Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Complementary)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with thematically matched Old and New Testament readings.
Duration: 1245 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 6

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย ตามทำนองเชมินิท[a] บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดอย่ากำราบข้าพระองค์ขณะที่พระองค์ทรงกริ้ว
หรือลงวินัยข้าพระองค์ขณะที่ทรงพระพิโรธ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงกรุณาข้าพระองค์เถิด เพราะข้าพระองค์อ่อนระโหยโรยแรง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงโปรดรักษาข้าพระองค์ เพราะกระดูกของข้าพระองค์ปวดร้าวแสนสาหัส
จิตวิญญาณของข้าพระองค์ทุกข์ระทมนัก
อีกนานสักเท่าใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า อีกนานสักเท่าใด?

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงหันมาช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยเถิด
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดพ้นเพราะความรักมั่นคงของพระองค์
ไม่มีใครที่ตายไปแล้วจะระลึกถึงพระองค์ได้
ผู้ใดเล่าจะสรรเสริญพระองค์จากหลุมฝังศพได้?

ข้าพระองค์คร่ำครวญจนอ่อนล้า

ข้าพระองค์ร่ำไห้ตลอดทั้งคืนจนน้ำตาท่วมที่นอน
และหมอนของข้าพระองค์ชุ่มด้วยน้ำตา
ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองไปเพราะความทุกข์โศก
ช้ำไปเพราะบรรดาศัตรูของข้าพระองค์

พวกเจ้าทุกคนที่ทำชั่ว จงไปให้พ้นข้าพเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้าแล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเสียงร้องทูลขอความเมตตาของข้าพเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยอมรับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
10 บรรดาศัตรูของข้าพเจ้าจะมีแต่ความอับอายและความหวาดกลัว
พวกเขาจะหันกลับไปและได้รับความอัปยศอดสูทันที

2 พงศ์กษัตริย์ 7:3-10

วงล้อมแตก

มีคนโรคเรื้อน[a]สี่คนนั่งอยู่ตรงทางเข้าประตูเมือง พวกเขาพูดกันว่า “ทำไมมานั่งรอความตายอยู่ที่นี่? เราอยู่ที่นี่ก็จะอดตาย ถ้ากลับเข้าไปในเมืองก็อดตายกันอยู่ดี เราไปสวามิภักดิ์ต่อพวกอารัมกันเถิด ถ้าเขาไว้ชีวิตเรา เราก็อยู่ ถ้าเขาฆ่าเรา เราก็ตาย”

ตอนพลบค่ำพวกเขาพากันไปยังค่ายพักอารัม แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้กองทัพอารัมได้ยินเสียงรถม้าศึก เสียงควบม้า เสียงกองทัพใหญ่ จึงพูดกันว่า “กษัตริย์อิสราเอลจ้างพวกฮิตไทต์และกษัตริย์อียิปต์มาโจมตีเราแล้ว!” พวกเขาจึงเตลิดหนีไปเมื่อพลบค่ำ ทิ้งเต็นท์ ม้า ลา และข้าวของทุกอย่างไว้ แล้วหนีเอาชีวิตรอด

เมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านั้นมาถึงริมค่าย ก็เข้าไปในเต็นท์และกินดื่ม พวกเขาขนเงินทองและเสื้อผ้าออกมาแล้วซ่อนไว้ พวกเขากลับมาอีกและเข้าไปในเต็นท์อื่น แล้วขนของไปเก็บซ่อนไว้

แล้วพวกเขาพูดกันว่า “ทำอย่างนี้ไม่ถูก นี่เป็นข่าวดี แล้วเราไม่ยอมบอกใคร หากรอจนถึงวันพรุ่งนี้จะต้องมีโทษหนัก เรารีบกลับไปรายงานทางพระราชวังกันดีกว่า”

10 ฉะนั้นพวกเขาจึงกลับมาร้องบอกยามรักษาการณ์ประตูเมืองว่า “พวกเราได้ออกไปที่ค่ายของชาวอารัม พบว่าม้าและลาถูกผูกไว้ เต็นท์ก็เป็นระเบียบดี แต่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน”

1 โครินธ์ 10:14-11:1

งานเลี้ยงของรูปเคารพกับพิธีมหาสนิท

14 เหตุฉะนั้นท่านที่รัก จงหลีกห่างการนับถือรูปเคารพ 15 ข้าพเจ้าพูดกับคนที่มีสามัญสำนึก ท่านจงวินิจฉัยคำพูดของข้าพเจ้าเอาเองเถิด 16 ถ้วยน้ำองุ่นซึ่งเราอธิษฐานขอบพระคุณคือการเข้าร่วมในพระโลหิตของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? และขนมปังซึ่งเราหักนั้นคือการเข้าร่วมในพระกายของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? 17 เนื่องจากมีขนมปังก้อนเดียว เราหลายคนจึงเป็นกายเดียวกัน เพราะทุกคนร่วมรับประทานขนมปังก้อนเดียวกัน

18 จงพิจารณาชนชาติอิสราเอลผู้ที่กินของถวายบูชาก็มีส่วนร่วมในแท่นบูชาไม่ใช่หรือ? 19 นี่ข้าพเจ้าหมายความว่ารูปเคารพกับของที่เซ่นไหว้มีความสำคัญอย่างนั้นหรือ? 20 เปล่าเลย แต่หมายความว่าของเซ่นไหว้ของคนนอกศาสนานั้นสังเวยแก่ผีมาร ไม่ใช่ถวายแด่พระเจ้า และข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไปเข้าร่วมกับพวกผีมาร 21 ท่านจะดื่มทั้งจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าและถ้วยของผีมารไม่ได้ จะร่วมโต๊ะทั้งขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของพวกผีมารด้วยไม่ได้ 22 เรากำลังพยายามยั่วยุองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงริษยาหรือ? เราเข้มแข็งกว่าพระองค์หรือ?

เสรีภาพของผู้เชื่อ

23 “เราได้รับอนุญาตให้ทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งจะเป็นประโยชน์ “เราได้รับอนุญาตให้ทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งจะเป็นการเสริมสร้างขึ้น 24 ทุกคนไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น

25 สิ่งใดที่วางขายตามตลาดเนื้อก็ให้รับประทานไปเถิดโดยไม่ต้องถามตนเองว่าผิดหรือไม่ 26 เพราะ “แผ่นดินโลกและทุกสิ่งในโลกเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า”[a]

27 หากผู้ไม่เชื่อบางคนเชิญท่านไปร่วมรับประทานอาหารและท่านประสงค์จะไป จงรับประทานสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าท่านไปเถิดโดยไม่ต้องถามว่าผิดหรือไม่ 28 แต่ถ้ามีใครมาบอกว่า “ของนี้ได้นำไปเซ่นไหว้แล้ว” ก็อย่ารับประทานเพื่อเห็นแก่ทั้งคนที่บอกและจิตสำนึกผิดชอบ[b] 29 ข้าพเจ้าหมายถึงจิตสำนึกของคนนั้นไม่ใช่ของท่าน ทำไมเสรีภาพของข้าพเจ้าจึงถูกตัดสินโดยจิตสำนึกของคนอื่นเล่า? 30 ถ้าข้าพเจ้ารับประทานโดยขอบพระคุณพระเจ้า ทำไมข้าพเจ้าจึงถูกตำหนิเพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าแล้ว? 31 ดังนั้นไม่ว่าท่านจะกินหรือดื่มหรือทำอะไรก็ตาม จงทำทุกสิ่งเพื่อพระเกียรติสิริของพระเจ้า 32 อย่าเป็นต้นเหตุให้ใครสะดุดไม่ว่าจะเป็นคนยิว คนกรีก หรือคริสตจักรของพระเจ้า 33 เหมือนที่ข้าพเจ้าเองพยายามทำให้ทุกคนพอใจในทุกด้านเพราะข้าพเจ้าไม่ได้แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว แต่แสวงหาประโยชน์ของคนทั้งหลายเพื่อให้พวกเขารอด

11 จงทำตามอย่างข้าพเจ้าเหมือนที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.