The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
เผยความกล่าวโทษภูเขาเสอีร์
35 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าสู่ภูเขาเสอีร์และเผยความกล่าวโทษให้เรา 3 และจงพูดว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ ‘ดูเถิด เราจะขัดขวางเจ้า ภูเขาเสอีร์เอ๋ย และเราจะยื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษเจ้า และเราจะทำให้เจ้าเป็นที่รกร้างและพังพินาศ 4 เราจะทำให้เมืองต่างๆ ของเจ้าพังพินาศ และเจ้าจะกลายเป็นที่รกร้าง และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 5 เพราะเจ้ามุ่งร้ายอิสราเอลตลอดมา และมอบประชาชนของเขาให้แก่อำนาจของพลังดาบในเวลาที่พวกเขาตกอยู่ในความวิบัติ ในเวลาที่พวกเขาถูกลงโทษขั้นสุดท้าย’” 6 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “ฉะนั้น ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะทำให้เจ้าประสบกับการนองเลือด และเลือดจะตามล่าเจ้า เพราะเจ้าไม่เกลียดชังเลือด ฉะนั้นเลือดจะตามล่าเจ้า 7 เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์พินาศและกลายเป็นที่รกร้าง และเราจะกำจัดทุกคนที่เข้าออกไปจากที่นั่น 8 และเราจะให้มีคนตายเต็มภูเขา บรรดาพวกที่ถูกดาบสังหารจะล้มลงบนเนินเขา ในหุบเขา และแหล่งน้ำในหุบเขา 9 เราจะทำให้เจ้าเป็นที่รกร้างตลอดไป และเมืองต่างๆ ของเจ้าจะไม่มีผู้อยู่อาศัย แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
10 เพราะเจ้าพูดดังนี้ว่า ‘สองประชาชาติกับสองดินแดนนี้จะต้องเป็นของเรา และพวกเราจะยึดมาครอบครอง’ ถึงแม้ว่าเราซึ่งเป็นพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น” 11 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “ฉะนั้น ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะกระทำต่อเจ้าตามความโกรธและความอิจฉาที่เจ้าแสดงให้เห็นจากความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อพวกเขา และเราจะทำให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางพวกเขาเมื่อเราตัดสินโทษเจ้า 12 และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
เราได้ยินเจ้าพูดถากถางต่อภูเขาของอิสราเอลว่า ‘กลายเป็นที่รกร้างเสียแล้ว และถูกมอบให้พวกเราเขมือบกิน’ 13 และพวกเจ้าพูดยกยอตนเองเป็นการต่อต้านเรา ไม่ยับยั้งปากและต่อว่าเรา เราได้ยินทุกคำพูด” 14 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ขณะที่ทั่วทั้งโลกยินดี เราจะทำให้เจ้าเป็นที่รกร้าง 15 เพราะเจ้ายินดีเมื่อเห็นสิ่งที่พงศ์พันธุ์อิสราเอลได้รับเป็นมรดกจะเป็นที่รกร้าง เราจึงจะกระทำต่อเจ้า เจ้าจะเป็นที่รกร้าง ทั้งภูเขาเสอีร์และเอโดมทั้งหมด แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
เผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล
36 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 2 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “เพราะศัตรูพูดถึงพวกเจ้าว่า ‘นั่นแน่ะ’ และ ‘ที่สูงโบราณได้กลายมาเป็นของเราแล้ว’” 3 ฉะนั้น จงเผยความว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาทำให้เจ้าพินาศและโจมตีเจ้าจากทุกด้าน จนเจ้าถูกประชาชาติอื่นๆ ยึดครอง และเจ้ากลายเป็นที่นินทาว่าร้ายของผู้คน” 4 ฉะนั้น โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา สถานที่รกร้างซึ่งพินาศ และเมืองต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ ซึ่งได้กลายเป็นเหยื่อและถูกล้อเลียนโดยบรรดาประชาชาติโดยรอบ 5 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้พูดในความรู้สึกอันแรงกล้าซึ่งคัดค้านประชาชาติอื่นๆ และคัดค้านเอโดมทั้งหมด เพราะพวกเขาครอบครองแผ่นดินของเราอย่างสนุกสนานและมีจิตใจดูหมิ่น เพื่อจะให้ทุ่งนาอันเขียวชอุ่มตกเป็นเหยื่อ 6 ฉะนั้นจงเผยความเรื่องแผ่นดินของอิสราเอล และพูดต่อภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราได้พูดด้วยความโกรธอันหวงแหน เพราะเจ้าต้องทนทุกข์กับการดูหมิ่นของบรรดาประชาชาติ’” 7 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้ยกมือปฏิญาณว่า บรรดาประชาชาติที่อยู่รอบข้างเจ้าจะทนทุกข์กับการดูหมิ่นเช่นกัน
8 ส่วนพวกเจ้าเอง โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านของเจ้า และจะออกผลให้อิสราเอลชนชาติของเรา เพราะพวกเขาจะกลับมาบ้านในไม่ช้า 9 ดูเถิด เราเป็นฝ่ายเจ้า และเราจะหันมาโปรดปรานเจ้า และเจ้าจะได้รับการไถและหว่านเมล็ด 10 และเราจะทวีจำนวนคนมากขึ้น คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีผู้คนอาศัยอยู่ ที่ร้างจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์ให้แก่เจ้า และพวกเขาจะเพิ่มพูนผลและมีลูกดก และเราจะให้มีผู้คนตั้งหลักแหล่งในที่ของเจ้าอย่างที่เคยเป็นในอดีต และทำสิ่งดีๆ ให้แก่เจ้ายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 12 เราจะให้ผู้คนซึ่งเป็นชนชาติของเราคืออิสราเอลเดินบนเจ้า และพวกเขาจะได้เป็นเจ้าของ และเจ้าจะเป็นมรดกของพวกเขา และเจ้าจะไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียลูกหลานอีก” 13 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาพูดกับพวกเจ้าว่า ‘เจ้ากินเลือดกินเนื้อคน และทำให้ประชาชาติของเจ้าเองสูญเสียลูกหลานไป’ 14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กินเลือดกินเนื้อคนอีกต่อไป และไม่ทำให้ประชาชาติของเจ้าสูญเสียลูกหลานอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 15 “และเราจะไม่ยอมให้บรรดาประชาชาติพูดดูหมิ่นเจ้าอีก เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์กับการหัวเราะเยาะของบรรดาชนชาติ และจะไม่เป็นเหตุให้ประชาชาติของเจ้าสะดุดล้มอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
พระผู้เป็นเจ้าห่วงใยในพระนามอันบริสุทธิ์
16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินมีมลทินด้วยวิถีทางและการกระทำของพวกเขา ในสายตาของเราวิถีทางของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของผู้หญิงที่เป็นในรอบเดือน 18 เราจึงหลั่งความกริ้วของเราบนพวกเขาเพราะพวกเขาได้หลั่งเลือดในแผ่นดิน และพวกเขาได้ทำแผ่นดินให้เป็นมลทินจากรูปเคารพ 19 เราได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และพวกเขากระเจิดกระเจิงไปในหลายดินแดน เราตัดสินโทษพวกเขาตามวิถีทางและการกระทำของพวกเขา 20 แต่เมื่อใดที่พวกเขาไปยังบรรดาประชาชาติ พวกเขาก็ดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา เพราะมีการพูดถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า แต่พวกเขาก็ยังต้องออกไปจากแผ่นดินของพระองค์’ 21 แต่เราห่วงใยในนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลได้ดูหมิ่นท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเขาเข้าไปอยู่ด้วย
เราจะมอบวิญญาณของเราให้อยู่กับเจ้า
22 ฉะนั้น จงพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เรากำลังจะกระทำสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ใช่เพื่อพวกเจ้า เราจะกระทำเพื่อนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเจ้าไปอยู่ด้วย 23 และเราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งถูกหมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติ พวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางพวกเขา และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าพวกเขาโดยผ่านพวกเจ้า’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 24 “เราจะพาพวกเจ้าออกไปจากบรรดาประชาชาติ และรวบรวมพวกเจ้าจากดินแดนทั้งปวง เพื่อนำเจ้าเข้าไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง 25 เราจะประพรมน้ำที่สะอาดบนตัวพวกเจ้า และเจ้าจะสะอาดจากมลทิน และเราจะชำระพวกเจ้าจากรูปเคารพทั้งปวง 26 และเราจะมอบใจใหม่ให้แก่พวกเจ้า และเราจะมอบวิญญาณดวงใหม่ไว้ในพวกเจ้า และเราจะเอาใจที่แข็งเยี่ยงหินออกจากกายของพวกเจ้า และมอบใจที่เป็นเลือดเนื้อให้แก่พวกเจ้าแทน 27 และเราจะมอบวิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้า ซึ่งทำให้พวกเจ้าดำเนินในกฎเกณฑ์ของเรา และระมัดระวังที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา 28 พวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า และเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า 29 และเราจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมลทิน และเราจะบัญชาธัญพืชให้งอกและทำให้มีอย่างอุดมสมบูรณ์ เราจะไม่ให้อดอยาก 30 เราจะทำให้ผลจากต้นไม้และไร่นามีอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อพวกเจ้าจะไม่รับทุกข์จากความอับอายเพราะอดอยากในท่ามกลางบรรดาประชาชาติอีกต่อไป 31 แล้วพวกเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางอันชั่วร้ายและการกระทำที่ไม่ดีของตนเอง และพวกเจ้าจะเกลียดตนเองเพราะความชั่วและการกระทำที่น่าชังของตนเอง” 32 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “พวกเจ้าจงรู้ไว้ว่า เราไม่ได้กระทำเพื่อพวกเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงอับอายและขายหน้าเพราะวิถีทางของพวกเจ้าเอง”
33 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ในวันที่เราชำระพวกเจ้าให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย เราจะทำให้เมืองต่างๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ และสิ่งที่พังพินาศจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 34 และแผ่นดินที่รกร้างจะได้รับการไถ แทนที่จะเป็นที่รกร้างให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมาเห็น 35 และพวกเขาจะพูดว่า ‘แผ่นดินนี้เคยรกร้างซึ่งได้กลับมาเป็นอย่างสวนเอเดน และเมืองต่างๆ ที่พินาศเป็นที่ร้างและสลักหักพังก็เป็นเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งและมีผู้คนอาศัยอยู่’ 36 แล้วบรรดาประชาชาติที่ยังเหลืออยู่โดยรอบพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้สร้างสถานที่ต่างๆ ที่สลักหักพังขึ้นใหม่ และปลูกสิ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้ เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดและเราจะกระทำตามนั้น”
37 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราจะให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลอ้อนวอนให้เราทำเพื่อพวกเขาด้วยก็คือ เพิ่มจำนวนประชาชนของพวกเขาให้มากอย่างฝูงแพะแกะ 38 ฝูงแพะแกะสำหรับเครื่องสักการะบูชา ฝูงสัตว์ที่เยรูซาเล็มระหว่างเทศกาลที่กำหนดไว้เป็นอย่างไร เมืองต่างๆ ที่พินาศก็จะเต็มไปด้วยฝูงชนมากมายอย่างนั้น แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
การทักทายของยากอบ
1 ข้าพเจ้ายากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอส่งความคิดถึงมายัง 12 เผ่าที่กระจัดกระจายไปในต่างแดน
ทดสอบความเชื่อ
2 พี่น้องเอ๋ย เมื่อท่านประสบกับความลำบากต่างๆ ก็จงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง 3 เพราะท่านทราบว่า การทดสอบความเชื่อของท่านทำให้เกิดความบากบั่น 4 ให้ความบากบั่นเป็นที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ และมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย
5 ถ้าคนใดในพวกท่านขาดปัญญา ก็ให้เขาขอจากพระเจ้า แล้วเขาก็จะได้รับ เพราะพระองค์มอบให้แก่ทุกคนด้วยความเอื้อเฟื้อและด้วยความยินดี 6 แต่เวลาเขาขอจากพระองค์ เขาต้องมีใจเชื่อโดยไม่สงสัย เพราะคนที่สงสัยเป็นเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกกระแสลมพัดให้ซัดม้วนไปมา 7 คนนั้นไม่ควรคิดว่า เขาจะได้รับสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าเลย 8 เขาเป็นคนสองจิตสองใจ ไม่มั่นคงในสิ่งใดๆ ที่ตนกระทำ
9 ให้พี่น้องผู้ต่ำต้อยยินดีเมื่อได้รับการยกย่อง 10 และคนมั่งมีถ่อมตัวเมื่อตกต่ำลง เพราะเขาจะล่วงลับไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนที่แผดเผา และทำให้พืชเหี่ยวเฉา ดอกร่วงโรยและความงามก็หมดสิ้นไป ในทำนองเดียวกันคือ คนมั่งมีจะล่วงลับไป แม้จะเป็นเวลาที่เขาทำหน้าที่การงานอยู่
12 คนที่บากบั่นฟันฝ่าความยากลำบากก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ 13 เวลาผู้ใดถูกยั่วยุก็อย่าพูดว่า “พระเจ้ากำลังยั่วยุข้าพเจ้า” เพราะความชั่วจะยั่วยุพระเจ้าไม่ได้ และพระเจ้าไม่ยั่วยุผู้ใดเช่นกัน 14 ทว่า แต่ละคนถูกยั่วยุได้ ในเวลาที่เขาติดกับดักแรงกิเลสของตัวเอง 15 เมื่อกิเลสเกิดขึ้นแล้ว บาปก็เกิดตามไปด้วย เมื่อบาปเติบใหญ่เต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย
ปฏิบัติตามคำกล่าว
16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านเลย 17 สิ่งดีและเพียบพร้อมทุกประการมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดาผู้สร้างความสว่างทั้งหลายในท้องฟ้า พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงาที่เคลื่อนไปได้ 18 พระองค์มีความประสงค์ จึงได้ให้เราบังเกิดโดยคำกล่าวที่เป็นความจริง เพื่อว่าเราจะได้เป็นเสมือนผลแรก[a]ของสิ่งทั้งปวงที่พระองค์สร้างขึ้น
พระเจ้าช่วยคนให้รอดพ้นจากความตาย
1 ข้าพเจ้ารักพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ได้ยินเสียง
และคำอ้อนวอนของข้าพเจ้า
2 เพราะพระองค์เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าจะร้องเรียกถึงพระองค์ไปตลอดชีวิต
3 เงื้อมเงาแห่งความตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า
ความเจ็บปวดรวดร้าวแห่งแดนคนตายยึดตัวข้าพเจ้าไว้
ข้าพเจ้าต้องผจญกับความลำบากและความกลัดกลุ้ม
4 ครั้นแล้วข้าพเจ้าร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอธิษฐานขอพระองค์ โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วย”
5 พระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยพระคุณและความชอบธรรม
พระเจ้าของเรามีเมตตายิ่งนัก
6 พระผู้เป็นเจ้าปกป้องคนเขลา
เวลาข้าพเจ้าไร้ที่พึ่ง พระองค์ก็ช่วยข้าพเจ้าไว้
7 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย เจ้าควรกลับมาสงบนิ่ง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิบัติต่อเจ้าด้วยดี
8 ใช่แล้ว พระองค์ได้ช่วยจิตวิญญาณข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
ช่วยดวงตาให้พ้นจากการร้องไห้
และช่วยเท้าข้าพเจ้าให้พ้นจากการสะดุดล้ม
9 ข้าพเจ้าดำเนินชีวิต ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ในดินแดนของคนเป็น
10 ข้าพเจ้าเชื่อ แม้เวลาข้าพเจ้าประกาศว่า[a]
“ข้าพเจ้ากำลังทนทุกข์ทรมานอยู่”
11 ข้าพเจ้าเอ่ยปากโดยพลันว่า
“ไม่ว่าคนไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น”
12 พระผู้เป็นเจ้าให้ข้าพเจ้ามีอย่างเหลือล้น
แล้วข้าพเจ้าจะเอาอะไรมาตอบแทนพระองค์เล่า
13 ข้าพเจ้าจะยกถ้วยแห่งความรอดพ้น
และร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
14 ข้าพเจ้าจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
ต่อหน้าชนชาติทั้งปวงของพระองค์
15 ความตายของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า
มีค่าอนันต์ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
16 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ บุตรของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์ได้แก้โซ่แห่งความเจ็บปวดให้ข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้าจะมอบของถวายแห่งการขอบคุณ
และร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
18 ข้าพเจ้าจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
ต่อหน้าชนชาติทั้งปวงของพระองค์
19 ในลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ท่ามกลางเยรูซาเล็ม
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
23 จงแน่ใจว่าเจ้ารู้ทุกข์สุขของฝูงแกะของเจ้า
จงเอาใจใส่ฝูงสัตว์ของเจ้าให้ดี
24 ด้วยว่า ความมั่งมีไม่ยั่งยืนตลอดไป
และมงกุฎไม่คงอยู่อย่างปลอดภัยในทุกชั่วอายุคน
25 เวลาถางหญ้าแล้ว ใบอ่อนก็งอกใหม่
และหญ้าบนภูเขาก็ถูกเก็บเกี่ยว
26 ลูกแกะจะมีขนให้เจ้าใช้ทอเสื้อ
และแพะจะให้รายได้เพื่อซื้อทุ่งนา
27 เจ้าจะมีนมแพะอย่างบริบูรณ์ไว้เป็นอาหารของเจ้าและครอบครัว
และยังมีพอเลี้ยงดูบรรดาสาวใช้ของเจ้าอีกด้วย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation