกท่านก็จะชื่นชมยินดีในพระเยซูคริสต์อย่างเปี่ยมล้นเนื่องด้วยข้าพเจ้า
27 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจงประพฤติตนให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แล้วไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือเพียงแต่ได้ยินข่าวของท่าน ข้าพเจ้าก็รู้ว่าท่านยืนหยัดมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนเป็นคนเดียวกันเพื่อความเชื่อแห่งข่าวประเสริฐ 28 และการที่ท่านไม่หวาดกลัวผู้ที่ต่อต้านท่านเลยนั้นก็จะเป็นเครื่องหมายให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเขาจะถูกทำลาย แต่พระเจ้าจะทรงช่วยพวกท่านให้รอด 29 เพราะพระเจ้าได้ประทานสิทธิพิเศษแก่ท่านเพื่อปรนนิบัติพระคริสต์ ไม่เพียงให้ท่านเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย 30 เพราะท่านเองก็กำลังต่อสู้ฝ่าฟันแบบเดียวกับที่ท่านได้เห็นข้าพเจ้าฝ่าฟันมาแล้ว และบัดนี้ท่านก็ได้ยินว่าข้าพเจ้ายังต่อสู้อยู่
บริเวณพระวิหารใหม่
40 ในวันที่สิบต้นปีที่ยี่สิบห้าซึ่งเราตกเป็นเชลยหรือปีที่สิบสี่หลังจากกรุงแตก ในวันนั้นพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น 2 ในนิมิตของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังดินแดนอิสราเอล และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาที่สูงมาก ทางด้านทิศใต้ของภูเขานั้นมีอาคารบ้านเรือนซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองหนึ่ง 3 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และข้าพเจ้าพบชายคนหนึ่งมีรูปลักษณ์เปล่งปลั่งคล้ายทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่ที่ทางเข้า มือถือเชือกป่านเส้นหนึ่งและไม้วัดอันหนึ่ง 4 ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะพระเจ้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อการนี้ จงแจ้งทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก
5 ข้าพเจ้าเห็นกำแพงล้อมรอบบริเวณพระวิหาร ไม้วัดในมือเขาผู้นั้นยาว 6 ศอกยาว[a] หนึ่งในหกของไม้วัดนั้นยาว 1 ศอก[b]และ 1 ฝ่ามือ[c] เขาวัดกำแพงได้หนาหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด
6 แล้วเขาไปยังประตูด้านตะวันออกและขึ้นบันไดไป แล้ววัดธรณีประตูลึกหนึ่งไม้วัด[d] 7 สองฟากทางเดินของประตูด้านตะวันออกมีห้องยามฟากละสามห้อง แต่ละห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวห้องละหนึ่งไม้วัด ผนังกั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องหนา 5 ศอก[e] ทางเข้าติดกับมุขซึ่งหันหน้าไปทางพระวิหารลึกหนึ่งไม้วัด
8 แล้วเขาวัดมุขของประตูทางเข้านี้ 9 วัดความลึกได้ 8 ศอก[f] และมีเสาหนา 2 ศอก[g] มุขของประตูทางเข้านี้หันไปทางพระวิหาร
10 ห้องยามทั้งสองฟากซึ่งอยู่ด้านในประตูด้านตะวันออกมีขนาดเดียวกัน และความหนาของผนังกั้นระหว่างห้องก็มีขนาดเท่ากัน 11 แล้วเขาวัดความกว้างของมุขประตูได้ 10 ศอก[h]และความยาว 13 ศอก[i] 12 ด้านหน้าของแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก และห้องยามเหล่านั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดกว้างและยาว 6 ศอก 13 แล้วเขาวัดขนาดทางเข้าจากริมสุดของผนังด้านหลังของห้องไปจดริมสุดของผนังด้านหลังของห้องตรงกันข้ามเป็นระยะ 25 ศอก[j] 14 เขาวัดระยะตามขวางของผนังกั้นห้องตลอดด้านในของทางเข้าจนถึงมุข[k]หน้าลานพระวิหารได้ 60 ศอก[l] 15 จากทางเข้าถึงริมสุดของมุขวัดได้ 50 ศอก[m] 16 รอบมุขนี้มีหน้าต่างซึ่งแคบเข้ามาข้างในอยู่ด้านบนของห้องยามและผนังกั้นห้อง ส่วนหนาของผนังกั้นห้องสลักลวดลายต้นอินทผลัม
ลานชั้นนอก
17 แล้วเขาผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังลานชั้นนอก ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นห้องต่างๆ และทางเดินขึ้นรอบลาน นับตลอดทางเดินมีสามสิบห้อง 18 ทางเดินนี้ทอดยาวตลอดความยาวของทางเข้า นี่เป็นทางเดินตอนล่าง 19 แล้วเขาวัดระยะจากด้านในของทางเข้าตอนล่างถึงด้านนอกของลานชั้นในได้ 100 ศอก[n] ทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ
ประตูด้านเหนือ
20 แล้วเขาวัดความกว้างและความยาวของประตูด้านเหนือซึ่งนำไปสู่ลานชั้นนอก 21 ห้องยามซึ่งมีด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องและมุขล้วนมีขนาดเดียวกับประตูแรก คือยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก[o] 22 หน้าต่าง มุข และลวดลายต้นอินทผลัม ล้วนมีขนาดเดียวกับที่ประตูด้านตะวันออก บันไดที่ทอดขึ้นไปนั้นมีเจ็ดขั้นซึ่งมีมุขอยู่ตรงกันข้าม 23 ประตูสู่ลานชั้นในถัดจากประตูทิศเหนือ มีลักษณะเดียวกับประตูตะวันออก เขาวัดจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งได้ 100 ศอก
ประตูด้านใต้
24 แล้วเขานำข้าพเจ้าไปยังด้านใต้ ข้าพเจ้าเห็นประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดเสาประตูและมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ 25 ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างแคบเข้าไปด้านในอยู่รอบๆ เหมือนหน้าต่างที่ประตูอื่นๆ และยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 26 บันไดที่ทอดขึ้นไปมีเจ็ดขั้น ตรงข้ามกันคือมุข ส่วนหนาของผนังกั้นแต่ละด้านมีลวดลายต้นอินทผลัม 27 ลานชั้นในนี้ก็มีประตูหันหน้าไปทางทิศใต้ด้วย และเขาวัดจากประตูนี้ไปยังประตูชั้นนอกทางด้านใต้เป็นระยะ 100 ศอก
ประตูสู่ลานชั้นใน
28 แล้วเขาพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านใต้ไปยังลานชั้นใน เขาวัดประตูด้านใต้ซึ่งมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ 29 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่ประตูอื่นๆ ทางเข้าและมุขล้วนมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก 30 (มุขของประตูทางเข้ารอบลานชั้นในกว้าง 25 ศอกและลึก 5 ศอก[p]) 31 มุขหันออกลานชั้นนอก เสามีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
32 จากนั้นเขานำข้าพเจ้าเข้าสู่ลานชั้นในทางด้านตะวันออก และเขาวัดประตูทางเข้าซึ่งมีขนาดเดียวกับทางเข้าอื่นๆ 33 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก 34 มุขหันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
35 แล้วเขาพาข้าพเจ้าไปยังประตูทิศเหนือ และวัดขนาดซึ่งก็เท่ากับที่อื่นๆ 36 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขก็มีขนาดเดียวกันและมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 37 มุข[q]หันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
ห้องจัดเตรียมเครื่องบูชา
38 ใกล้มุขตรงทางเข้าชั้นในแต่ละด้านมีห้องหนึ่งซึ่งเป็นที่ชำระล้างเครื่องเผาบูชา 39 ในมุขตรงทางเข้ามีโต๊ะสองตัวตั้งอยู่แต่ละด้าน ซึ่งเป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์เผาบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาลบความผิด 40 ด้านนอกของมุขทางเข้าใกล้บันได ปากทางเข้าสู่ประตูด้านเหนือมีโต๊ะสองตัว และอีกฟากหนึ่งของบันไดมีโต๊ะอีกสองตัว 41 ฉะนั้นแต่ละฟากของทางเข้ามีโต๊ะด้านละสี่ตัว รวมเป็นแปดตัว เป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชา 42 และมีโต๊ะอีกสี่ตัวทำด้วยหินสกัดสำหรับเครื่องเผาบูชา แต่ละตัวกว้างและยาว 1.5 ศอก สูง 1 ศอก[r] บนโต๊ะใช้วางภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในการฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ 43 และที่ผนังรอบด้านมีตะขอสองปลาย ยาวอันละ 1 ฝ่ามือ[s]ติดอยู่ โต๊ะเหล่านี้สำหรับวางเนื้อเครื่องบูชา
ห้องสำหรับปุโรหิต
44 ด้านนอกของประตูชั้นใน ภายในลานชั้นในมีห้องสองห้อง ห้องหนึ่ง[t]อยู่ที่ข้างประตูด้านเหนือและหันหน้าไปทางใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ที่ข้างประตูด้านใต้[u]และหันหน้าไปทางเหนือ 45 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “ห้องที่หันไปทางใต้สำหรับปุโรหิตผู้ดูแลพระวิหาร 46 ส่วนห้องที่หันไปทางเหนือสำหรับปุโรหิตผู้ดูแลแท่นบูชา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของศาโดกซึ่งเป็นคนเลวีพวกเดียวที่สามารถเข้ามาใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อปรนนิบัติอยู่ต่อหน้าพระองค์”
47 แล้วเขาวัดลานนั้นซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 100 ศอก และแท่นบูชาอยู่หน้าพระวิหาร
พระวิหาร
48 เขาพาข้าพเจ้ามายังมุขพระวิหารและวัดเสาแต่ละด้านกว้าง 5 ศอก ทางเข้ากว้าง 14 ศอก[v]
และผนังกั้นห้อง[w]แต่ละด้านกว้าง 3 ศอก[x] 49 มุขนั้นกว้าง 20 ศอก[y] และวัดจากข้างหน้าไปข้างหลังได้ 12 ศอก[z] มีบันไดสิบขั้นทอดขึ้นถึงมุขนั้น และแต่ละด้านของเสาทางเข้ามีเสาหานอยู่
91 ผู้ที่พำนักในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด
จะได้พักพิงในร่มเงาขององค์ทรงฤทธิ์
2 ข้าพเจ้าจะทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า[a] “พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการและเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ”
3 แน่ทีเดียว พระองค์จะทรงช่วยท่านจากกับดักทั้งปวง
และจากโรคติดต่อร้ายแรง
4 พระองค์จะทรงปกป้องท่านด้วยปีกของพระองค์
ท่านจะลี้ภัยใต้ร่มปีกนั้น
ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นปราการของท่าน
5 ท่านจะไม่ต้องกลัวความสยดสยองในยามค่ำคืน
หรือลูกศรที่ยิงเข้าใส่ในยามกลางวัน
6 ไม่ต้องหวาดหวั่นโรคภัยที่คุกคามในความมืด
หรือภัยพิบัติที่ทำลายยามเที่ยงวัน
7 คนนับพันอาจจะล้มตายที่ข้างตัวท่าน
คนนับหมื่นที่ขวามือของท่าน
แต่ภัยพิบัตินั้นจะไม่เฉียดใกล้ท่าน
8 ท่านจะมองดูด้วยตาของตนเอง
และเห็นคนชั่วถูกลงโทษ
9 หากท่านกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า”
และท่านให้องค์ผู้สูงสุดเป็นที่พักพิงของท่าน
10 แล้วจะไม่มีภยันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน
ไม่มีภัยพิบัติใดเฉียดใกล้ที่พำนักของท่าน
11 เพราะพระองค์จะทรงบัญชาทูตสวรรค์ของพระองค์เรื่องท่าน
ให้ดูแลท่านในทุกๆ ทาง
12 ทูตเหล่านั้นจะยื่นมือประคองท่าน
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน
13 ท่านจะเหยียบย่ำสิงโตและงูเห่า
ท่านจะย่ำขยี้ราชสีห์และอสรพิษ
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เพราะเขารักเรา เราจะช่วยเขา
เราจะปกป้องเขาเพราะเขายอมรับนามของเรา
15 เขาจะร้องเรียกเรา และเราจะตอบเขา
เราจะอยู่กับเขาในยามเดือดร้อน
เราจะปลดปล่อยเขาและให้เขาได้รับเกียรติ
16 เราจะให้เขาอิ่มเอมด้วยชีวิตยืนยาว
และสำแดงความรอดของเราแก่เขา”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.