Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศาวดาร 6-7

แล้วโซโลมอนตรัสว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่าพระองค์จะประทับในเมฆทึบ ข้าพระองค์ได้สร้างพระวิหารอันสง่างามถวายเพื่อพระองค์จะประทับอยู่นิรันดร์”

กษัตริย์ทรงหันกลับมาตรัสอวยพรชุมนุมประชากรอิสราเอลซึ่งยืนอยู่ที่นั่น แล้วตรัสว่า

“สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงกระทำตามพระสัญญาที่ได้ตรัสไว้กับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง เพราะพระองค์ได้ตรัสว่า ‘นับแต่วันที่เรานำประชากรของเราออกมาจากอียิปต์ เราไม่ได้เลือกเมืองของเผ่าใดเผ่าหนึ่งของอิสราเอลเพื่อสร้างวิหารขึ้นสถาปนานามของเรา หรือเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำปกครองอิสราเอลประชากรของเรา แต่บัดนี้เราได้เลือกเยรูซาเล็มเป็นที่สถาปนานามของเรา และได้เลือกดาวิดให้ปกครองอิสราเอลประชากรของเรา’

“ดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าตั้งพระทัยจะสร้างพระวิหารถวายแด่พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับดาวิดราชบิดาว่า ‘ที่เจ้ามีใจจะสร้างวิหารเพื่อนามของเรานั้นก็ดีอยู่ ถึงกระนั้นเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้สร้างวิหาร แต่บุตรชายผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าจะเป็นผู้สร้างวิหารเพื่อนามของเรา’

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำตามพระสัญญาคือ ให้ข้าพเจ้าได้ครองราชบัลลังก์อิสราเอลสืบต่อจากดาวิดราชบิดาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ และข้าพเจ้าได้สร้างพระวิหารนี้เพื่อพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 11 เป็นที่ตั้งหีบพันธสัญญา ซึ่งภายในบรรจุพันธสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงให้ไว้กับประชากรอิสราเอล”

โซโลมอนอธิษฐานถวายพระวิหาร(A)

12 จากนั้นโซโลมอนประทับยืนอยู่หน้าแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งหมดและทรงชูพระหัตถ์ขึ้น 13 พระองค์ได้ทรงสร้างยกพื้นทองสัมฤทธิ์กว้างยาวด้านละ 5 ศอก[a] และสูง 3 ศอก[b] ตั้งไว้ตรงกลางลานชั้นนอก พระองค์ประทับยืนอยู่บนยกพื้น จากนั้นทรงคุกเข่าลงต่อหน้าชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งปวง แล้วทรงชูพระหัตถ์ขึ้นฟ้าสวรรค์ 14 พระองค์ตรัสว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกไม่มีพระอื่นใดเสมอเหมือนพระองค์ ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งยังคงดำเนินในทางของพระองค์อย่างสุดใจ 15 พระองค์ทรงรักษาคำมั่นสัญญาต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ผู้เป็นราชบิดาของข้าพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาด้วยพระโอษฐ์และทรงกระทำให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ดังเช่นทุกวันนี้

16 “และบัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอทรงรักษาคำมั่นสัญญาที่ทรงมีต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ผู้เป็นราชบิดาของข้าพระองค์ที่ว่า ‘หากวงศ์วานของเจ้าใส่ใจทำทุกอย่างและดำเนินอยู่ต่อหน้าเราตามบทบัญญัติของเราเหมือนที่เจ้าได้ทำ เจ้าก็จะไม่ขาดคนที่จะขึ้นครองบัลลังก์อิสราเอลต่อหน้าเรา’ 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล บัดนี้ขอทรงโปรดให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้แก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด

18 “แต่พระเจ้าจะประทับในโลกนี้ร่วมกับมนุษย์จริงๆ หรือ? ในเมื่อฟ้าสวรรค์สูงสุดยังไม่อาจรับพระองค์ไว้ได้ พระวิหารแห่งนี้ซึ่งข้าพระองค์สร้างขึ้นจะยิ่งเล็กน้อยกว่านั้นสักเท่าใด! 19 ถึงกระนั้นข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับฟังคำอธิษฐานและตอบคำวิงวอนขอพระเมตตาซึ่งผู้รับใช้กำลังกราบทูลอยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันนี้ 20 ขอพระองค์ทอดพระเนตรพระวิหารแห่งนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน พระวิหารซึ่งพระองค์ตรัสว่าจะเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์ ขอพระองค์สดับฟังเมื่อผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานตรงต่อที่แห่งนี้ 21 เมื่อผู้รับใช้และประชากรอิสราเอลของพระองค์อธิษฐานวิงวอนตรงต่อที่แห่งนี้ ขอทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และเมื่อทรงสดับแล้ว ขอทรงโปรดยกโทษ

22 “เมื่อผู้ใดทำผิดต่อเพื่อนบ้านและต้องสาบาน และเขามาสาบานหน้าแท่นบูชาในพระวิหารนี้ 23 ขอพระองค์ทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และวินิจฉัย ขอทรงตัดสินความระหว่างผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ ขอทรงลงโทษคนผิดและให้สิ่งที่เขาทำตกแก่ตัวเขาเอง ส่วนผู้บริสุทธิ์ขอทรงประกาศว่าเขาไม่ผิด เป็นอันพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์

24 “เมื่ออิสราเอลประชากรของพระองค์ทำบาปต่อพระองค์และถูกศัตรูพิชิต หากเขาหันกลับมาหาพระองค์ ร้องทูลออกพระนามของพระองค์ อธิษฐานและทูลวิงวอนต่อพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 25 ขอทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์ และอภัยบาปของเหล่าประชากรอิสราเอลของพระองค์ และนำเขากลับมายังดินแดนซึ่งพระองค์ประทานแก่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา

26 “เมื่อท้องฟ้าถูกปิดและไม่มีฝนเพราะประชากรของพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อที่แห่งนี้ ร้องทูลออก พระนามของพระองค์ และหันจากบาปของตนเพราะพระองค์ได้ทรงลงโทษเขาแล้ว 27 ขอทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และอภัยบาปของประชากรอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ขอทรงสอนหนทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และประทานฝนแก่ดินแดนซึ่งทรงยกให้เป็นมรดกของเหล่าประชากร

28 “หากเกิดการกันดารอาหารหรือโรคระบาดในดินแดน หรือโรคพืช หรือโรคราน้ำค้าง หรือตั๊กแตนบุกมาทำลาย หรือเหล่าศัตรูมาล้อมเมือง ไม่ว่าจะเป็นโรคหรือภัยพิบัติใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น 29 เมื่อมีคำอธิษฐานหรือคำทูลวิงวอนจากผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่ประชากรอิสราเอลของพระองค์ ซึ่งแต่ละคนย่อมรู้ถึงความทุกข์ใจและความเจ็บปวดของตนดี และชูมือขึ้นตรงต่อพระวิหารแห่งนี้ 30 ขอทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์ที่ประทับของพระองค์ ขอทรงอภัยโทษและทรงจัดการกับแต่ละคนตามการกระทำของเขาเนื่องจากพระองค์ทรงรู้จักจิตใจของเขา (เพราะพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจมนุษย์) 31 เพื่อเขาจะยำเกรงพระองค์และดำเนินในทางของพระองค์ตลอดเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเรา

32 “ส่วนคนต่างชาติซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ แต่ได้มาจากแดนไกลเนื่องด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์ เมื่อเขามาอธิษฐานตรงต่อพระวิหารแห่งนี้ 33 ขอทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์ที่ประทับของพระองค์ และขอทรงตอบคำอธิษฐานที่คนต่างชาติผู้นั้นได้ทูลขอต่อพระองค์ เพื่อมวลประชาชาติในโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์และยำเกรงพระองค์ เช่นเดียวกับอิสราเอลประชากรของพระองค์เอง และรู้ว่าข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศแห่งนี้เพื่อพระนามของพระองค์

34 “เมื่อพระองค์ทรงใช้ประชากรของพระองค์ออกไปรบกับศัตรูไม่ว่าที่ใด และเขาอธิษฐานต่อพระองค์มุ่งตรงมายังนครนี้ที่ทรงเลือกสรรไว้ และยังพระวิหารแห่งนี้ซึ่งข้าพระองค์สร้างขึ้นเพื่อพระนามของพระองค์ 35 ขอทรงสดับฟังคำอธิษฐานและคำทูลวิงวอนของเขาจากฟ้าสวรรค์และขอทรงช่วยเหลือเขา

36 “หากพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ (เพราะมีใครบ้างที่ไม่ทำบาปเลย) แล้วพระองค์ทรงพระพิโรธเขา และยอมให้ศัตรูพิชิตเขานำเขาไปเป็นเชลยในต่างแดนไม่ว่าใกล้หรือไกล 37 และถ้าเขากลับใจได้ในแดนเชลย สำนึกผิด ทูลวิงวอนต่อพระองค์ในดินแดนนั้น และทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป ข้าพระองค์ทั้งหลายผิดไปแล้วและได้ประพฤติชั่ว’ 38 และหากเขาหันกลับมาหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจในแดนเชลย และอธิษฐานตรงมายังดินแดนแห่งนี้ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษ ตรงมายังนครซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรและยังพระวิหารแห่งนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้นเพื่อพระนามของพระองค์ 39 ก็ขอทรงสดับฟังคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเขาจากฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงช่วยเหลือเขาและอภัยโทษแก่ประชากรของพระองค์ผู้ได้ทำบาปต่อพระองค์

40 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ขอทรงทอดพระเนตรและเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานทั้งปวงที่ทูลพระองค์ในที่แห่งนี้

41 “และบัดนี้ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้นและเสด็จมายังที่ประทับของพระองค์เถิด
ทั้งพระองค์และหีบพันธสัญญาแห่งฤทธานุภาพของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขอให้บรรดาปุโรหิตของพระองค์สวมความรอดเป็นอาภรณ์
ขอให้ประชากรของพระองค์ปีติยินดีในความประเสริฐของพระองค์
42 ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขออย่าทรงปฏิเสธผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้
ขอทรงระลึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทรงสัญญาไว้แก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์”

การถวายพระวิหาร(B)

เมื่อโซโลมอนทรงอธิษฐานจบ ก็มีไฟจากฟ้าสวรรค์ลงมาเผาของถวายและเครื่องเผาบูชา และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหาร ปุโรหิตไม่สามารถเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ เพราะพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหาร เมื่อชนอิสราเอลทั้งปวงเห็นไฟลงมาและพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือพระวิหาร ก็คุกเข่ากราบลงกับพื้น นมัสการและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า ทูลว่า

“พระองค์ประเสริฐ
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์”

จากนั้นกษัตริย์และปวงประชากรก็ถวายเครื่องบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์โซโลมอนทรงถวายวัวผู้ 22,000 ตัว กับแกะและแพะ 120,000 ตัว เป็นอันว่ากษัตริย์และปวงประชากรได้ถวายพระวิหารของพระเจ้า ปุโรหิตทั้งหลายเข้าประจำหน้าที่ เช่นเดียวกับคนเลวีทั้งหลายซึ่งขับร้องบทเพลงขอบพระคุณว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์” โดยใช้เครื่องดนตรีขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งกษัตริย์ดาวิดทรงทำขึ้นเพื่อใช้ในการสรรเสริญและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เหล่าปุโรหิตเป่าแตรอยู่ด้านตรงข้ามคนเลวี ส่วนประชากรทั้งปวงยืนอยู่

โซโลมอนทรงประกอบพิธีชำระส่วนกลางของลานหน้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชา และไขมันของเครื่องสันติบูชาที่นั่น เพราะแท่นทองสัมฤทธิ์ที่ทำขึ้นนั้นเล็กเกินไปสำหรับเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา และไขมันของเครื่องบูชา

ดังนั้นโซโลมอนทรงร่วมพิธีฉลองกับประชากรอิสราเอลตลอดเจ็ดวัน มหาชนจากทั่วอิสราเอลจากเมืองเลโบฮามัท[c]จดลำน้ำแห่งอียิปต์ ในวันที่แปดมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เพราะพวกเขาได้ฉลองการถวายแท่นบูชาเจ็ดวัน และฉลองเทศกาลอีกเจ็ดวัน 10 แล้วในวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่เจ็ด โซโลมอนทรงส่งประชาชนกลับบ้านด้วยความสุขและชื่นชมยินดีในสิ่งดีงามต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อดาวิดและโซโลมอนและอิสราเอลประชากรของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้า(C)

11 เมื่อโซโลมอนทรงสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวังเสร็จแล้ว และทุกสิ่งที่ทรงดำริจะทำในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวังลุล่วงครบถ้วนแล้ว 12 คืนวันหนึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่โซโลมอนและตรัสว่า

“เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว และได้เลือกสถานที่แห่งนี้ให้เป็นวิหารสำหรับเราเพื่อถวายเครื่องบูชาแก่เรา

13 “เมื่อเราปิดกั้นฟ้าไว้ไม่ให้ฝนตก หรือบัญชาให้ตั๊กแตนมากัดกินพืชพันธุ์ หรือส่งโรคระบาดมาท่ามกลางประชากรของเรา 14 หากประชากรของเราซึ่งเรียกชื่อตามนามของเราจะถ่อมใจลงและอธิษฐานแสวงหาหน้าของเรา และหันกลับจากวิถีอันชั่วร้ายของเขา เมื่อนั้นเราจะรับฟังเขาจากฟ้าสวรรค์ จะอภัยบาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย 15 บัดนี้เราจะเปิดตาดูและเปิดหูฟังคำอธิษฐานทั้งหลายในที่แห่งนี้ 16 เราได้เลือกวิหารแห่งนี้และชำระให้บริสุทธิ์ เพื่อสถาปนานามของเราไว้ที่นั่นชั่วนิรันดร์ ตาและใจของเราจะอยู่ที่นั่นเสมอไป

17 “ส่วนเจ้า หากเจ้าดำเนินอยู่ต่อหน้าเราเหมือนดาวิดราชบิดาของเจ้า หากเจ้าทำตามคำบัญชา รักษากฎหมายและบทบัญญัติของเรา 18 เราก็จะสถาปนาบัลลังก์ของเจ้าเหมือนที่เราได้ทำพันธสัญญาไว้กับดาวิดราชบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดคนขึ้นมาปกครองอิสราเอลเลย’

19 “แต่หากเจ้าทั้งหลายหันหนี ละทิ้งกฎหมายและคำบัญชาที่เราให้ไว้ ไปปรนนิบัติและนมัสการพระอื่นๆ 20 เราก็จะขุดรากถอนโคนอิสราเอลออกจากดินแดนของเราซึ่งเราได้ยกให้เขา และเราจะทิ้งวิหารแห่งนี้ซึ่งเราได้ชำระให้บริสุทธิ์เพื่อนามของเรา เราจะทำให้กลายเป็นที่เย้ยหยันและคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติ 21 ถึงแม้ว่าบัดนี้วิหารจะตั้งเด่นตระหง่าน คนทั้งปวงที่ผ่านไปมาก็จะตกตะลึงและถามว่า ‘ทำไมหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกระทำต่อวิหารและดินแดนนี้ถึงเพียงนี้?’ 22 ผู้คนจะตอบว่า ‘เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ทรงนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ หันไปฝักใฝ่ปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆแทน ดังนั้นพระองค์จึงทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาสู่พวกเขา’ ”

สดุดี 136

136 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
จงขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือพระทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านาย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียว
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์โดยความเข้าใจ
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงคลี่ผืนแผ่นดินเหนือห้วงน้ำ
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงสร้างดวงสว่างมหึมา
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ทรงให้ดวงอาทิตย์ครองกลางวัน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ทรงให้ดวงจันทร์และดวงดาวครองกลางคืน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

10 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงประหารลูกหัวปีของอียิปต์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
11 และทรงนำอิสราเอลออกมาจากท่ามกลางพวกเขา
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
12 ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

13 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงแยกทะเลแดง[a]ออกเป็นทาง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
14 และทรงนำอิสราเอลข้ามทะเลไป
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
15 แต่ทรงให้ฟาโรห์กับกองทัพจมลงในทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

16 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ผ่านถิ่นกันดาร
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

17 ผู้ทรงโค่นล้มกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
18 ทรงประหารบรรดากษัตริย์ผู้เกรียงไกร
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
19 คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
20 และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
21 และประทานดินแดนของพวกเขาให้เป็นกรรมสิทธิ์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
22 เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

23 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงระลึกถึงเราซึ่งอยู่ในฐานะอันต่ำต้อย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
24 และทรงช่วยเราให้พ้นจากบรรดาศัตรู
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
25 พระองค์ผู้ประทานอาหารแก่ทุกชีวิต
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

26 จงขอบพระคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.