Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Historical

Read the books of the Bible as they were written historically, according to the estimated date of their writing.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 28-31

28 ในวันที่ชาวฟีลิสเตียรวมพลเพื่อสู้รบกับชาวอิสราเอล อาคีชได้พูดกับดาวิดว่า “เจ้าต้องเข้าใจนะว่า เจ้ากับพวกของเจ้าจะต้องออกไปร่วมรบกับเราด้วย”

ดาวิดตอบว่า “ดีจัง ท่านจะได้เห็นด้วยตาของท่านเองว่า ผู้รับใช้ของท่านคนนี้เก่งแค่ไหน”

อาคีชตอบว่า “ดีมาก เราจะให้เจ้าเป็นทหารประจำตัวของเราตลอดชีวิต”

ซาอูลกับหมอผีที่เอนโดร์

ซามูเอลตายไปแล้ว ชาวอิสราเอลได้ไว้ทุกข์ให้เขาและฝังศพเขาไว้ที่เมืองรามาห์เมืองของเขาเอง

ซาอูลได้ขับไล่พวกคนทรงเจ้าและพวกพ่อมดหมอผีออกไปจากแผ่นดิน

ชาวฟีลิสเตียได้รวมพลขึ้นมา และเดินทางมาตั้งค่ายที่ชูเนม ในขณะที่ซาอูลก็ได้รวมพลชาวอิสราเอลทั้งสิ้นและมาตั้งค่ายอยู่ที่กิลโบอา เมื่อซาอูลเห็นกองทัพของคนฟีลิสเตียเขาก็กลัวและใจก็เต้นแรง เขาได้ปรึกษาต่อพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ได้ให้คำตอบเขา ไม่ว่าจะทางความฝัน หรือทางอูริม[a] หรือผ่านทางผู้พูดแทนพระเจ้า แล้วซาอูลได้สั่งพวกผู้รับใช้ของเขาว่า “ไปหาหญิงที่เป็นคนทรงเจ้าให้หน่อย เพื่อเราจะได้ไปพบและปรึกษานาง”

พวกเขาตอบว่า “มีคนทรงเจ้าอยู่คนหนึ่งที่เอนโดร์”

ซาอูลจึงได้ปลอมตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตอนกลางคืนเขากับชายอีกสองคนก็ได้ไปหาหญิงทรงเจ้าคนนั้น เขาบอกว่า “ช่วยปรึกษากับวิญญาณและช่วยเรียกคนที่เราบอกชื่อให้ด้วย”

แต่หญิงคนนั้นบอกกับเขาว่า “ท่านรู้ถึงสิ่งที่ซาอูลได้ทำแล้วไม่ใช่หรือ เขาได้ขับไล่พวกคนทรงและพวกพ่อมดหมอผีออกจากแผ่นดิน แล้วทำไมท่านยังจะมาวางกับดักให้กับข้า แล้วพาข้าไปสู่ความตาย”

10 ซาอูลสาบานต่อหญิงคนนั้นในนามของพระยาห์เวห์ว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าเจ้าจะไม่ถูกลงโทษที่ได้ทำสิ่งนี้”

11 หญิงคนนั้นถามว่า “ท่านต้องการให้เรานำใครขึ้นมา”

ซาอูลบอกว่า “นำซามูเอลขึ้นมา”

12 เมื่อหญิงคนนั้นเห็นซามูเอล เธอก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง และพูดกับซาอูลว่า “ทำไมท่านต้องหลอกลวงข้าพเจ้า ท่านก็คือซาอูลนี่เอง”

13 กษัตริย์ถามนางว่า “ไม่ต้องกลัว เจ้าเห็นอะไรบ้าง”

หญิงคนนั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณขึ้นมาจากพื้นดิน[b]

14 ซาอูลถามว่า “เขามีลักษณะอย่างไร”

นางตอบว่า “เป็นชายแก่สวมเสื้อคลุม กำลังขึ้นมา”

ซาอูลรู้ในทันทีว่านั่นคือซามูเอล และเขาก็ก้มตัวลงและกราบลงกับพื้น 15 ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ทำไมท่านต้องรบกวนเรา เรียกเราขึ้นมาทำไม”

ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังตกอยู่ในทุกข์อันยิ่งใหญ่ ชาวฟีลิสเตียกำลังมาต่อสู้กับข้าพเจ้า และพระเจ้าก็หันหลังให้ข้าพเจ้า พระองค์ไม่ตอบคำถามข้าพเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางผู้พูดแทนพระเจ้า หรือทางความฝัน ข้าพเจ้าจึงต้องเรียกท่านขึ้นมา เพื่อถามว่าข้าพเจ้าควรทำยังไงดี”

16 ซามูเอลพูดว่า “ทำไมท่านถึงมาปรึกษาเรา ในเมื่อตอนนี้พระยาห์เวห์ได้หันหลังให้กับท่าน และกลายเป็นศัตรูของท่านแล้ว 17 พระยาห์เวห์ได้ทำอย่างที่พระองค์ได้ทำนายผ่านเรา พระยาห์เวห์ได้ฉีกอาณาจักรออกจากมือของท่าน และมอบให้กับดาวิดเพื่อนบ้านของท่าน 18 พระยาห์เวห์ได้ทำอย่างนี้กับท่านในวันนี้ ก็เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ ไม่ได้ทำตามความโกรธแค้นของพระองค์ ที่มีต่อชาวอามาเลค 19 พระยาห์เวห์จะมอบอิสราเอลและตัวท่านให้กับชาวฟีลิสเตีย และพรุ่งนี้ท่านและพวกลูกชายของท่านจะมาอยู่ร่วมกับเรา พระยาห์เวห์จะมอบกองทัพของชาวอิสราเอลให้กับชาวฟีลิสเตียด้วย”

20 ทันใดนั้นซาอูลก็ล้มลงนอนเหยียดยาวบนพื้น กลัวมาก เพราะคำพูดของซามูเอลนั่นเอง เรี่ยวแรงของเขาหายไปหมด เพราะเขายังไม่ได้กินอะไรมาเลยตลอดทั้งวันทั้งคืน

21 เมื่อหญิงคนนั้นเข้ามาหาซาอูล และเห็นเขาตัวสั่นมาก หล่อนพูดว่า “ดูสิ หญิงรับใช้ของท่านได้เชื่อฟังท่านแล้ว ข้าพเจ้ายอมเสี่ยงชีวิตของข้าพเจ้าและทำในสิ่งที่ท่านสั่งให้ข้าพเจ้าทำ 22 โปรดฟังหญิงผู้รับใช้ของท่านหน่อยเถอะ และให้ข้าพเจ้าเอาอาหารมาให้ เพื่อท่านจะได้กินและมีเรี่ยวแรงไปตามทางของท่าน”

23 ซาอูลปฏิเสธและพูดว่า “เราจะไม่กิน”

แต่คนของเขากับหญิงคนนั้นช่วยกันอ้อนวอนเขา เขาก็ยอม ซาอูลลุกขึ้นจากพื้นและนั่งบนเตียง 24 หญิงคนนั้นมีลูกวัวตัวอ้วนอยู่ในบ้าน หล่อนก็รีบฆ่ามัน หล่อนนำแป้งสาลีมานวดและนำมาทำขนมปังไร้เชื้อ 25 แล้วเอามาวางไว้ต่อหน้าซาอูลและพวก และพวกเขาก็กินกัน ในคืนนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นจากไป

อาคีชส่งดาวิดกลับไปศิกลาก

29 ชาวฟีลิสเตียรวมพลอยู่ที่อาเฟก และชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่ข้างตาน้ำในยิสเรเอล พวกผู้นำของชาวฟีลิสเตีย ได้เดินนำหน้ากองทัพของเขา ที่แบ่งเป็นกองร้อยและกองพัน ดาวิดกับพวกของเขาก็เดินแถวอยู่ด้านหลังกษัตริย์อาคีช

พวกแม่ทัพของกองทัพชาวฟีลิสเตียถามขึ้นว่า “ชาวฮีบรูพวกนี้มาทำอะไรที่นี่”

อาคีชตอบว่า “นี่คือดาวิด นายทหารคนหนึ่งของกษัตริย์ซาอูลแห่งอิสราเอล เขามาอยู่กับเรามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาหนีซาอูลมาจนถึงวันนี้ เรายังไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรเลย”

แต่พวกแม่ทัพชาวฟีลิสเตียโกรธเขามากและพูดว่า “ส่งชายคนนี้กลับไป ให้เขากลับไปยังเมืองที่ท่านให้เขาอยู่นั้น เขาจะต้องไม่ไปออกรบกับพวกเรา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะหันกลับมาสู้รบกับเราในช่วงที่เรารบกันอยู่ก็ได้ เขาอาจจะคืนดีกับเจ้านายของเขา ด้วยหัวของคนของเรา ไม่ใช่ดาวิดคนนี้หรอกหรือที่พวกเขาร้องเพลงระหว่างการเต้นรำของพวกเขาว่า

‘ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ
    และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ’”

อาคีชจึงเรียกดาวิดมาและบอกกับเขาว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เจ้านั้นจงรักภักดีต่อเราแน่ และเราก็ดีใจที่เจ้าได้มารับใช้อยู่ในกองทัพของเรา นับแต่วันที่เจ้ามาอยู่กับเราจนถึงวันนี้ เราไม่เคยพบว่าเจ้าทำอะไรผิด และพวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียก็เห็นว่าเจ้าเป็นคนดีเหมือนกัน[c] กลับไปอย่างสันติเถิด อย่าได้ทำอะไรลงไปที่ทำให้พวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียไม่พอใจเจ้าเลย”

ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรลงไปหรือ นับแต่วันที่ข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านจนถึงวันนี้ ท่านพบว่าคนรับใช้ของท่านได้ทำสิ่งใดผิดหรือ ทำไมข้าพเจ้าถึงไม่สามารถไปต่อสู้กับศัตรูของท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้”

อาคีชตอบว่า “เรารู้ว่าเจ้าเป็นคนดีมาก ราวกับทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ว่าพวกแม่ทัพนายกองชาวฟีลิสเตียยังคงพูดว่า ‘เขาจะต้องไม่ไปร่วมรบกับเรา’ 10 ขอให้เจ้าตื่นแต่เช้าพร้อมๆกับคนรับใช้อื่นๆที่มากับเจ้า และออกเดินทางแต่เช้าทันทีที่สว่าง”

11 ดังนั้นดาวิดและพวกของเขาก็ตื่นแต่เช้าและออกเดินทางกลับไปยังดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ส่วนชาวฟีลิสเตียก็เดินขึ้นไปที่ยิสเรเอล

ดาวิดรบชนะชาวอามาเลค

30 ดาวิดกับพวกของเขากลับมาถึงเมืองศิกลากในวันที่สาม ปรากฏว่าชาวอามาเลคได้มาปล้นเนเกบและศิกลาก พวกเขาเข้าโจมตีและเผาเมืองศิกลาก และจับผู้หญิงและทุกคนในเมืองไว้ ทั้งเด็กและคนแก่ ชาวอามาเลคไม่ได้ฆ่าใครเลย แต่กวาดต้อนคนทั้งหมดไปตามทางของพวกเขา

เมื่อดาวิดและพวกมาถึงเมืองศิกลาก พวกเขาพบว่าเมืองถูกเผาทำลาย ทั้งเมีย ทั้งลูกชายลูกสาวของพวกเขา ถูกจับตัวไปหมด ดังนั้นดาวิดและพวกจึงร้องไห้เสียงดังจนหมดเรี่ยวแรงไม่สามารถร้องต่อไปได้อีก เมียทั้งสองคนของดาวิดคือนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลและนางอาบีกายิล เมียม่ายของนาบาลชาวคารเมล ก็ถูกจับไปด้วย

ดาวิดตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนพูดกันว่าจะเอาหินขว้างเขา แต่ละคนรู้สึกขมขื่นใจ เพราะลูกชายลูกสาวของพวกเขาถูกจับไป แต่ดาวิดก็มีความกล้าขึ้นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ดาวิดพูดกับนักบวชอาบียาธาร์ลูกชายของอาหิเมเลคว่า “เอาเอโฟดมาให้เราหน่อย” อาบียาธาร์ก็เอามาให้เขา

และดาวิดก็ร้องถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรจะตามโจรกลุ่มนี้ไปหรือไม่ และข้าพเจ้าจะไล่พวกมันทันหรือเปล่า”

พระองค์ตอบว่า “ตามล่ามันไป เจ้าจะไล่พวกมันทัน และช่วยเหลือคนได้สำเร็จ”

ดาวิดและชายหนุ่มหกร้อยคน ได้ออกติดตามโจรกลุ่มนั้นไปจนถึงลุ่มแม่น้ำเบโสร์ ที่นั่นเขาได้ทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้ 10 เพราะมีสองร้อยคนที่เหน็ดเหนื่อยมากจนไม่สามารถข้ามลุ่มแม่น้ำไปได้ จึงหยุดพักอยู่ที่นั่น ส่วนดาวิดและคนอีกสี่ร้อยคนยังคงไล่ตามต่อไป

11 พวกเขาพบคนอียิปต์คนหนึ่งในท้องทุ่ง จึงพามาพบดาวิด เขาให้น้ำกับคนอียิปต์นั้นดื่ม ให้อาหารเขากิน 12 เขาให้ผลมะเดื่อแห้งและเค้กองุ่นแห้งสองชิ้น เมื่อเขากินแล้วเขาก็ดีขึ้น เพราะเขาไม่ได้กินและดื่มอะไรเลยมาสามวันสามคืนแล้ว

13 ดาวิดถามคนอียิปต์นั้นว่า “เจ้าเป็นคนของใคร และเจ้ามาจากไหน”

คนอียิปต์ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนอียิปต์ เป็นทาสของคนอามาเลค นายของข้าพเจ้าทิ้งข้าพเจ้าไว้ เพราะข้าพเจ้าป่วยเมื่อสามวันก่อน 14 พวกเราได้เข้าปล้นเขตแดนเนเกบ ที่คนเคเรธี[d] อาศัยอยู่ และดินแดนที่เป็นของยูดาห์ รวมทั้งเขตแดนเนเกบที่ตระกูลคาเลบอาศัยอยู่ และพวกเราก็เผาศิกลากทิ้ง”

15 ดาวิดถามคนอียิปต์ว่า “เจ้าช่วยพาเราลงไปถึงโจรกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า”

คนอียิปต์ตอบว่า “สาบานต่อหน้าพระเจ้าก่อนว่า ท่านจะไม่ฆ่าข้าพเจ้า หรือส่งข้าพเจ้ากลับคืนไปหานายข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะพาท่านลงไปถึงโจรกลุ่มนี้”

16 คนอียิปต์พาดาวิดไปหาอามาเลค และที่นั่น ดาวิดก็ได้พบกับคนเหล่านั้น อยู่กันอย่างกระจัดกระจายในแถบชนบท กำลังกิน ดื่ม และเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน เพราะได้ปล้นของมาเป็นจำนวนมากจากแผ่นดินของชาวฟีลิสเตียและจากยูดาห์ 17 ดาวิดสู้รบกับพวกโจรตั้งแต่ตอนค่ำจนถึงเย็นของอีกวันหนึ่ง และไม่มีใครหนีรอดไปได้เลย นอกจากชายหนุ่มสี่ร้อยคนที่ขี่อูฐหนีไปได้

18 ดาวิดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอามาเลคยึดมา รวมถึงเมียทั้งสองของเขาด้วย 19 ดาวิดยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาหมด ไม่มีอะไรขาดเลย ทั้งคนหนุ่ม คนแก่ เด็กชายเด็กหญิง ของที่โจรปล้นเอามา หรืออะไรก็ตามที่พวกโจรได้ปล้นเอาไปนั้น ดาวิดเอากลับมาหมด 20 ดาวิดยึดฝูงแพะแกะและฝูงโคมาได้ และคนของเขาก็ต้อนฝูงสัตว์ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “นี่คือของที่ดาวิดปล้นมาได้”

21 เมื่อดาวิดมาถึงบริเวณที่คนสองร้อยคน ที่เหนื่อยเกินไปที่จะตามดาวิด และถูกทิ้งไว้ที่ลุ่มแม่น้ำเบโสร์ พวกเขาออกมาพบดาวิดกับพวกที่มากับดาวิด เมื่อดาวิดกับพวกของเขามาถึง พวกนั้นก็ออกมาถามทุกข์สุขของดาวิดและพรรคพวก 22 แต่มีบางคนในพวกที่ติดตามดาวิดไป ที่เป็นคนชั่วร้ายและชอบสร้างปัญหา พูดขึ้นว่า “คนพวกนี้ไม่ได้ออกไปกับพวกเรา ก็ไม่ควรได้รับส่วนแบ่งในของที่เรายึดมาได้ นอกจากลูกเมียของพวกเขาเท่านั้น”

23 ดาวิดพูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พวกท่านต้องไม่ทำอย่างนั้นกับสิ่งที่พระยาห์เวห์ให้กับพวกเรา และได้มอบพวกโจรกลุ่มนี้ที่ได้สู้รบกับพวกเราให้ตกอยู่ในกำมือของพวกเรา 24 ใครจะฟังเจ้าในเรื่องนี้ ทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งเท่าๆกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เฝ้าสัมภาระอยู่ที่นี่ หรือคนที่ลงไปสู้รบ” 25 ดาวิดทำให้เรื่องนี้เป็นกฏระเบียบของชาวอิสราเอล มาจนถึงทุกวันนี้

26 เมื่อดาวิดมาถึงศิกลาก เขาได้ส่งของที่ยึดมาได้บางส่วนไปให้กับผู้นำอาวุโสในยูดาห์ ที่เป็นเพื่อนกับดาวิด แล้วบอกว่า “นี่คือของขวัญสำหรับท่านจากสิ่งที่ยึดมาได้จากพวกศัตรูของพระยาห์เวห์”

27 ดาวิดส่งของที่ยึดมาได้บางส่วน ไปให้ผู้นำที่อยู่ในเบธเอล ราโมทในเนเกบ และยาททีร์ 28 ไปยังผู้นำที่อยู่ที่อาโรเออร์ สิฟโมท เอชเทโมอา 29 ไปยังราคาล ไปยังหมู่บ้านต่างๆของคนเยราเมเอล และหมู่บ้านต่างๆของคนเคไนต์ 30 ไปยังคนที่อยู่ในโฮรมาห์ โบราชาน อาธาค 31 และเฮโบรน และไปยังทุกๆที่ที่ดาวิดและพวกเคยอาศัยมาก่อน

ซาอูลตาย

31 ในเวลานั้นชาวฟีลิสเตียได้สู้รบอยู่กับชาวอิสราเอล ชาวอิสราเอลบางคนหนีไปได้ หลายคนถูกฆ่าตายอยู่บนเขากิลโบอา ชาวฟีลิสเตียไล่ตามซาอูลและพวกลูกชายของเขาทัน และชาวฟีลิสเตียก็ฆ่าลูกชายทั้งสามคนของซาอูลคือโยนาธาน อาบีนาดับ และมัลคีชูวา

การต่อสู้รุนแรงขึ้นรอบๆซาอูล และเมื่อพวกนักยิงธนูมาพบซาอูลเข้า พวกเขาได้ยิงธนูใส่ซาอูลจนบาดเจ็บสาหัส ซาอูลพูดกับคนถืออาวุธของเขาว่า “ชักดาบของเจ้าออกมา แล้วแทงเราซะ ก่อนที่ไอ้พวกที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบเหล่านี้จะเข้ามาแทงเรา และล้อเลียนเรา” แต่คนที่ถืออาวุธของเขาหวาดกลัวมากและไม่ยอมทำตาม ซาอูลจึงชักดาบของเขาเองออกมาและล้มทับลงบนดาบนั้น เมื่อผู้ถืออาวุธของซาอูลเห็นว่าซาอูลตายแล้ว เขาจึงล้มทับดาบของเขาเองฆ่าตัวตายไปกับซาอูลด้วย อย่างนี้ ซาอูล ลูกชายทั้งสาม คนถืออาวุธของเขา และคนของเขาทั้งหมดจึงตายในวันเดียวกัน

เมื่อชาวอิสราเอลซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา และที่อยู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน เห็นคนอิสราเอลหลบหนี และเห็นซาอูลกับพวกลูกชายของเขาตายไป พวกเขาจึงหนีทิ้งเมืองต่างๆของพวกเขาไป แล้วชาวฟีลิสเตียก็เข้ายึดครองเมืองต่างๆเหล่านั้น

วันรุ่งขึ้นเมื่อคนฟีลิสเตียมาปลดเสื้อผ้าจากคนที่ถูกฆ่า พวกเขาได้พบศพของซาอูล และลูกชายทั้งสามคน บนภูเขากิลโบอา พวกเขาได้ตัดหัวของซาอูลและถอดชุดเกราะของเขาออก แล้วส่งข่าวไปทั่วดินแดนของชาวฟีลิสเตีย เพื่อประกาศข่าวในวิหารของพวกรูปเคารพของพวกเขา และในหมู่ประชาชนของพวกเขา 10 พวกเขาวางชุดเกราะของซาอูลไว้ในวิหารพระอัชทาโรทและเสียบศพของซาอูลไว้ที่กำแพงของเมืองเบธชาน

11 เมื่อคนที่อาศัยอยู่ที่ยาเบช-กิเลอาดได้ยินเรื่องที่ชาวฟีลิสเตียทำกับซาอูล 12 นักรบผู้กล้าหาญทุกคนก็เดินทางตลอดคืนไปยังเบธชาน พวกเขาปลดเอาร่างของซาอูลและลูกชายทั้งสามคนลงจากกำแพงของเบธชาน และเอาไปยังเมืองยาเบช พวกเขาได้เผาศพของซาอูลกับลูกชายทั้งสามที่นั่น 13 พวกเขาได้เก็บกระดูก และฝังมันไว้ใต้ต้นสนหมอกที่ยาเบช และพวกเขาก็อดอาหารให้เป็นเวลาเจ็ดวัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International