Add parallel Print Page Options

เอลคานาห์ไปนมัสการที่ชิโลห์

มีชายคนหนึ่งมาจากเมืองรามาธาอิม-โซฟิมในเทือกเขาเอฟราอิม เขาชื่อว่าเอลคานาห์ เป็นลูกชายของเยโรฮัม[a] เยโรฮัมเป็นลูกชายของเอลีฮู เอลีฮูเป็นลูกชายของโทหุ โทหุเป็นลูกชายของศูฟคนเผ่าเอฟราอิม

เอลคานาห์มีเมียสองคน คือฮันนาห์ และเปนินนาห์ นางเปนินนาห์มีลูก แต่นางฮันนาห์ไม่มี

ทุกๆปี เอลคานาห์จะออกจากเมืองเพื่อไปนมัสการและถวายเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ที่เมืองชิโลห์ ที่นั่นมีลูกชายสองคนของเอลี คือ โฮฟนี และฟีเนหัส เป็นนักบวชของพระยาห์เวห์อยู่ ในวันที่เอลคานาห์ถวายเครื่องบูชา เขาจะแบ่งเนื้อส่วนหนึ่งให้กับเปนินนาห์เมียของเขา และให้กับลูกชายลูกสาวของนางทุกคน แต่เขาจะให้ฮันนาห์เท่ากัน[b]เพราะเขารักนางมาก ถึงแม้ว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ให้นางมีลูก

เปนินนาห์ชอบยั่วให้ฮันนาห์เสียใจ

เปนินนาห์เมียอีกคนของเอลคานาห์ชอบยั่วให้นางฮันนาห์เสียใจในเรื่องที่นางฮันนาห์ไม่สามารถมีลูกได้ เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า เมื่อนางฮันนาห์ไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ เปนินนาห์จะยั่วให้เธอเสียใจจนเธอร้องไห้และไม่ยอมกินอาหาร เอลคานาห์จึงถามเมียเขาว่า “ฮันนาห์ เธอร้องไห้ทำไม ทำไมไม่ยอมกินอาหาร ทำไมเธอถึงได้เศร้าโศกนัก พี่ไม่ได้มีความหมายสำหรับเธอมากกว่าลูกชายสิบคนหรอกหรือ”

คำอธิษฐานของฮันนาห์

หลังจากกินและดื่มกันเสร็จแล้ว ฮันนาห์ได้ลุกขึ้นอย่างเงียบๆไปอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์[c] นักบวชเอลีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ประตูวิหารของพระยาห์เวห์ 10 ฮันนาห์ขมขื่นใจและร้องไห้อย่างหนัก และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 11 นางได้บนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ถ้าพระองค์เห็นความทุกข์ของผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และระลึกถึงข้าพเจ้า และไม่ลืมผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และมอบลูกชายให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะอุทิศเขาให้กับพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์[d] และจะไม่ให้มีดโกนโดนหัวเขาเลย[e]

12 ขณะที่นางฮันนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ไปเรื่อยๆนั้น เอลีได้สังเกตปากของนาง 13 ฮันนาห์ได้อธิษฐานอยู่ในใจ ริมฝีปากนางขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน เอลีคิดว่านางกำลังเมา 14 เขาก็เลยพูดว่า “เจ้าจะเมาไปอีกนานแค่ไหน ทิ้งเหล้าองุ่นของเจ้าได้แล้ว”

15 ฮันนาห์ตอบว่า “เจ้านาย ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์ แต่ฉันมีความทุกข์ใจมาก กำลังระบายความในใจของฉันต่อพระยาห์เวห์ 16 อย่าคิดว่าผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้หญิงเลว ฉันมาอธิษฐานด้วยความทุกข์ใจและเศร้าโศกยิ่งนัก”

17 เอลีตอบว่า “กลับไปเป็นสุขเถิด แล้วขอให้พระเจ้าของอิสราเอลให้สิ่งที่เจ้าได้ขอต่อพระองค์เถิด”

18 ฮันนาห์ตอบว่า “ขอให้ฉันผู้รับใช้ของท่าน เป็นที่พอใจของท่านด้วยเถิด” จากนั้นเธอก็จากไปและกินอาหาร ใบหน้าของเธอก็ไม่เศร้าโศกอีกเลย

19 เช้าตรู่ของวันใหม่ พวกเขาได้ลุกขึ้นและนมัสการพระยาห์เวห์ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านที่รามาห์

การเกิดของซามูเอล

เอลคานาห์ได้ร่วมหลับนอนกับนางฮันนาห์เมียของเขา และพระยาห์เวห์ได้ระลึกถึงนาง 20 ปีต่อมาในเวลาเดียวกันนั้น นางฮันนาห์ตั้งท้องและคลอดลูกชาย เธอตั้งชื่อเขาว่า ซามูเอล[f] นางพูดว่า “เพราะฉันได้ขอเขามาจากพระยาห์เวห์”

21 เมื่อเอลคานาห์และครอบครัวเดินทางไปถวายเครื่องบูชาประจำปีต่อพระยาห์เวห์และแก้บน 22 ฮันนาห์ไม่ได้ไปด้วย นางบอกกับสามีว่า “หลังจากลูกหย่านมแล้ว ฉันจะพาเขาไปชิโลห์ และมอบเขาให้กับพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็จะอยู่ที่นั่นตลอดไป และจะเป็นนาซาไรท์[g][h] ตลอดชีวิต”

23 เอลคานาห์สามีของนางจึงพูดว่า “ทำสิ่งที่เธอเห็นว่าดีที่สุดเถิด พักอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะให้ลูกหย่านม แล้วขอให้พระยาห์เวห์ทำให้คำพูดของเธอเกิดผลดีเถิด”[i] แล้วฮันนาห์ก็ได้อยู่บ้านเลี้ยงลูกจนกระทั่งนางให้ลูกหย่านม

ฮันนาห์พาซามูเอลไปหาเอลีที่ชิโลห์

24 หลังจากที่ซามูเอลหย่านมแล้ว นางก็พาลูกไปกับนางในขณะที่เขายังเด็กอยู่ พร้อมกับวัวตัวผู้อายุสามปีหนึ่งตัว แป้งหนึ่งเอฟาห์[j] เหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง แล้วนำเขาไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ที่ชิโลห์

25 พวกเขาได้ไปอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เอลคานาห์ได้ฆ่าวัวผู้ตัวนั้นถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์อย่างเคย[k] แล้วนางฮันนาห์ก็มอบเด็กชายซามูเอลให้กับเอลี 26 นางฮันนาห์พูดกับเอลีว่า “เจ้านาย ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ฉันคือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆท่าน และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 27 ฉันได้อธิษฐานขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ได้มอบสิ่งที่ฉันได้ขอจากพระองค์ 28 ตอนนี้ฉันจะมอบเด็กนี้ให้กับพระยาห์เวห์ และเขาจะรับใช้พระยาห์เวห์ไปตลอดชีวิตของเขา”

แล้วนางฮันนาห์ก็ทิ้งเด็กชายซามูเอลไว้ที่นั่น[l] และนางก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์

ฮันนาห์ขอบคุณพระเจ้า

ฮันนาห์อธิษฐานและพูดว่า

“จิตใจข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้ารู้สึกเข้มแข็งมากในพระเจ้าของข้าพเจ้า[m]
ข้าพเจ้าหัวเราะเยาะพวกศัตรูของข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้ายินดีที่พระองค์ได้ช่วยกู้ข้าพเจ้า
ไม่มีใครศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระยาห์เวห์
    ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น
    ไม่มีหินกำบังไหนเหมือนพระเจ้าของพวกเรา
อย่าพูดจาเย่อหยิ่งอีกต่อไปเลย
    หรือปล่อยให้ปากพูดจาจองหอง
เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าผู้รู้ทุกสิ่ง
    และเป็นผู้ชั่งการกระทำของมนุษย์
คันธนูของเหล่านักรบถูกหัก
    แต่คนอ่อนแอกลับเข้มแข็งขึ้น
คนที่เคยมีอันจะกินต้องออกทำงานแลกอาหาร
    แต่คนที่เคยหิวโหยไม่หิวอีกต่อไป
หญิงที่เคยเป็นหมันกลับมีลูกเจ็ดคน
    แต่หญิงที่มีลูกหลายคนกลับเศร้าเดียวดาย
พระยาห์เวห์เป็นผู้ฆ่าและเป็นผู้ให้ชีวิต
    พระองค์นำคนลงไปแดนผู้ตายและนำคนขึ้นมา
พระยาห์เวห์ทำให้คนยากจนและทำให้คนร่ำรวย
    พระองค์ทำให้คนตกต่ำและทำให้คนสูงส่ง
พระองค์ยกคนจนขึ้นจากฝุ่น
    และนำคนที่ขัดสนพ้นจากกองขี้เถ้า
ให้พวกเขาได้นั่งรวมกับพวกกษัตริย์
    และนั่งอยู่บนที่นั่งอันมีเกียรติ
เพราะเสาฐานรากของโลกนี้เป็นของพระยาห์เวห์
    และพระองค์ได้สร้างโลกทั้งโลกบนเสาฐานรากเหล่านั้น
พระองค์จะดูแลทุกย่างก้าวของคนที่จงรักภักดีต่อพระองค์
    แต่คนเลวจะถูกปิดปากให้เงียบอยู่ในความมืด
    เพราะชัยชนะไม่ได้มาจากกำลังของมนุษย์
10 พวกศัตรูของพระยาห์เวห์จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
    พระองค์จะใช้สายฟ้าจากสวรรค์สู้กับพวกเขา
พระยาห์เวห์จะพิพากษาจนสุดปลายโลก
    พระองค์จะมอบกำลังแก่กษัตริย์ของพระองค์
    และเพิ่มกำลังแก่ผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้”

11 แล้วเอลคานาห์ก็กลับไปบ้านที่รามาห์ แต่ลูกชายของเขาอยู่รับใช้พระยาห์เวห์ โดยมีนักบวชเอลีเป็นผู้ดูแล

ลูกชายเลวๆของเอลี

12 ลูกชายสองคนของเอลีเป็นคนเลว พวกเขาไม่นับถือพระยาห์เวห์ 13-14 พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับกฎต่างๆที่นักบวชควรจะทำต่อประชาชนที่เอาเครื่องบูชามาถวาย ปกติแล้วเมื่อมีคนเอาเครื่องบูชามาถวาย พวกเขาจะต้องเอาเนื้อนั้นไปต้ม แล้วคนรับใช้ของนักบวชจะเอาสามง่ามมาแทงเนื้อที่อยู่ในหม้อหรือในกาหรือในกาน้ำขนาดใหญ่นั้น และเนื้อที่ติดสามง่ามขึ้นมาก็จะเป็นของนักบวช นี่คือวิธีที่นักบวชจะทำกับคนอิสราเอลที่นำเครื่องบูชามาถวายที่ชิโลห์ 15 แต่ลูกของเอลีไม่ได้ทำอย่างนั้น ก่อนที่ไขมันจะถูกเผาบนแท่นเสียอีก คนรับใช้ของนักบวชจะไปพูดกับคนที่เอาเครื่องบูชามาถวายว่า “เอาเนื้อมาให้นักบวชย่าง เขาไม่ต้องการเนื้อต้มจากท่าน แต่ต้องการเนื้อดิบ”

16 ถ้าคนที่เอาเครื่องบูชามาถวายพูดว่า “ขอให้เผาไขมัน[n] ก่อน แล้วท่านอยากได้อะไรก็เอาไปเลย” คนรับใช้ก็จะตอบว่า “ไม่ได้ ให้เนื้อข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ให้ ข้าจะแย่งเอาไป”

17 ในสายตาของพระยาห์เวห์ นั่นเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มสองคนนี้ เพราะพวกเขาได้ดูหมิ่นของถวายที่คนเอามาถวายต่อพระยาห์เวห์

18 แต่ซามูเอลรับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาเป็นเด็กที่ใส่เอโฟด ผ้าลินิน 19 ทุกปีแม่ของเขาจะเย็บเสื้อคลุมตัวเล็กๆมาให้เขา เมื่อนางมาถวายเครื่องบูชาประจำปีกับสามี

20 เอลีอวยพรเอลคานาห์และเมียของเขาว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ตอบแทนท่าน ด้วยลูกจากผู้หญิงคนนี้ แทนของขวัญที่นางได้อุทิศให้กับพระยาห์เวห์”[o] แล้วพวกเขาก็กลับบ้านไป 21 พระยาห์เวห์มีความโอบอ้อมอารีต่อฮันนาห์ เธอได้ตั้งท้องและได้คลอดลูกชายอีกสามคน และลูกสาวอีกสองคน ในขณะที่เด็กชายซามูเอลก็เจริญเติบโตขึ้นต่อหน้าพระยาห์เวห์

เอลีควบคุมลูกชายเลวๆไม่อยู่

22 เมื่อเอลีแก่มากแล้ว เขาได้ยินเรื่องชั่วๆทั้งสิ้นที่ลูกสองคนของเขาได้ทำต่อคนอิสราเอลทั้งหมด เช่น พวกเขาได้ร่วมหลับนอนกับหญิงที่รับใช้อยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ

23 เอลีได้พูดกับลูกชายทั้งสองว่า “ทำไมลูกๆถึงได้ทำอย่างนี้ พ่อได้ยินชาวบ้านทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องชั่วๆที่พวกลูกได้ทำ 24 อย่าทำเลยนะลูก เรื่องที่พ่อได้ยินมา ที่คนของพระยาห์เวห์กำลังเล่ากันไปทั่วนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย 25 ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อมนุษย์ด้วยกัน พระเจ้าอาจจะมาไกล่เกลี่ยให้ แต่ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ แล้วใครจะมาเป็นคนกลางให้ได้”

แต่ลูกชายของเอลีไม่ได้ฟังคำตักเตือนของพ่อเลย เพราะพระยาห์เวห์ต้องการจะฆ่าพวกเขา

26 ส่วนเด็กชายซามูเอลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆและเป็นที่ชื่นชอบของพระยาห์เวห์และคนทั้งหลาย

คำทำนายที่น่ากลัวต่อครอบครัวเอลี

27 คนของพระเจ้าคนหนึ่งได้มาหาเอลี และพูดกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์บอก ‘เราได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจนให้บรรพบุรุษของเจ้าเห็น ตอนที่พวกเขาอยู่ในอียิปต์ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์ 28 จากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล เราได้เลือกเผ่าของบรรพบุรุษเจ้าออกมา เพื่อมาเป็นนักบวชของเรา เราได้เลือกพวกเขาให้มาถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของเรา และมาเผาเครื่องหอม และใส่เอโฟดต่อหน้าเรา เรายังให้บรรพบุรุษของเจ้าแบ่งเนื้อจากพวกของขวัญที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา 29 แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้อิจฉาตาร้อนอยากได้เครื่องสัตวบูชาของเรา และของถวายที่เราได้กำหนดไว้สำหรับสถานที่ที่เราอยู่ ทำไมเจ้าถึงให้เกียรติลูกชายทั้งสองของเจ้ามากกว่าเรา และพวกเจ้ายังเลี้ยงตัวเองจนอ้วนพีจากของถวายส่วนที่ดีที่สุดที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา’

30 เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล จึงได้ประกาศว่า ‘เราเคยสัญญาว่า ครอบครัวของเจ้าและครอบครัวของพ่อเจ้า จะเป็นผู้รับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป’ แต่ตอนนี้พระยาห์เวห์ประกาศว่า ‘มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ใครให้เกียรติเรา เราก็จะให้เกียรติคนนั้น แต่ใครที่ดูถูกเรา เราก็จะดูถูกคนนั้น’ 31 เวลานั้นได้มาถึงแล้ว เราจะตัดความแข็งแรงของเจ้า และของครอบครัวของพ่อเจ้า เพื่อว่าในตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 32 ส่วนเจ้า เอลี เจ้าจะมองอย่างอิจฉาตาร้อนต่อสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล แต่เจ้าจะเห็นเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านของตัวเจ้าเอง[p] และตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 33 ในหมู่ลูกหลานของเจ้า เราจะไว้ชีวิตแค่คนเดียว เพื่อเขาจะได้รับใช้เป็นนักบวชอยู่ที่แท่นบูชาของเรา เราจะไว้ชีวิตคนๆนั้นเพื่อให้คอยร้องไห้และให้อยู่อย่างเศร้าโศกเสียใจ ส่วนลูกหลานคนอื่นๆที่เหลือของเจ้าจะต้องตายด้วยคมดาบ[q] 34 ลูกชายทั้งสองคนของเจ้า คือโฮฟนีและฟีเนหัส จะตายในวันเดียวกัน นั่นจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่า เรื่องนี้มาจากเรา 35 เราจะเลือกนักบวชที่ซื่อสัตย์ ผู้ที่จะทำตามสิ่งที่อยู่ในจิตใจและความคิดของเรา เราจะสร้างครอบครัวเขาให้มั่นคง และเขาจะรับใช้เสมออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ที่เราได้เจิมไว้ 36 และคนในครอบครัวของเจ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็จะมาก้มกราบลงต่อหน้านักบวชคนนี้ และร้องขอเศษเงินหรือเศษอาหาร พวกเขาจะพูดว่า ‘ของานนักบวชให้กับเราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้มีอาหารกินสักนิดหนึ่ง’”

พระเจ้าเรียกซามูเอล

เด็กชายซามูเอลได้รับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ภายใต้การดูแลของเอลี ในเวลานั้นพระยาห์เวห์แทบจะไม่ได้พูดกับใครโดยตรง และแทบจะไม่มีนิมิตให้เห็น

คืนหนึ่งเอลีซึ่งตาเริ่มมองอะไรไม่ค่อยจะเห็น นอนอยู่ที่ประจำของเขา ตะเกียงของพระเจ้ายังไม่ดับ ขณะที่ซามูเอลนอนอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ที่ที่หีบของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่ พระยาห์เวห์ได้เรียกซามูเอล ซามูเอลตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ” แล้วเขาก็วิ่งไปหาเอลีและพูดว่า “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”

แต่เอลีตอบว่า “เราไม่ได้เรียกเจ้า กลับไปนอนเถอะ”

ซามูเอลจึงกลับไปนอน แล้วพระยาห์เวห์ก็เรียกเขาอีก “ซามูเอล” เขาก็ลุกขึ้นไปหาเอลีและตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”

เอลีตอบว่า “ลูกเอ๋ย เราไม่ได้เรียกเจ้า กลับไปนอนเถอะ”

ตอนนั้นซามูเอลยังไม่รู้จักพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์ยังไม่เคยพูดโดยตรงกับเขามาก่อน

พระยาห์เวห์เรียกซามูเอลเป็นครั้งที่สาม เขาก็ลุกขึ้นไปหาเอลี “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”

เอลีเริ่มรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้เรียกเด็กนั้น เอลีจึงบอกซามูเอลว่า “ไปนอนเถอะ และถ้าพระองค์เรียกเจ้าอีก ก็ให้เจ้าพูดว่า ‘พระยาห์เวห์พูดมาเถอะ ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่’”

ดังนั้นเมื่อซามูเอลกลับไปนอนในที่ของเขา 10 พระยาห์เวห์ได้มายืนอยู่ที่นั่น และเรียกแบบครั้งก่อนว่า “ซามูเอล ซามูเอล”

ซามูเอลจึงตอบว่า “พูดมาเถอะครับ ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่”

11 พระยาห์เวห์พูดกับซามูเอลว่า “คอยดูให้ดี เรากำลังจะทำสิ่งหนึ่งในอิสราเอล ซึ่งหูของคนที่ได้ยินก็จะเสียวแปลบปลาบ[r] 12 เวลานั้นเราจะทำทุกอย่างที่เราได้บอกว่าจะทำกับเอลีและครอบครัวของเขา ให้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ 13 เราได้บอกเอลีแล้วว่าเราจะลงโทษครอบครัวของเขาตลอดไป เพราะเอลีรู้เรื่องบาปที่พวกลูกทั้งสองของเขาทำ และรู้ว่าพวกเขาได้สาปแช่งพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา 14 เราก็เลยสาบานต่อครอบครัวของเอลีว่า เครื่องบูชาหรือของถวายจะไม่มีวันกำจัดความผิดของครอบครัวเอลีได้เลย”

15 ซามูเอลนอนจนถึงเช้า แล้วจึงเปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ เขาก็กลัว ไม่กล้าบอกเอลีเกี่ยวกับนิมิตนั้น

16 แต่เอลีเรียกเขามาถามว่า “ซามูเอล ลูกเอ๋ย”

ซามูเอลตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ”

17 เอลีถามว่า “พระองค์ได้พูดอะไรกับเจ้าหรือ อย่าปิดบังเราเลย ถ้าเจ้าปิดบังเราในสิ่งที่พระองค์บอกเจ้า ขอให้พระเจ้าลงโทษเจ้าด้วยวิธีที่รุนแรงมาก”

18 ซามูเอลจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง โดยไม่ปิดบังอะไรเลย

เอลีจึงตอบว่า “พระองค์คือพระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดีเถิด”

19 พระยาห์เวห์ได้สถิตอยู่กับซามูเอลในขณะที่เขาเติบโตขึ้น และไม่ว่าซามูเอลจะพูดอะไร พระองค์ก็ทำให้เป็นจริงตามนั้น[s] 20 คนอิสราเอลทั้งหมดจากดานถึงเบเออร์เชบา ต่างก็รู้ว่าซามูเอลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่ไว้วางใจได้ 21 พระยาห์เวห์ยังปรากฏตัวต่อซามูเอลอยู่เรื่อยๆที่ชิโลห์ และพระองค์ได้เปิดเผยตัวให้กับซามูเอล ผ่านทางคำพูดของพระองค์[t]

แล้วข่าวคราวเกี่ยวกับซามูเอลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วอิสราเอล เอลีแก่มากแล้ว ลูกทั้งสองของเขาก็ยังคงทำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์[u]

ชาวฟีลิสเตียรบชนะชาวอิสราเอล

เมื่อคนอิสราเอลยกทัพไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนอิสราเอลตั้งค่ายที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนคนฟีลิสเตียตั้งค่ายที่อาเฟก ชาวฟีลิสเตียได้จัดทหารเพื่อออกไปสู้รบกับอิสราเอล และเมื่อการรบเริ่มขึ้น คนอิสราเอลก็พ่ายแพ้คนฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายไปประมาณสี่พันคนในสนามรบนั้น เมื่อทหารที่เหลือกลับมาที่ค่าย ผู้นำอาวุโสของอิสราเอลทั้งหลายก็พูดกันว่า “ทำไมพระยาห์เวห์ปล่อยให้พวกเราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียในวันนี้ ให้พวกเราไปเอาหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากชิโลห์กันเถิด เพื่อว่าหีบนั้นจะได้ไปกับพวกเรา และจะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู”

พวกเขาจึงส่งคนไปชิโลห์ เพื่อนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์เครูบ ลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็อยู่ที่นั่นกับหีบข้อตกลงของพระเจ้า

เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาถึงค่าย คนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้โห่ร้องเสียงดังจนแผ่นดินสะเทือน เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินก็ถามกันว่า “ค่ายคนฮีบรู[v] โห่ร้องตะโกนเรื่องอะไรกัน”

เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่ที่ค่ายแล้ว คนฟีลิสเตียก็รู้สึกกลัว พวกเขาพูดว่า “มีพวกเทพเจ้ามาอยู่ในค่ายนั้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา ใครจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของพวกเทพเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ได้ เทพเจ้าพวกนี้เคยโจมตีชาวอียิปต์ด้วยพวกภัยพิบัติและโรคระบาดหลายอย่าง กล้าหาญไว้คนฟีลิสเตีย ทำตัวให้สมกับลูกผู้ชาย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะตกอยู่ภายใต้คนฮีบรูเหมือนที่พวกเขาเคยตกอยู่ภายใต้เจ้ามาก่อน ออกรบให้สมกับลูกผู้ชายเถิด”

10 ดังนั้นคนฟีลิสเตียจึงออกไปสู้รบ และคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ แต่ละคนต่างวิ่งหนีกลับมาที่เต็นท์ของตน มีการฆ่าฟันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ทหารเดินเท้าของอิสราเอลได้ล้มตายไปสามหมื่นคน 11 หีบของพระเจ้าถูกยึดไป และลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย

12 ในวันนั้น มีคนเบนยามินคนหนึ่งวิ่งมาจากสนามรบ กลับไปที่ชิโลห์ เขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาและมีเศษดินอยู่บนหัวเพื่อแสดงความโศกเศร้า 13 เมื่อเขามาถึง เอลีนั่งคอยดูอยู่บนเก้าอี้ริมถนน เพราะจิตใจของเขากังวลเกี่ยวกับหีบของพระเจ้า เมื่อชายคนนั้นเข้ามาในเมืองและได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น คนทั้งเมืองก็ร้องไห้กันเสียงระงม

14 เอลีได้ยินเสียงร้องจึงถามว่า “นั่นเสียงร้องอะไรกัน”

ชายคนนั้นจึงรีบเข้ามาหาเอลี 15 ซึ่งมีอายุถึงเก้าสิบแปดปี และมีดวงตาที่ปิดลง มองไม่เห็นแล้ว 16 เขาก็บอกเอลีว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากสนามรบ ผมหนีมาจากสนามรบวันนี้เอง”

เอลีถามว่า “ลูกเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น”

17 ชายผู้นำข่าวมา ตอบว่า “คนอิสราเอลได้หลบหนีจากคนฟีลิสเตีย กองทัพอิสราเอลสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกชายสองคนของท่าน โฮฟนีกับฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย และหีบของพระเจ้าก็ถูกยึดไปแล้ว”

18 เมื่อพูดถึงหีบข้อตกลงของพระเจ้า เอลีก็ล้มหงายหลังลงที่ข้างประตูและคอหักตาย เพราะเขาแก่แล้วและอ้วนมาก รวมเวลาที่เขาเป็นผู้นำอิสราเอลได้ยี่สิบปี[w]

อิสราเอลหมดศักดิ์ศรี

19 ลูกสะใภ้ของเอลีซึ่งเป็นเมียของฟีเนหัสนั้นท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อนางได้ยินข่าวว่าหีบของพระเจ้าถูกยึด แล้วพ่อผัวและผัวของนางก็ตายแล้ว นางก็เริ่มเจ็บท้องและได้คลอดลูกชาย แต่เนื่องจากนางทนความเจ็บปวดไม่ไหว 20 ในขณะที่กำลังจะตาย พวกผู้หญิงที่เฝ้านางอยู่ก็พูดว่า “อย่าสิ้นหวังเลย เพราะเธอได้คลอดลูกชาย”

แต่นางไม่ได้ตอบหรือสนใจเลย 21 นางตั้งชื่อลูกว่าอีคาโบด[x] และพูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว”[y] นางทำอย่างนี้ก็เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว และพ่อผัวกับผัวเธอก็ได้ตายเสียแล้ว 22 แล้วนางก็พูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว”

Footnotes

  1. 1:1 เยโรฮัม เยโรฮัม เอลีฮู และโทหุ สามคนนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เยรามีเอล เอลีเอล และโทอาห์”
  2. 1:5 เท่ากัน หรือคำนี้อาจจะแปลว่า สองเท่า
  3. 1:9 ลุกขึ้น … พระยาห์เวห์ ประโยคนี้มาจากฉบับสำเนากรีกโบราณ
  4. 1:11 เขาจะ … หรือเบียร์ ประโยคนี้มาจากฉบับสำเนากรีกโบราณและจากสำเนาฮีบรูที่พบในถ้ำคุมรัน
  5. 1:11 ไม่ให้มีดโกนโดนหัวเขาเลย พวกนาศีร์คือพวกคนที่ได้สัญญาว่าจะรับใช้พระเจ้าด้วยวิธีพิเศษ พวกเขาจะไม่ตัดผม กินองุ่น และไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลย ดูเพิ่มเติมได้จาก หนังสือกันดารวิถี 6:2-5
  6. 1:20 ซามูเอล ชื่อของซามูเอล ในภาษาฮีบรู ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “พระเจ้าได้ยิน” หรือ “ผู้ที่มาจากพระเจ้า”
  7. 1:22 นาซาไรท์ หมายถึงคนที่ถูกแยกออกมา เพื่ออุทิศให้กับพระเจ้าโดยเฉพาะ
  8. 1:22 และจะเป็นนาซาไรท์ ประโยคนี้มาจาก ฉบับสำเนากรีกโบราณและฉบับฮีบรูที่พบในถ้ำคุมรัน
  9. 1:23 ขอให้พระยาห์เวห์ … ผลดีเถิด ประโยคนี้อยู่ในสำเนาฮีบรูที่เจอในถ้ำคุมรัน และสำเนากรีกโบราณ แต่ฉบับฮีบรูที่นิยมใช้กัน เขียนว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้คำพูดของพระองค์เกิดผล”
  10. 1:24 หนึ่งเอฟาห์ หรือเท่ากับ “ยี่สิบสองลิตร”
  11. 1:25 พวกเขา … อย่างเคย ประโยคนี้เจอในสำเนากรีกโบราณและสำเนาฮีบรูที่พบในถ้ำคุมรัน
  12. 1:28 แล้วนางฮันนาห์ … ไว้ที่นั่น ประโยคนี้เจอในสำเนาฮีบรูที่พบในถ้ำคุมรัน
  13. 2:1 พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้อความนี้เจอในฉบับสำเนากรีกโบราณ ในสำเนาฉบับฮีบรูเขียนว่า “พระยาห์เวห์”
  14. 2:16 ไขมัน ส่วนไขมันของสัตว์เป็นของพระเจ้าโดยเฉพาะ พวกนักบวชจะเป็นผู้ทำหน้าที่เผาไขมันบนแท่นบูชาเพื่อให้เป็นของขวัญแก่พระเจ้า
  15. 2:20 ขอให้พระยาห์เวห์ … พระยาห์เวห์ ประโยคนี้มีอยู่ในสำเนาฮีบรู ที่เจอในถ้ำคุมรัน และสำเนากรีก
  16. 2:32 แต่เจ้าจะเห็นเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านของตัวเจ้าเอง ประโยคนี้ไม่มีอยู่ในฉบับแปลกรีกโบราณหรือในฉบับฮีบรูที่พบในถ้ำคุมรัน
  17. 2:33 ตายด้วยคมดาบ คำนี้อยู่ในฉบับแปลกรีกโบราณและในฉบับฮีบรูหนึ่งฉบับที่พบในถ้ำคุมรัน แต่ฉบับฮีบรูอื่นๆ เขียนว่า ตายสมเป็นชาย
  18. 3:11 เสียวแปลบปลาบ หมายถึงอาการตกตะลึงงัน
  19. 3:19 ไม่ว่าซามูเอล … จริงตามนั้น หรือแปลตรงๆได้ว่า “พระองค์ไม่ปล่อยให้คำพูดซามูเอลตกพื้นไป”
  20. 3:21 คำพูดของพระองค์ บางครั้ง คำนี้ก็หมายถึง “ข่าวสารจากพระเจ้า” แต่บางครั้งก็อาจจะหมายถึง วิธีพิเศษหรือ ภาพที่พระเจ้าใช้เมื่อพระองค์สื่อกับพวกผู้พูดแทนพระองค์
  21. 4:1 เอลี … พระยาห์เวห์ ประโยคนี้มาจากฉบับสำเนากรีกโบราณ
  22. 4:6 คนฮีบรู คือ คนอิสราเอล
  23. 4:18 ยี่สิบปี คำนี้เจอในสำเนากรีกโบราณและจากนักประวัติศาสตร์โจซีฟัส แต่สำเนาฮีบรูที่นิยมใช้มีคำว่า “สี่สิบปี”
  24. 4:21 อีคาโบด ชื่อนี้หมายถึง “หมดศักดิ์ศรี”
  25. 4:21 นางตั้งชื่อ … หมดศักดิ์ศรีแล้ว ประโยคนี้ไม่ได้อยู่ในสำเนากรีกโบราณ