Old/New Testament
ศัตรูรายล้อมเยรูซาเล็ม
6 พระยาห์เวห์พูดว่า “คนเบนยามินทั้งหลาย
ไปยังที่ปลอดภัยนอกเมืองเยรูซาเล็ม
ให้เป่าแตรในเทโคอา
และส่งสัญญาณเตือนเหนือดินแดนเบธฮัคเคเรม
เพราะว่าหายนะ
และการทำลายล้างครั้งใหญ่หลวงกำลังมาจากทางทิศเหนือ
2 เรากำลังทำลายนางสาวศิโยน
ผู้งดงามและบอบบาง
3 พวกคนเลี้ยงแกะและฝูงแกะของพวกเขากำลังจะมาโจมตีเธอ
พวกเขาตั้งเต็นท์ล้อมรอบเธอ
พวกเขาแต่ละคนก็เลี้ยงดูสัตว์ในเขตของตัวเอง”
4 พวกศัตรูพูดกันว่า “เตรียมสู้ศึกกับเธอ
ลุกขึ้น เราจะบุกตอนเที่ยงวัน”
“เอ้า เซ็ง ใกล้จะหมดวันแล้ว
เงาของตอนเย็นเริ่มทอดยาวขึ้นแล้ว”
5 “ลุกขึ้น เราจะบุกตอนกลางคืน
แล้วเราจะทำลายป้อมปราการ”
6 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ตัดต้นไม้พวกนั้นของเธอซะ
และให้ก่อเนินดินล้อมเมืองเยรูซาเล็ม
นี่เป็นเมืองที่ต้องถูกลงโทษ
เพราะมันเต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง
7 เยรูซาเล็มดึงดูดความชั่วช้า
เหมือนกับบ่อน้ำที่ดึงดูดน้ำ
ในเมืองเยรูซาเล็มมีแต่ข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงและการทำลายล้างทั้งสิ้น
เราเห็นบาดแผลและการเจ็บป่วยของเธอตลอดเวลา
8 เยรูซาเล็ม ฟังคำเตือนนี้ให้ดี
ไม่อย่างนั้น เราจะหันไปจากเจ้าด้วยความขยะแขยง
ไม่อย่างนั้น เราจะทำลายแผ่นดินของเจ้าให้รกร้างและไม่มีคนอยู่”
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ
“พวกข้าศึกจะค่อยๆเก็บรวบรวมคนที่ยังหลงเหลืออยู่ในอิสราเอล
เหมือนกับคนที่เก็บรวบรวมองุ่นจากเถาองุ่นจะตรวจดูแต่ละกิ่งอีกครั้ง”
10 เราควรจะพูดหรือเตือนใครดี ใครหรือที่จะฟังเรา
พวกเขาไม่ยอมฟังและไม่สามารถตั้งใจฟังได้
พวกเขาหัวเราะเยาะข่าวสารของพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่อยากฟัง
11 ผมเต็มไปด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์
ผมหมดแรงจากการพยายามจะเก็บมันไว้
พระยาห์เวห์พูดว่า “ระบายความโกรธของเจ้าใส่เด็กๆตามถนน
และกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยกันอยู่
ทั้งสามีและภรรยาก็จะถูกจับไปด้วยกัน
และคนแก่เฒ่าก็จะถูกจับในวัยชราเหมือนกัน
12 บ้านของพวกเขาจะถูกยกไปให้กับคนอื่น
พร้อมกับไร่นาและภรรยาของพวกเขา
เพราะว่าเราจะยื่นแขนออกมาต่อสู้กับคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
13 “เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดไปจนถึงคนใหญ่คนโตที่สุด
ล้วนแต่แสวงหาประโยชน์ด้วยการใช้กำลัง
และตั้งแต่ผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงนักบวช
ล้วนแล้วแต่หลอกลวงกัน
14 พวกเขารักษาบาดแผลคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
พวกเขาพูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข’
ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข
15 พวกเขาควรจะละอายเพราะพวกเขาทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
แต่พวกเขากลับไม่ละอายสักนิด
แถมยังไม่รู้จักวิธีถ่อมตัวเสียอีก
ดังนั้น พวกเขาจะล้มหายตายจากไปเหมือนกับคนอื่นๆ
ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาก็จะสะดุดล้มลง”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น
16 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“ยืนอยู่ริมถนน ให้มองดูแล้วถามหาทางเก่าแก่
ถามดูว่า ‘ถนนที่ดีสายนั้นอยู่ที่ไหน’
จากนั้นให้เดินไปบนถนนสายนั้น
และจะพบกับความสงบสุขให้ตัวเอง
แต่พวกเขากลับพูดว่า ‘พวกเราจะไม่ไปบนถนนสายนั้น’
17 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะตั้งยามไว้ให้กับเจ้า
เพื่อให้เขาเตือนว่า “ให้ตั้งใจฟังเสียงแตรให้ดี”
แต่พวกเขากลับบอกว่า “พวกเราจะไม่ฟังหรอก”’
18 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ดังนั้น ชนชาติต่างๆฟังไว้ให้ดี
และรับรู้ถึงคำให้การที่ต่อต้านคนอิสราเอล
19 แผ่นดิน ฟังเรื่องนี้ไว้ เรากำลังจะนำความทุกข์ทรมานมาให้กับคนพวกนี้
พวกเขาสมควรจะได้รับมันสำหรับความคิดที่ชั่วร้ายต่างๆอย่างนี้
เพราะพวกเขาไม่สนใจฟังถ้อยคำต่างๆของเรา
ส่วนกฎของเรา พวกเขาก็ปฏิเสธมัน
20 กำยานจากเชบา
และแท่งไม้หอมจากแดนไกล
มันจะไปมีความหมายอะไรสำหรับเรา
เราไม่ยอมรับของถวายพวกนี้ของเจ้าและเราก็ไม่พอใจเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้า’”
21 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดอย่างนี้ว่า
“เรากำลังจะให้สิ่งต่างๆที่จะทำให้คนพวกนี้สะดุดล้ม
ทั้งพ่อทั้งลูก
ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนพวกเขาต้องตายเรียบ”
22 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“คนกำลังมาจากดินแดนทางตอนเหนือ
ชนชาติใหญ่ กำลังลุกขึ้นมาจากแดนไกล
23 พวกนั้นถือคันธนูและแหลนหลาว
พวกเขาโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
เสียงของพวกเขาดังกึกก้องเหมือนทะเล
พวกเขาขี่ม้า
พวกเขาเข้าสู่สงครามอย่างเป็นกระบวน
เพื่อมาโจมตีเจ้า นางสาวศิโยน”
24 พวกเราได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้
มือไม้อ่อนปวกเปียกไป
ความเจ็บปวดครอบงำเรา
เหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก
25 อย่าออกไปในทุ่ง
และอย่าเดินบนถนน
เพราะศัตรูมีดาบ
หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าสยดสยอง
26 ประชาชนที่น่าสงสารของผม ให้ใส่เสื้อกระสอบ
และเอาขี้เถ้ามาใส่หัวซะ
ร้องไห้และคร่ำครวญ
เหมือนกับว่าลูกชายคนเดียวของเจ้าตาย
ร้องไห้อย่างขมขื่นเพราะความหายนะจะเกิดขึ้นกับพวกเราในทันทีทันใด
27 “เยเรมียาห์ เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นนักวิเคราะห์โลหะ
ในหมู่คนของเรา
เพื่อว่าเจ้าจะรู้และวิเคราะห์หนทางของพวกเขาได้
28 คนพวกนี้ทั้งหมดปลุกปั่นการกบฏ
เดินไปทั่วเพื่อคอยยุยงให้เกิดความไม่พอใจขึ้น
พวกเขาเป็นเหมือนทองแดงและเหล็ก
พวกมันเป็นนักทำลาย
29 พัดลมทั้งหลายเป่าให้ไฟร้อนแรงขึ้น
ตะกั่วจะหลอมละลายไป
แต่การที่จะหลอมคนเหล่านี้ให้บริสุทธิ์นั้นก็ไร้ประโยชน์
เพราะคนชั่วร้ายยังไม่ถูกแยกออกไปจากพวกเขา
30 คนเยรูซาเล็มได้ฉายาว่า ‘แร่เงินที่ถูกปฏิเสธ’
เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธพวกเขา”
เยเรมียาห์สั่งสอนในวิหาร
(ยรม. 26:1-6)
7 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ คือ
2 “เยเรมียาห์ ให้ไปยืนอยู่ในประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และประกาศข้อความนี้ออกไป
‘พวกเจ้าชาวยูดาห์ทั้งหลายที่กำลังเดินผ่านประตูนี้เข้ามาเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์ ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดให้ดี 3 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด “ถ้าเจ้าทำตัวดี เราก็จะอาศัยอยู่ที่นี่กับเจ้า 4 อย่าไปหลงเชื่อคำพูดที่หลอกลวงเหล่านั้น ที่ว่า ‘นี่เป็นวิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์’[a] 5 แต่ถ้าเจ้าทำให้วิถีทางและการกระทำต่างๆของเจ้าดีจริงๆ และให้ความเป็นธรรมต่อกันและกัน 6 ถ้าเจ้าไม่กดขี่คนต่างถิ่น เด็กกำพร้า และแม่หม้าย ถ้าเจ้าไม่ทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหลในที่แห่งนี้ และถ้าเจ้าไม่นมัสการพระอื่นๆเพราะมันมีแต่จะทำให้เจ้าเจ็บตัวเปล่าๆ 7 เราก็จะยอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ตลอดไป”’”
8 “เจ้ากำลังไว้วางใจในคำพูดที่หลอกลวงที่ไร้ค่าเหล่านั้น 9 เจ้าไปขโมย ไปฆ่า ไปมีชู้ ไปสัญญาที่เจ้าไม่คิดจะรักษา ไปเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล และไปบูชาพระอื่นๆที่เจ้าไม่รู้จัก 10 แล้วกลับมายืนอยู่ต่อหน้าวิหารนี้ ที่มีชื่อของเราอยู่ แล้วพวกเจ้าก็พูดว่า ‘พวกเราได้รับความรอดแล้ว’ อย่างนั้นหรือ ที่เจ้าทำอย่างนี้ ก็เพื่อเจ้าจะได้กลับไปทำเรื่องชั่วช้าพวกนั้นอีกใช่ไหม 11 เจ้าเห็นวิหารนี้ ที่มีชื่อเราตั้งอยู่ กลายเป็นซ่องโจรไปแล้วใช่ไหม แม้แต่เราเองก็ยังเห็นมันเป็นอย่างนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “พวกเจ้าคนยูดาห์ ไปสิ ไปยังสถานที่ของเรา ที่อยู่ในชิโลห์[b] เราได้ตั้งที่นั่นเป็นที่แรกสำหรับให้ชื่อของเราสถิตอยู่ ไปดูสิว่าเราได้ทำอะไรกับมันบ้าง เพราะความชั่วช้าของอิสราเอลคนของเรา 13 แล้วตอนนี้ พวกเจ้าคนอิสราเอลก็ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายพวกนี้” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และถึงแม้เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ฟังเรา แถมเมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบเสียอีก 14 ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่มีชื่อของเราตั้งอยู่ ที่เจ้าไว้วางใจนักหนา และเราจะทำกับสถานที่ที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า อย่างเดียวกับที่เราทำกับชิโลห์ 15 เราจะเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่เราเคยเหวี่ยงพวกพี่น้องของเจ้าทั้งหมด พวกที่สืบเชื้อสายมาจากเอฟราอิม”
16 “ส่วนเจ้าเยเรมียาห์ ไม่ต้องอธิษฐานเผื่อคนกลุ่มนี้ และไม่ต้องร้องไห้ให้พวกเขาด้วย เจ้าไม่ต้องอธิษฐานต่อเราให้กับพวกเขา เพราะคำอธิษฐานจะมาไม่ถึงเรา เราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือยังไง ว่าพวกมันกำลังทำอะไรในเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม 18 พวกลูกๆกำลังเก็บฟืน ส่วนพวกพ่อกำลังจุดไฟ พวกผู้หญิงกำลังนวดแป้งทำขนมปังสำหรับเจ้าแม่แห่งสวรรค์ และกำลังเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระอื่นๆเพื่อยั่วโมโหเรา” 19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเขาคิดว่ากำลังยั่วโมโหเราหรือ ไม่เลย อันที่จริง พวกเขากำลังทำกับตัวเองต่างหาก พวกเขาถึงต้องอับอายขายหน้า”
20 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ เจ้านายของผมพูดคือ “ความโกรธและความแค้นของเรากำลังจะเทออกมายังวิหารนี้ เทใส่ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ตามท้องทุ่ง และผลผลิตจากพื้นดิน ความโกรธของเราจะเผาไหม้อยู่ และจะไม่มีวันดับ”
พระยาห์เวห์อยากให้เชื่อฟังมากกว่าให้เครื่องบูชา
21 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พูด “เพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปในเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าด้วย กินเนื้อซะด้วย 22 ตอนที่เราพาบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์นั้น เราไม่ได้สั่งอะไรพวกเขาเลยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องเผาบูชาและเครื่องเซ่นไหว้ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้ทำอย่างนั้น 23 แต่สิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำ คือ ‘ให้ฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นคนของเรา ให้เจ้าเดินในทางที่เราสั่งเจ้า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้า’”
24 “แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง และทำเป็นหูทวนลม กลับไปทำตามความต้องการชั่วๆของตัวเอง พวกเขากลับเดินถอยหลังแทนที่จะเดินไปข้างหน้า 25 ตั้งแต่วันนั้นที่บรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จนถึงวันนี้ เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ไปหาพวกเจ้าทุกวัน 26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเรา และไม่ยอมเงี่ยหูฟัง พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง พวกเขาชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก”
27 “เยเรมียาห์ เจ้าจะเอาคำพูดทั้งหมดนี้ไปบอกกับพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะเรียกพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ตอบเจ้า 28 เจ้าจะต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอนจากพระองค์ ความจริงได้ตายไปเสียแล้ว และมันก็หายไปจากปากของพวกเขา’”
หุบเขาแห่งการฆ่า
29 “เยเรมียาห์ ตัดผมของเจ้าทิ้งไป แล้วขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญบนเนินเขาโล้นเตียนซะ เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธและทอดทิ้งคนรุ่นนี้ที่ยั่วโมโหพระองค์ไปแล้ว 30 เพราะพวกคนยูดาห์ ได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “พวกเขาได้เอาสิ่งที่น่าขยะแขยงมาไว้ในวิหารที่มีชื่อของเราสถิตอยู่ เพื่อทำให้วิหารนั้นเป็นมลทินไป 31 พวกเขาสร้างที่สูงของโทเฟท ที่อยู่ในหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมเพื่อเผาลูกชายลูกสาวตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือไม่เคยแม้แต่จะคิด 32 ดังนั้น วันนั้นจึงกำลังจะมาถึง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “วันที่จะไม่มีใครพูดถึงโทเฟทและหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมอีกเลย แต่ผู้คนจะเรียกมันว่า หุบเขาแห่งการฆ่า และพวกเขาจะฝังศพไว้ที่โทเฟท จนกระทั่งไม่เหลือที่ให้ฝังศพอีกต่อไป 33 ส่วนศพของชนชาตินี้ก็จะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และของพวกสัตว์ป่าบนพื้นดิน และจะไม่มีใครไล่พวกมันไป 34 เราจะทำให้เสียงสนุกสนาน เสียงงานรื่นเริง และเสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหยุดลงในบ้านเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม เพราะดินแดนนี้จะถูกปล่อยทิ้งร้าง”
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น พวกเขาจะขุดกระดูกของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ของพวกแม่ทัพ ของพวกนักบวช ของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และของชาวเมืองเยรูซาเล็มออกมาจากหลุมฝังศพของพวกเขา 2 แล้วพวกเขาจะเกลี่ยกระดูกของคนพวกนี้ออก ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ที่คนเยรูซาเล็มรักและรับใช้ ที่พวกเขาติดตามและแสวงหา และที่พวกเขากราบไหว้บูชา กระดูกของพวกเขาจะไม่ถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน และจะไม่เอาไปฝัง พวกมันจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ที่อยู่หน้าดิน
3 ส่วนคนเหล่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ก็อยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ คนพวกนี้คือคนที่หลงเหลืออยู่จากตระกูลชั่วช้านี้ คนพวกนี้จะไปอยู่ในที่อื่นๆที่เหลือ ซึ่งเราได้ขับไล่พวกเขาไป” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้
ความบาปและการลงโทษ
4 “เยเรมียาห์ เจ้าต้องบอกสิ่งนี้กับคนยูดาห์ว่า
‘พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้คือ
เมื่อคนล้มลง
เขาจะไม่ลุกขึ้นมาอีกแล้วหรือ
ถ้าคนหลงไปจากทาง
เขาจะไม่วกกลับมาอีกแล้วหรือ
5 แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้หันหนีไปจากเรา
ทำไมเยรูซาเล็มถึงหันหนีไปจากเราอยู่เรื่อย
พวกเขายึดอยู่กับการหลอกลวง
ไม่ยอมหันกลับมาหาเรา
6 เราได้ฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ
แต่พวกเขาพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วเลย
หรือพูดว่า “ฉันทำอะไรลงไปนี่”
พวกเขาทั้งหมดหันไปตามทางของตัวเอง
เหมือนม้าที่วิ่งห้อเข้าสู่สนามรบ
7 แม้แต่นกกระสาบนฟ้าก็ยังรู้เวลาที่ถูกกำหนดให้กับมัน
นกเขา นกนางแอ่น และนกกระเรียนนั้นเฝ้าคอยเวลาที่จะอพยพไป
แต่คนของเรากลับไม่รู้ว่าพระยาห์เวห์คาดหวังอะไรจากเขา’”
8 “พวกเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราฉลาด’
และ ‘พวกเรามีกฎของพระยาห์เวห์’
อันที่จริง พวกคัดลอกกฎได้ใช้ปากกาของเขาโกหก
จึงทำให้กฎของพระยาห์เวห์โกหกไปด้วย
9 คนฉลาดถูกลบหลู่
พวกเขาถูกทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ และพวกเขาก็ถูกจับ
พวกเขาไม่ยอมรับพระคำของพระยาห์เวห์
แล้วพวกเขาจะอ้างว่าตัวเองฉลาดได้ยังไง
10 ดังนั้นเราจะยกเมียของพวกเขาไปให้กับคนอื่น
แล้วก็ยกไร่นาของพวกเขาไปให้กับพวกเจ้าของใหม่
เพราะจากคนที่ยากจนที่สุดไปจนถึงคนรวยที่สุดก็ล้วนแต่มีแนวโน้มที่จะหาผลประโยชน์จากความรุนแรง
และจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงพวกนักบวช ต่างก็พูดโกหก
11 พวกเขารักษาบาดแผลของคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
แล้วก็พูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข’
12 พวกเขาควรจะละอายใจ ที่ทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
แต่พวกเขากลับไม่ละอายใจเลย
แถมพวกเขายังไม่รู้จักถ่อมตัวด้วย
ดังนั้น พวกเขาจะต้องล้มลงด้วยกันกับคนอื่นที่ล้มลง
ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาจะต้องล้มลง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราจะเก็บรวบรวมผลผลิตของพวกเขาไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“จะไม่มีองุ่นเหลืออยู่บนเถาอีกต่อไป
จะไม่มีลูกมะเดื่ออยู่บนต้นอีก
และใบของมันก็จะเหี่ยวแห้งไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราให้กับพวกเขาก็จะสูญเสียไป
14 คนพูดกันว่า ‘พวกเรามามัวนั่งทำอะไรกันอยู่ที่นี่
รวบรวมกันและยกพวกกันเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการ ถ้าจะถูกทำลายก็ให้ไปถูกทำลายที่นั่นเถอะ
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเราได้กำหนดไว้แล้วว่า พวกเราจะต้องพินาศ
และพระองค์ทำให้เราดื่มยาพิษ
เพราะว่าเราทำบาปต่อพระองค์’
15 พวกเขารอคอยความสงบสุข แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
พวกเขารอคอยเวลาแห่งการเยียวยา แต่ดูสิ กลับมีแต่ความน่ากลัว”
16 พระยาห์เวห์พูดว่า “มีเสียงทัพม้าคำรามมาจากเมืองดาน
แผ่นดินทั้งสิ้นสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงร้องของม้าฉกรรจ์
พวกมันจะมากลืนกินแผ่นดินและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
พวกมันจะกลืนกินเมืองและคนที่อาศัยอยู่ในนั้น
17 เรากำลังส่งงูมาท่ามกลางพวกเจ้า
เป็นพวกงูพิษที่ไม่มีวันร่ายมนต์สะกดได้
พวกมันจะกัดพวกเจ้า”
พระยาห์เวห์บอกว่าอย่างนั้น
18 ผมรู้สึกเศร้าจับใจ
ใจของผมเหนื่อยอ่อน
19 ผมได้ยินเสียงร้องของคนที่ผมรักจากแดนไกลว่า
“พระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ในศิโยนหรือ
กษัตริย์ของศิโยนไม่ได้อยู่ในเมืองหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่า “แล้วทำไมพวกเขาถึงยั่วโมโหเรา
ด้วยรูปเคารพจากต่างชาติที่ไม่เที่ยงแท้เล่า”
20 ผู้คนพูดว่า “ฤดูเก็บเกี่ยว ก็ผ่านไปแล้ว หมดหน้าร้อนแล้ว
แต่เราก็ยังไม่ได้รับการช่วยชีวิตเลย”
21 คนที่ผมรักบาดเจ็บ ผมก็เลยบาดเจ็บไปด้วย
ผมรู้สึกหมดหวัง และใจผมเต็มไปด้วยความท้อแท้
22 พระยาห์เวห์พูดว่า “ไม่มียาในกิเลอาดเลยหรือ
ไม่มีหมออยู่ที่นั่นเลยหรือ ทำไมถึงไม่มีใครรักษาคนที่เรารักเลย”
กฎการอยู่ร่วมกัน
5 อย่าด่าว่าคนที่สูงอายุ แต่ให้เตือนเหมือนคนๆนั้นเป็นพ่อ ส่วนพวกหนุ่มๆก็ให้เตือนเหมือนพวกเขาเป็นพี่น้อง 2 ส่วนหญิงสูงอายุก็ให้เตือนเหมือนเธอเป็นแม่ ส่วนสาวๆ ก็ให้เตือนเหมือนพวกเธอเป็นพี่น้อง ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง 3 ให้เกียรติพวกแม่ม่ายที่ไม่มีญาติพี่น้อง 4 แต่ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ให้ลูกหลานพวกนั้นเรียนรู้ที่จะทำตามศาสนาคือ ให้ดูแลครอบครัวของพวกเขา ซึ่งเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้ที่เลี้ยงดูเขามา เพราะพระเจ้าชอบให้ทำอย่างนี้ 5 ส่วนแม่ม่ายที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาฝากความหวังไว้กับพระเจ้าและอธิษฐานอ้อนวอนทั้งวันทั้งคืน 6 แต่แม่ม่ายที่ปล่อยตัวปล่อยใจก็ถือว่าตายทั้งเป็นแล้ว 7 ให้สั่งเรื่องเหล่านี้ด้วย จะได้ไม่มีใครโดนตำหนิ 8 แต่ถ้ามีใครไม่ยอมเลี้ยงดูญาติพี่น้องโดยเฉพาะครอบครัวของตัวเอง เขาก็ได้ทิ้งความเชื่อแล้ว และแย่ยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก
9 ส่วนแม่ม่ายที่จะขึ้นทะเบียนแม่ม่ายที่หมู่ประชุมสนับสนุนได้นั้น จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่าหกสิบปี มีสามีเพียงคนเดียว 10 ต้องมีชื่อเสียงดีในหลายด้าน เช่น เคยเลี้ยงดูลูกๆ เคยต้อนรับแขกแปลกหน้า เคยล้างเท้าให้กับคนเหล่านั้นที่เป็นของพระเจ้า เคยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และทุ่มเทในการทำความดีทุกอย่าง
11 แต่อย่าให้แม่ม่ายที่ยังสาวๆอยู่ ขึ้นทะเบียนแม่ม่ายเลย เพราะเมื่อพวกเธอได้อุทิศตัวให้กับพระคริสต์แล้ว แต่เกิดราคะตัณหาขึ้นมาอยากจะแต่งงานใหม่อีก 12 ก็จะถูกประณามได้ว่าผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าตั้งแต่แรก 13 นอกจากนั้น ยังจะทำให้พวกเธอเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว เที่ยวไปบ้านโน้นบ้านนี้ ไม่ใช่แต่จะขี้เกียจเท่านั้น แต่ยังชอบนินทา ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกด้วย และชอบพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด 14 ดังนั้น ผมจึงอยากให้แม่ม่ายที่ยังสาวนั้นแต่งงานใหม่และมีลูกเสีย และดูแลบ้านเรือนของพวกเธอเพื่อไม่ให้คนที่ต่อต้านเราตำหนิได้ 15 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะมีแม่ม่ายบางคนได้หันตามซาตานไปแล้ว
16 ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นผู้เชื่อ และมีญาติพี่น้องเป็นแม่ม่าย ก็ขอให้เขาช่วยเหลือญาติพวกนั้นด้วย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อหมู่ประชุมนั้นจะได้ไปช่วยเหลือแม่ม่ายที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
17 ผู้นำอาวุโสที่เป็นผู้นำที่ดีนั้น สมควรจะได้รับเกียรติเป็นสองเท่า โดยเฉพาะคนที่ทุ่มเทให้กับการเทศนาและสั่งสอน 18 เพราะมีข้อพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว ขณะที่มันกำลังนวดข้าว”[a] และ “คนงานก็สมควรจะได้รับค่าจ้างของตน”[b]
19 ถ้ามีใครมากล่าวหาผู้นำอาวุโสก็อย่าเพิ่งเชื่อ นอกจากจะมีพยานสองสามคนยืนยัน 20 ถ้าผู้นำอาวุโสนั้นยังคงทำบาปต่อไป ให้ประณามเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อคนอื่นๆจะได้กลัว 21 ผมขอสั่งอย่างเด็ดขาดต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูคริสต์และพวกทูตสวรรค์ที่พระองค์ได้เลือกไว้ว่า คุณจะต้องรักษาและทำตามสิ่งเหล่านี้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังและไม่เล่นพรรคเล่นพวก
22 ไม่ต้องรีบร้อนวางมือบนใครเพื่อจะแต่งตั้งเขาในการทำงานขององค์เจ้าชีวิต อย่ามีส่วนร่วมในบาปของคนอื่น หมั่นรักษาตนเองให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
23 อย่าดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว แต่ให้ดื่มเหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ในการย่อยอาหารและอาการเจ็บป่วยที่คุณเป็นอยู่บ่อยๆ
24 บาปของบางคนก็เห็นชัดเจน ใครๆก็รู้ว่าเขาจะต้องถูกตัดสินลงโทษ แต่บาปของบางคนจะเห็นได้ทีหลัง 25 ก็เหมือนกับความดีของบางคนก็เห็นชัดเจนทันที แต่ความดีที่ยังไม่เห็นก็จะไม่ถูกซ่อนไว้ตลอดไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International