Old/New Testament
อธิษฐานให้รอดพ้นจากศัตรู
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะลืมข้าพเจ้าไปอีกนานแค่ไหน ตลอดไปหรือ
พระองค์จะซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าอีกนานแค่ไหน
2 ข้าพเจ้าจะต้องข้องใจอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ข้าพเจ้าจะต้องทุกข์ใจวันแล้ววันเล่าอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
พวกศัตรูจะถูกยกย่องเหนือข้าพเจ้าไปอีกนานแค่ไหน
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า สนใจข้าพเจ้าหน่อย ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดฟื้นพลังให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด[a] ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะหลับอยู่ในความตาย
4 แล้วพวกศัตรูจะพูดได้ว่า “เราชนะมันแล้ว”
และพากันดีใจ เมื่อข้าพเจ้าล้มลง
5 แต่ข้าพเจ้าวางใจในความรักแท้มั่นคงของพระองค์
จิตใจของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดี เพราะพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด
6 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ดีกับข้าพเจ้า
ความชั่วช้าของมนุษย์
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 คนโง่เขลาพูดในใจว่า “ไม่มีพระเจ้าหรอก”
พวกเขาเสื่อมทราม
พวกเขาทำแต่สิ่งที่น่าขยะแขยง ไม่มีสักคนที่ทำดี
2 พระยาห์เวห์มองลงมาจากสวรรค์ดูพวกมนุษย์
เพื่อหาว่ายังมีมนุษย์สักคนไหมที่ทำสิ่งที่ฉลาด
และแสวงหาพระเจ้า
3 แต่พวกเขาต่างนอกลู่นอกทางกันไปหมด เสื่อมทรามกันทุกคน
ไม่มีใครเลย
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ทำสิ่งที่ดีๆ
4 คนทำชั่วเหล่านั้นทั้งหมดกลืนกินคนของเราเหมือนกินขนมปัง
พวกเขาไม่เคยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ
5 แต่เมื่อพระเจ้าลงโทษพวกคนชั่ว พวกเขาจะพากันตื่นกลัวสุดขีด
เพราะพระเจ้ายืนอยู่กับคนที่ทำถูกต้อง
6 เจ้าพวกคนชั่วพยายามขัดขวางแผนงานของคนยากไร้
แต่พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของพวกเขา
7 ข้าพเจ้าหวังว่าชัยชนะของชาวอิสราเอลจะมาถึงในไม่ช้านี้จากพระยาห์เวห์ที่อยู่บนภูเขาศิโยน
เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้คนของพระองค์กลับไปมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
ครอบครัวของยาโคบจะชื่นชมยินดี ชาวอิสราเอล[b] จะดีใจ
คนที่พระยาห์เวห์ต้อนรับ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใครจะได้มาเป็นแขกในเต็นท์[c] ของพระองค์
ใครจะได้มาอาศัยบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
2 คือคนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง พูดความจริงจากใจ
3 ไม่ใช้ลิ้นใส่ร้ายป้ายสี ไม่ทำผิดต่อเพื่อน
ไม่ด่าเพื่อนบ้าน
4 รังเกียจคนชั่วที่พระเจ้าไม่ยอมรับ
ยกย่องคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ทำตามสิ่งที่เขาได้สัญญาไว้แม้จะทำให้เขาเดือดร้อนก็ตาม
5 ไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อให้ยืมเงิน
ไม่ยอมรับสินบนเพื่อปรักปรำคนบริสุทธิ์
คนที่ทำอย่างนี้จะยืนหยัดมั่นคงเสมอ
เปาโลวางแผนเดินทาง
21 หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น เปาโลตัดสินใจที่จะเดินทางผ่านแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเพื่อไปที่เมืองเยรูซาเล็ม เขาพูดว่า “หลังจากที่ผมไปที่นั่นแล้ว ผมต้องไปกรุงโรมด้วย” 22 เขาจึงส่งทิโมธีและเอรัสทัส ผู้ช่วยทั้งสองคนของเขาไปที่แคว้นมาซิโดเนีย ส่วนตัวเขาเองอยู่ในแคว้นเอเชียต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ความยุ่งยากในเมืองเอเฟซัส
23 ในช่วงนั้นที่เมืองเอเฟซัสเกิดความวุ่นวายอย่างรุนแรงขึ้น เนื่องจากคำสอนเรื่องแนวทางขององค์เจ้าชีวิต 24 มีชายคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัส เขาเป็นช่างเงิน เขาเอาเงินมาทำเป็นรูปจำลองวัดของเทพธิดาอารเทมิส ซึ่งทำรายได้ให้กับพวกช่างฝีมือเป็นอันมาก 25 เดเมตริอัส จึงเรียกพวกช่างฝีมือพวกนั้นที่มีอาชีพเดียวกันมาประชุม และพูดว่า “ท่านทั้งหลายก็รู้ว่าพวกเรามีรายได้ดีจากงานนี้ 26 ท่านก็เห็นและได้ยินแล้วว่า ไอ้เปาโลคนนี้ได้ชักชวนและเปลี่ยนความคิดของคนเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แต่ที่เมืองเอเฟซัสนี้เท่านั้น แต่เกือบจะทั่วแคว้นเอเชีย มันบอกว่าพระเจ้าที่สร้างขึ้นจากมือมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้ 27 คำสอนนี้อันตรายมาก นอกจากจะทำให้อาชีพของพวกเราต้องเสียชื่อเสียงไปแล้ว ยังทำให้วัดของเทพธิดาอารเทมิสหมดความหมายไปด้วย และความยิ่งใหญ่ของนางที่คนทั่วแคว้นเอเชียและทั่วโลกเคารพบูชา ก็จะสูญสิ้นไปด้วย”
28 เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนี้ ก็โกรธและโห่ร้องว่า “อารเทมิส เทพธิดาของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่” 29 ทั่วทั้งเมืองก็วุ่นวายสับสนกันไปหมด พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไปในโรงละคร พร้อมกับลากชาวมาซิโดเนียสองคน คือกายอัสและอาริสทารคัสเพื่อนร่วมทางของเปาโล เข้าไปกับพวกเขาด้วย 30 ฝ่ายเปาโลอยากจะเข้าไปอยู่ต่อหน้าฝูงชน แต่พวกศิษย์ของพระเยซูไม่ยอมให้ไป 31 เจ้าหน้าที่ปกครองแคว้นบางคน ที่เป็นเพื่อนของเปาโล ได้ฝากคำพูดมาถึงเขา อ้อนวอนไม่ให้เขาเสี่ยงเข้าไปในโรงละคร 32 ผู้คนต่างคนต่างร้องตะโกนกัน จนที่ประชุมวุ่นวายไปหมด แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขามาชุมนุมกันทำไม 33 บางคนในฝูงชนบอกให้อเล็กซานเดอร์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนี้เขาถูกชาวยิวผลักออกไปยืนอยู่ข้างหน้า เขาจึงยกมือขึ้นให้ฝูงชนเงียบ และพยายามที่จะพูดแก้ต่างต่อหน้าคนที่มาชุมนุมนั้น
34 เมื่อพวกเขารู้ว่าอเล็กซานเดอร์เป็นคนยิว พวกเขาก็ร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “อารเทมิส เทพธิดาของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่” ร้องอยู่อย่างนั้นประมาณสองชั่วโมง
35 ฝ่ายผู้ปกครองเมืองบอกให้ฝูงชนอยู่ในความสงบ และพูดว่า “พี่น้องชาวเอเฟซัส มีใครบ้างในโลกนี้ที่ยังไม่รู้ว่าเมืองเอเฟซัสเป็นผู้ดูแลวัดของอารเทมิสผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้รักษาหินศักดิ์สิทธิ์[a] ที่หล่นมาจากท้องฟ้า 36 ไม่มีใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นพวกท่านต้องใจเย็นๆไม่ทำอะไรที่โง่เขลา 37 พวกท่านได้เอาชายสองคนนี้[b] มาที่นี่ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ปล้นวัดหรือดูหมิ่นเทพธิดาของพวกเรา 38 ถ้าเดเมตริอัสและพวกช่างฝีมือที่ทำงานกับเขากล่าวหาใคร ศาลก็เปิดอยู่ คณะผู้พิพากษาก็พร้อม ให้พวกเขาไปฟ้องร้องกันเองที่นั่นสิ 39 แต่ถ้าพวกท่านยังมีเรื่องอื่นอีก ก็ให้ไปตกลงกันในที่ประชุมปกติเถอะ 40 แค่นี้พวกเราก็เสี่ยงมากแล้วที่จะถูกกล่าวหาว่าก่อการจลาจลขึ้นในวันนี้ เพราะพวกเราไม่มีข้ออ้างอะไรเลย ที่มาชุมนุมกันในครั้งนี้” 41 เมื่อเขาพูดจบ ก็สั่งให้เลิกชุมนุมกัน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International