Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 17:1-7

น้ำจากก้อนหิน

(กดว. 20:1-13)

17 ขบวนอิสราเอลเดินทางจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีน ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ พวกเขามาตั้งค่ายอยู่ที่เรฟีดิม แต่ไม่มีน้ำให้พวกเขาดื่ม พวกเขามาโต้เถียงกับโมเสส และพูดว่า “หาน้ำให้เราดื่มซะ”

โมเสสบอกพวกเขาว่า “พวกท่านมาโต้เถียงกับเราทำไม ทำไมพวกท่านถึงได้ลองดีกับพระเจ้า”

แต่ผู้คนหิวกระหายน้ำมากที่นั่น พวกเขาบ่นต่อว่าโมเสส พวกเขาพูดว่า “ท่านพาเราออกมาจากอียิปต์ทำไมกัน เพื่อฆ่าเรา ลูกหลานของเรา และฝูงสัตว์เลี้ยงของเรา ด้วยการอดน้ำตายอย่างนั้นหรือ”

แล้วโมเสสได้ร้องต่อพระยาห์เวห์ว่า “จะให้ข้าพเจ้าทำยังไงดีกับคนพวกนี้ เดี๋ยวพวกนี้ก็จะเอาหินขว้างข้าพเจ้าแล้ว”

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เดินนำหน้าพวกเขาไป ให้พาผู้อาวุโสของอิสราเอลส่วนหนึ่งไปกับเจ้าด้วย และให้ถือไม้เท้าที่เจ้าเคยใช้ตีแม่น้ำไนล์ติดมือไปด้วย เราจะยืนอยู่ต่อหน้าเจ้า บนหินก้อนหนึ่งของภูเขาโฮเรบ เมื่อเจ้าตีหินก้อนนั้น จะมีน้ำไหลออกมา แล้วคนจะได้ดื่มกินกัน”

แล้วโมเสสก็ทำตามนั้นต่อหน้าต่อตาพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล เขาตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า มัสสาห์[a] และเมรีบาห์[b] เพราะชาวอิสราเอลได้โต้เถียงกับโมเสส และเพราะพวกเขาได้ลองดีกับพระยาห์เวห์ โดยพูดว่า “พระยาห์เวห์ยังอยู่กับพวกเราหรือเปล่า”

สดุดี 78:1-4

บทเรียนที่ได้รับจากประวัติของอิสราเอล

บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ

คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา
    เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา
เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา
    เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต
ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี
    เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง
พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา
    พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง
ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
    ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ

สดุดี 78:12-16

12 พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา
    ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์
13 พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป
    พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง
14 พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน
    และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน
15 พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก
    และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก
16 พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา
    พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ

ฟีลิปปี 2:1-13

เป็นหนึ่งเดียวกันและดูแลกันและกัน

ดังนั้น ถ้าพวกคุณได้รับกำลังใจเพราะมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าได้รับการปลอบใจจากความรัก ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพราะมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ และได้รับความรักใคร่เอ็นดูและความเห็นอกเห็นใจ

ผมก็ขอให้คุณทำสิ่งที่จะให้ความสุขกับผมอย่างเต็มที่ คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน เป็นใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน

อย่าทำอะไรที่ชิงดีชิงเด่นกัน หรือเพราะหลงคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ให้ถ่อมตัวลง และมองคนอื่นว่าสำคัญกว่าตัวเอง อย่าให้ใครคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย

ตามแบบอย่างของพระเยซู

ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยคิด ทำ และรู้สึกอย่างนี้ เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คือถึงแม้พระองค์จะมีสภาพเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ได้คิดที่จะใช้ความเท่าเทียมกับพระเจ้าของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพระองค์เองเลย

แต่พระองค์ได้ทิ้งความเป็นตัวของพระองค์เองไปจนหมด คือยอมรับสภาพเป็นทาส และได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อพระองค์ได้มาปรากฏตัวในร่างมนุษย์แล้ว พระองค์ได้ถ่อมตัวของพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่าง ถึงขนาดยอมตาย แม้กระทั่งต้องตายบนไม้กางเขน

พระเจ้าก็เลยยกพระเยซูขึ้นสูงที่สุด และยกย่องชื่อของพระองค์ให้ยิ่งใหญ่กว่าชื่อทั้งหมด 10 เพื่อทุกๆคนที่อยู่ในสวรรค์ก็ดี ในโลกนี้ก็ดี หรือใต้โลกนี้ก็ดี จะได้คุกเข่าลงให้เกียรติกับพระเยซู 11 ทุกๆคนจะยอมรับว่า พระเยซูคริสต์คือองค์เจ้าชีวิต แล้วพระเจ้าพระบิดาก็จะได้รับเกียรติยศ

ให้เป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการ

12 เพื่อนๆที่รัก คุณก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีมาตลอด ดังนั้นผมขอให้คุณทำงานหนักต่อไปด้วยใจที่เคารพและยำเกรงพระเจ้า จนกว่าคุณจะบรรลุถึงความรอด ตอนนี้ผมอยากให้คุณทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่แค่ตอนที่ผมอยู่ด้วยเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย 13 คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเป็นพระเจ้าเองที่กำลังทำงานอยู่ในหมู่พวกคุณ พระองค์ทำให้คุณเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการ และให้ฤทธิ์อำนาจกับคุณที่จะทำอย่างนั้นด้วย

มัทธิว 21:23-32

ผู้นำชาวยิวสงสัยเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู

(มก. 11:27-33; ลก. 20:1-8)

23 พระเยซูเข้าไปในวิหาร เมื่อพระองค์กำลังสอนอยู่นั้น พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโส เข้ามาถามพระองค์ว่า “แกมีสิทธิ์อะไรไปไล่พวกพ่อค้านั้น ใครให้สิทธิ์นี้กับแก”

24 พระเยซูตอบว่า “เราขอถามคุณเรื่องหนึ่งเหมือนกัน ถ้าคุณตอบเรา แล้วเราจะบอกว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำอย่างนี้ 25 ตอบหน่อยสิว่า พิธีจุ่มน้ำของยอห์นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์” พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสต่างก็ปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ มันก็จะย้อนถามเราว่า ‘แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่เชื่อยอห์นละ’ 26 แต่ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ เราก็กลัวฝูงชนจะโกรธ เพราะพวกนั้นต่างก็เชื่อว่า ยอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า”

27 พวกเขาจึงตอบพระเยซูว่า “ไม่รู้สิ” พระเยซูก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่บอกเหมือนกัน ว่าเราใช้สิทธิ์ของใครในการทำสิ่งเหล่านี้”

เรื่องลูกชายสองคน

28 “บอกหน่อยว่า คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายคนหนึ่งมีลูกสองคน เขาบอกลูกชายคนโตว่า ‘ลูกพ่อ วันนี้ไปทำงานในไร่องุ่นของพ่อนะ’

29 เขาตอบว่า ‘ไม่ได้ครับ’ แต่ต่อมาเขาเปลี่ยนใจ แล้วไปทำงานในไร่องุ่น

30 จากนั้นพ่อไปบอกลูกชายอีกคนว่า ‘ลูกพ่อ วันนี้ไปทำงานในไร่องุ่นของพ่อนะ’ เขาตอบว่า ‘ครับพ่อ ผมจะไป’ แต่เขาก็ไม่ได้ไป”

31 “ลูกสองคนนี้ คนไหนที่เชื่อฟังพ่อของเขา” พวกหัวหน้าชาวยิวตอบว่า “ลูกคนแรก” พระเยซูจึงบอกพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนเก็บภาษีและโสเภณีกำลังเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนพวกคุณเสียอีก 32 ยอห์นได้มาชี้ให้เห็นว่า จะใช้ชีวิตที่ถูกต้องกับพระเจ้าได้อย่างไร พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อเขา แต่คนเก็บภาษีและโสเภณีกลับเชื่อยอห์น ถึงแม้คุณเห็นพวกเขาทำอย่างนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจมาเชื่อยอห์นเลย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International