Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the New Testament in 24 Weeks

A reading plan that walks through the entire New Testament in 24 weeks of daily readings.
Duration: 168 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โรม 4-5

ตัวอย่างจากชีวิตอับราฮัม

แล้วเราได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับอับราฮัมบรรพบุรุษของชนชาติยิวเรา เพราะถ้าพระเจ้ายอมรับอับราฮัมเพราะการกระทำทั้งหลายของท่าน ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะโอ้อวดได้ แต่จริงๆแล้วในสายตาของพระเจ้า ท่านไม่มีอะไรที่จะโอ้อวดได้ พระคัมภีร์เขียนไว้ว่าอย่างไร “อับราฮัมไว้วางใจพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน”(A)

ดูอย่างคนที่ทำงานสิ ค่าแรงของเขาไม่ได้นับว่าเป็นของขวัญจากนายจ้าง แต่เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับอยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่ทำงาน แต่กลับไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็ยอมรับเขาถึงแม้เขาทำบาป พระองค์ก็นับความไว้วางใจนี้เป็นเหตุเพียงพอที่จะยอมรับเขา คนที่พระเจ้ายอมรับโดยไม่ได้นับว่าการงานที่เขาทำไปนั้น กษัตริย์ดาวิดได้พูดถึงเกียรติของคนแบบนี้ว่า

“เมื่อพระเจ้ายกโทษให้กับความผิดที่คนทำ
    และกลบเกลื่อนความบาปของเขา
ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
เมื่อองค์เจ้าชีวิตไม่ได้นับความผิดของเขา
    นั่นนับว่าเป็นเกียรติจริงๆ”(B)

เกียรตินี้มีไว้สำหรับคนที่ทำพิธีขลิบเท่านั้นหรือ มันมีไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบด้วยไม่ใช่หรือ ที่ผมถามก็เพราะเราพูดว่า “อับราฮัมไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน” 10 พระเจ้ายอมรับท่านตอนไหน ก่อนหรือหลังจากที่ท่านทำพิธีขลิบ จริงๆแล้วพระเจ้ายอมรับท่านก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก 11 แล้วตอนหลังท่านถึงทำพิธีขลิบ เพื่อทำให้เห็นว่าพระเจ้ายอมรับท่านแล้วเพราะท่านมีความไว้วางใจก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก ดังนั้นอับราฮัมจึงกลายเป็นบรรพบุรุษของทุกคนที่ไว้วางใจแต่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ และพระเจ้านับว่าความไว้วางใจของพวกเขานี้ว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับพวกเขา 12 นอกจากนั้นอับราฮัมก็ยังเป็นบรรพบุรุษของคนที่ทำพิธีขลิบด้วย ถ้าพวกเขาไม่ได้แค่ทำพิธีขลิบเท่านั้น แต่ยังดำเนินรอยตามอับราฮัมบรรพบุรุษของเราคือมีความไว้วางใจในพระเจ้าเหมือนกับที่อับราฮัมมีก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบ

ต้องไว้วางใจพระเจ้าจึงจะได้ตามสัญญา

13 พระเจ้าสัญญากับอับราฮัมและลูกหลานของท่านว่า พวกเขาจะได้รับโลกนี้เป็นมรดก แต่ที่พระเจ้าสัญญากับท่านอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะท่านทำตามกฎ แต่เพราะท่านไว้วางใจพระเจ้าต่างหาก พระเจ้าถึงยอมรับท่าน 14 ถ้าคนเราได้รับโลกนี้เป็นมรดกเพราะการทำตามกฎ การไว้วางใจพระเจ้าก็ไม่มีความหมายอะไรเลย และสัญญาของพระองค์ก็ต้องถูกยกเลิกไปด้วย 15 เพราะกฎนำไปสู่การลงโทษจากพระเจ้า เพราะคนทำผิดกฎเสมอ แต่ถ้าที่ไหนไม่มีกฎ ที่นั่นก็ไม่มีการทำผิดกฎ

16 ดังนั้นคำสัญญาของพระเจ้าจึงขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ เพื่อคำสัญญานั้นจะได้เป็นของขวัญที่ให้กับเราเปล่าๆ และลูกหลานของอับราฮัมทุกคนจะได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้อย่างแน่นอน ไม่ใช่แต่เฉพาะคนที่อยู่ใต้กฎเท่านั้นที่จะได้รับ แต่รวมถึงคนที่มีส่วนร่วมในความไว้วางใจของอับราฮัมด้วย เพราะท่านเป็นบรรพบุรุษของเราทุกคน 17 เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า “เราได้ทำให้เจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติ”(C) อับราฮัมเป็นบรรพบุรุษของเราต่อหน้าพระเจ้าที่ท่านไว้วางใจ เป็นพระเจ้าที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาใหม่ และทำให้สิ่งที่ยังไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้น

18 เมื่อพระเจ้าสัญญากับอับราฮัมว่าเขาจะได้เป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติ ท่านก็ไว้วางใจและมีความหวังอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่คำสัญญานั้นเหลือเชื่อ แต่ในที่สุดท่านก็ได้เป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติจริงตามที่พระเจ้าบอกกับท่านว่า “ลูกหลานของเจ้าจะมีมากมายเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า”(D) 19 ความไว้วางใจของอับราฮัมก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ทั้งๆที่อับราฮัมรู้ว่าร่างกายของท่านหมดสภาพเหมือนตายแล้ว (เพราะท่านมีอายุประมาณหนึ่งร้อยปี) และท่านยังรู้อีกด้วยว่าครรภ์ของนางซาราห์เมียของท่านเป็นหมันเหมือนกับตายไปแล้ว 20 แต่อับราฮัมไม่เคยสงสัยในคำสัญญาของพระเจ้าเลย กลับมีความไว้วางใจมากขึ้น ซึ่งเป็นการให้เกียรติกับพระเจ้า 21 อับราฮัมเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า พระเจ้าสามารถทำในสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 22 “พระเจ้าจึงนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับท่าน”(E) 23 อย่างที่พระคัมภีร์เขียนไว้นั้น คำพูดเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอับราฮัมเท่านั้น 24 แต่เกี่ยวกับพวกเราด้วย พระเจ้าจะนับว่าความไว้วางใจของเรานั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับเราด้วย คือพวกเราที่ไว้วางใจในพระเจ้า ผู้ทำให้พระเยซูคริสต์เจ้าของเราฟื้นขึ้นจากความตาย 25 เป็นเพราะความผิดบาปของเรา พระเจ้าถึงได้มอบพระเยซูให้คนเอาไปฆ่า และพระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อเราจะได้เป็นคนที่พระองค์ยอมรับ

สันติสุขและความชื่นชมยินดี

พระเจ้านับว่าเราเป็นคนที่พระองค์ยอมรับเพราะเราไว้วางใจ จึงเกิดความสงบสุขระหว่างเรากับพระเจ้า[a]ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระเยซูนำเราเข้าสู่ความเมตตากรุณาที่เรามีอยู่นี้ แล้วเราก็ยังโอ้อวดอย่างชื่นชมยินดีในความหวังที่เราจะได้รับเกียรติจากพระเจ้า[b] นอกจากนั้น เรายังชื่นชมยินดีกับความทุกข์ยากต่างๆที่เราได้รับด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากต่างๆจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน ความอดทนนี้จะทำให้เราเกิดความไว้วางใจ ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นของแท้ ซึ่งจะทำให้เราเกิดความหวัง ความหวังนั้นไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย เพราะพระเจ้าได้เทความรักของพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ได้ให้กับเราไว้ เพราะในเวลาที่เรายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นั้นเอง พระเยซูก็ได้มาตายเพื่อเป็นประโยชน์กับคนชั่วอย่างเรา คนที่ยอมตายเพื่อคนซื่อสัตย์นั้นหายากมาก แต่อาจจะมีบางคนกล้าตายเพื่อคนที่ดีๆ แต่พระเจ้าได้แสดงความรักต่อเรา โดยยอมส่งพระคริสต์มาตายเพื่อเรา ทั้งๆที่เรายังเป็นคนบาปอยู่

ตอนนี้พระเจ้ายอมรับเราแล้วเพราะเลือดของพระคริสต์ ยิ่งกว่านั้นเราจะรอดพ้นจากความโกรธของพระเจ้าเพราะพระคริสต์อย่างแน่นอน 10 ขนาดตอนที่เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า ความตายของพระบุตรยังทำให้เรากลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้เลย แล้วตอนนี้เราได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้าแล้ว ดังนั้นชีวิตของพระบุตรจะต้องทำให้เราได้รับความรอดอย่างแน่นอน 11 ยิ่งกว่านั้น เรายังได้โอ้อวดพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วย เพราะพระองค์ได้ทำให้เรากลับมาคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

อาดัมและพระเยซู

12 คนคนเดียวคืออาดัมทำบาป บาปจึงเข้ามาในโลก บาปนี้นำความตายมาด้วย มนุษย์ทุกคนจึงต้องตายเพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป 13 บาปเกิดขึ้นในโลกนี้ก่อนที่จะมีกฎของโมเสสเสียอีก ตอนนั้นพระเจ้าจึงยังไม่ได้จดบัญชีบาปที่มนุษย์ทำกัน เพราะยังไม่มีกฎอะไรใช้เลย 14 แต่ความตายนั้นมีอำนาจอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยของอาดัมมาจนถึงสมัยของโมเสส มนุษย์ทุกคนจึงยังต้องตายถึงแม้เขาจะไม่ได้ขัดคำสั่งของพระเจ้าโดยตรงอย่างที่อาดัมทำ อาดัมกับพระคริสต์ที่มาตอนหลังนี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน 15 แต่ของขวัญที่พระเจ้าให้เปล่าๆนั้น มันแตกต่างกันเพราะในทางหนึ่งขณะที่ความผิดของคนๆหนึ่ง คืออาดัม ทำให้คนจำนวนมากต้องตาย แต่ในอีกทางหนึ่ง ความเมตตากรุณาของพระเจ้าและของขวัญที่ผ่านมาทางความเมตตาของคนคนเดียวคือพระเยซูคริสต์นั้น ก็เป็นประโยชน์กับคนมากมาย

16 แน่นอนผลจากของขวัญนั้น แตกต่างอย่างมากจากผลของความผิดที่อาดัมได้ทำ เพราะการทำผิดเพียงครั้งเดียวทำให้ทุกคนต้องถูกตัดสินว่าผิด แต่ของขวัญนั้นทำให้คนเราได้รับการตัดสินว่าไม่ผิด ทั้งๆที่ทำผิดตั้งหลายครั้ง 17 ถ้าความตายปกครองคนเราเพราะความบาปของมนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นคนมากมายจะปกครองชีวิตผ่านทางมนุษย์อีกคนหนึ่งคือพระเยซูคริสต์อย่างแน่นอน คือคนเหล่านั้นที่ได้รับความเมตตากรุณาอย่างเหลือล้น และได้รับของขวัญเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า 18 คนคนเดียวทำผิด ก็ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องถูกตัดสินว่าผิด เช่นเดียวกันคนคนเดียวทำถูกต้อง ก็ทำให้พระเจ้ายอมรับและให้ชีวิตกับมนุษย์ทุกคน 19 คนคนเดียวไม่เชื่อฟัง ก็ทำให้คนมากมายกลายเป็นคนบาป เช่นเดียวกันคนคนเดียวเชื่อฟังก็ทำให้คนมากมายกลายเป็นคนที่พระเจ้ายอมรับ 20 เมื่อกฎของโมเสสเข้ามา ทำให้คนผิดกฎกันมากขึ้น แต่เมื่อบาปเพิ่มขึ้น ความเมตตากรุณาก็ยิ่งเพิ่มมากกว่านั้นอีก 21 บาปเคยเป็นกษัตริย์และใช้ความตายปกครอง เช่นเดียวกันความเมตตากรุณาเป็นกษัตริย์และใช้การที่พระเจ้ายอมรับเราปกครอง ทำให้คนมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International