Chronological
ดาวิดกับโยนาธานเป็นเพื่อนกัน
18 หลังจากดาวิดพูดคุยกับซาอูลเสร็จแล้ว โยนาธานก็รู้สึกผูกพันกับดาวิด และรักเขาเหมือนกับรักตนเอง
2 จากนั้นซาอูลได้รั้งดาวิดให้อยู่กับเขา ไม่ปล่อยให้กลับไปที่บ้านของพ่อเขา
3 และโยนาธานก็ได้ทำสัญญากับดาวิดเพราะเขารักดาวิดเหมือนตัวเขาเอง 4 โยนาธานถอดเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่กับเครื่องแบบตัวนอกให้กับดาวิด รวมทั้งดาบ คันธนู และเข็มขัดของเขา
5 ซาอูลใช้ดาวิดทำอะไร ดาวิดก็ทำสำเร็จทั้งสิ้น ซาอูลจึงให้ตำแหน่งสูงในกองทัพกับดาวิด ซึ่งเป็นที่พอใจของประชาชน และข้าราชการของซาอูล
ซาอูลอิจฉาดาวิด
6 หลังจากดาวิดได้ฆ่าคนฟีลิสเตียนั้นแล้ว ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางกลับมา พวกผู้หญิงก็ออกมาจากเมืองต่างๆของอิสราเอล เพื่อต้อนรับกษัตริย์ซาอูล พวกเขาร้องเพลงและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเล่นกลองรำมะนาและพิณสามสาย[a] 7 พวกเขาเต้นรำและร้องเพลงว่า
“ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ
ส่วนดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ”
8 ซาอูลโกรธมาก เนื้อเพลงทำให้เขาโกรธและคิดว่า
“พวกนี้ยกย่องดาวิดว่าฆ่าคนได้เป็นหมื่นๆ แต่เราฆ่าได้เพียงพันๆคน แล้วต่อไป ดาวิดยังจะได้อะไรอีก ถ้าไม่ใช่อาณาจักรทั้งหมดนี้”[b] 9 และตั้งแต่นั้นมา ซาอูลก็เฝ้ามองดูดาวิดอย่างอิจฉา
10 วันต่อมา วิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็เข้าสิงซาอูล เขากำลังบ้าคลั่ง[c]อยู่ในที่พัก ขณะที่ดาวิดกำลังเล่นพิณตามปกติเหมือนเคย ซาอูลถือหอกอยู่ในมือ 11 และเขาก็ขว้างมันออกไป คิดในใจว่า “เราจะปักดาวิดให้ติดกับฝาผนัง” แต่ดาวิดหลบได้ทั้งสองครั้ง
12 ซาอูลเกิดความกลัวดาวิด เพราะพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับดาวิด และได้จากเขาไปแล้ว 13 ซาอูลจึงส่งดาวิดไปให้พ้นจากเขา และให้ดาวิดไปเป็นแม่ทัพกองพัน ดาวิดได้นำกองทัพในการสู้รบ 14 ทุกอย่างที่ดาวิดทำ เขาได้รับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระยาห์เวห์อยู่กับเขา 15 เมื่อซาอูลเห็นว่าดาวิดได้รับความสำเร็จมากมายขนาดไหน เขาก็ยิ่งกลัวดาวิดมากขึ้น
16 แต่ทั้งคนอิสราเอลและคนยูดาห์ต่างก็รักดาวิด เพราะดาวิดนำพวกเขาในการสู้รบของพวกเขา
17 ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “นี่คือเมราบลูกสาวคนโตของเรา เราจะให้นางแต่งงานกับเจ้า ขอเพียงรับใช้เราอย่างกล้าหาญและต่อสู้เพื่อพระยาห์เวห์” เพราะซาอูลคิดว่า “เราจะไม่ลงมือจัดการกับดาวิดเอง ปล่อยให้พวกฟีลิสเตียลงมือแทน”
18 แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกเขยของกษัตริย์หรอก ข้าพเจ้าเป็นใครกัน ครอบครัวของข้าพเจ้าหรือตระกูลของพ่อข้าพเจ้าเป็นใครกันในอิสราเอล”
19 ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะยกเมราบลูกสาวซาอูลให้ดาวิด นางก็ถูกยกให้ไปแต่งงานกับอาดรีเอลชาวเมโหลาห์
20 ขณะนั้นมีคาลลูกสาวซาอูลได้หลงรักดาวิด และเมื่อมีคนนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับซาอูล เขาก็ดีใจ 21 เขาคิดว่า “เราจะยกนางให้ดาวิด แล้วนางก็จะเป็นกับดักให้เขาต้องต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย” ดังนั้นซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “นี่เป็นหนที่สองแล้วที่เจ้ามีโอกาสที่จะได้เป็นลูกเขยเรา”
22 ซาอูลสั่งคนรับใช้ว่า “เจ้าไปพูดกับดาวิดเป็นส่วนตัวว่า ‘ดูซิ กษัตริย์ซาอูลชอบใจในตัวท่านมาก และเจ้าหน้าที่ต่างๆของกษัตริย์ก็ชอบท่านมาก ตอนนี้ให้เป็นลูกเขยของกษัตริย์เถอะ’”
23 พวกคนรับใช้ก็มาบอกดาวิดตามนั้น แต่ดาวิดพูดว่า “พวกท่านคิดว่าการเป็นลูกเขยของกษัตริย์เป็นเรื่องเล็กๆอย่างนั้นหรือ เราเป็นแค่ผู้ชายจนๆที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร”
24 เมื่อคนรับใช้ของซาอูลบอกเขาถึงเรื่องที่ดาวิดพูด 25 ซาอูลก็ตอบว่า “ไปบอกดาวิดว่า ‘กษัตริย์ไม่ต้องการสินสอดอะไร กษัตริย์ต้องการแค่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายของคนฟีลิสเตียหนึ่งร้อยอัน เป็นการแก้แค้นต่อศัตรูของท่านเท่านั้น’” แผนการของซาอูลก็คือจะให้ดาวิดถูกพวกฟีลิสเตียฆ่าเสีย
26 เมื่อคนรับใช้ของซาอูลนำเรื่องดังกล่าวมาบอกดาวิด เขาจึงพอใจที่จะเป็นลูกเขยของกษัตริย์ ก่อนถึงเวลาที่กำหนดไว้จะผ่านไป 27 ดาวิดออกไปพร้อมกับคนของเขา และได้ฆ่าคนฟีลิสเตียไปสองร้อยคน[d] เขาได้นำหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของชายเหล่านั้นมามอบให้กษัตริย์ เพื่อที่ว่าเขาจะได้กลายเป็นลูกเขยของกษัตริย์
ดังนั้นซาอูลจึงยกมีคาลลูกสาวของเขาให้แต่งงานกับดาวิด 28 เมื่อซาอูลเห็นว่าพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับดาวิด และมีคาลลูกสาวของเขาก็รักดาวิด 29 ซาอูลก็ยิ่งกลัวดาวิดมากขึ้น และเขาก็เป็นศัตรูกับดาวิดตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
30 ผู้นำของฟีลิสเตียก็ออกมาสู้รบอยู่เรื่อยๆและยิ่งออกรบมากเท่าใด ดาวิดก็ยิ่งได้รับชัยชนะมากกว่าพวกแม่ทัพนายกองคนอื่นๆของซาอูล และทำให้ชื่อเสียงของดาวิดโด่งดังไปทั่ว
ซาอูลพยายามฆ่าดาวิด
19 ซาอูลบอกโยนาธานลูกชายของเขาและคนรับใช้ของเขาทุกคนให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานชอบดาวิดมาก 2 ก็เลยเตือนดาวิดว่า “ซาอูลพ่อของเรากำลังหาโอกาสที่จะฆ่าเจ้า พรุ่งนี้เช้า ให้ระวังตัวให้ดี ให้ไปหาที่หลบซ่อนและให้อยู่ที่นั่น 3 เราจะออกไปยืนอยู่ข้างๆพ่อเราในทุ่งนาที่ท่านซ่อนตัวอยู่ เราจะพูดกับพ่อเรื่องของเจ้า แล้วพอเรารู้อะไรก็จะมาเล่าให้เจ้าฟัง”
4 โยนาธานพูดถึงความดีของดาวิดให้กับซาอูลพ่อของเขาว่า “ขออย่าให้พ่อทำผิดต่อดาวิดคนรับใช้ของพ่อเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพ่อ และสิ่งที่เขาทำก็เป็นประโยชน์มากกับพ่อทั้งนั้น 5 เขาได้เสี่ยงชีวิตตอนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้น และพระยาห์เวห์ให้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กับชาวอิสราเอลทั้งหมด พ่อก็เห็นและชื่นชมไปด้วย แล้วทำไมพ่อถึงจะทำผิดต่อคนบริสุทธิ์อย่างดาวิด และจะไปฆ่าเขาอย่างไร้เหตุผล”
6 เมื่อซาอูลได้ฟังสิ่งที่โยนาธานพูด เขาก็สาบานว่า “พระยาห์เวห์ มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าดาวิดจะไม่ถูกประหารชีวิต”
7 แล้วโยนาธานได้เรียกดาวิดมา และเล่าเรื่องที่เขากับพ่อได้พูดกัน แล้วโยนาธานได้นำดาวิดมาพบซาอูล และดาวิดก็ได้เฝ้าซาอูลอย่างแต่ก่อน
8 แล้วสงครามก็เกิดขึ้นอีก ดาวิดจึงออกไปสู้รบกับคนฟีลิสเตีย ดาวิดได้ฆ่าฟันพวกนั้นตายเกลื่อนกลาด พวกนั้นได้หนีไปต่อหน้าต่อตา 9 แต่วิญญาณชั่วจากพระยาห์เวห์ได้มาเข้าสิงซาอูล ขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในวังของเขาและถือหอกอยู่ในมือ ดาวิดกำลังเล่นพิณอยู่ 10 ซาอูลพยายามพุ่งหอกหมายปักดาวิดให้ติดผนัง แต่ดาวิดหลบได้ หอกของซาอูลเลยพุ่งเข้าใส่ฝาผนัง แล้วคืนนั้นดาวิดก็หนีรอดออกมาได้
11 ซาอูลส่งคนไปเฝ้าดูที่บ้านของดาวิดตลอดคืน เพื่อฆ่าเขาในตอนเช้า แต่มีคาลเมียของดาวิดได้เตือนเขาว่า “ถ้าพี่ไม่หนีไปในคืนนี้ พรุ่งนี้พี่จะต้องถูกฆ่าตาย”
12 ดังนั้นมีคาลจึงได้หย่อนดาวิดลงทางหน้าต่าง และเขาก็หนีรอดไป 13 จากนั้นมีคาลก็เอารูปปั้นพระประจำบ้านมาวางไว้บนเตียง แล้วเอาผ้าคลุมไว้และเอาขนแพะมาวางไว้ที่หัวรูปปั้นนั้น
14 เมื่อซาอูลส่งคนมาจับดาวิด มีคาลก็บอกว่า “เขาไม่สบาย”
15 ซาอูลส่งคนกลับไปดูดาวิด และสั่งพวกเขาว่า “นำเขามาทั้งที่อยู่บนเตียง เพื่อที่เราจะได้ฆ่าเขาเสีย”
16 แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปก็พบรูปปั้นอยู่บนเตียง และมีขนแพะอยู่ที่หัวมัน
17 ซาอูลพูดกับมีคาลว่า “ทำไมลูกถึงหลอกลวงพ่ออย่างนี้ และปล่อยศัตรูของพ่อให้รอดพ้นไปได้”
มีคาลตอบว่า “ดาวิดพูดกับลูกว่า ‘ปล่อยพี่ไปเถอะ จะให้พี่ต้องฆ่าน้องทำไม’”
18 เมื่อดาวิดหลบหนีไปได้ เขาได้ไปหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และเล่าเรื่องทั้งหมดที่ซาอูลทำกับเขา จากนั้นเขาและซามูเอลก็ไปอยู่ที่นาโยท
19 มีคนไปแจ้งข่าวกับซาอูลว่า “ดาวิดอยู่ที่นาโยทในเมืองรามาห์” 20 ซาอูลจึงส่งคนมาจับดาวิด แต่เมื่อพวกเขามาเห็นกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังพูดแทนพระเจ้ากันอยู่ มีซามูเอลยืนเป็นหัวหน้า พระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าสถิตในคนพวกนั้นที่ซาอูลส่งมา พวกเขาจึงเข้าร่วมพูดแทนพระเจ้าด้วย
21 เมื่อซาอูลรู้เรื่อง เขาก็ส่งคนไปใหม่ และพวกเขาก็ได้พูดแทนพระเจ้าด้วย ซาอูลจึงส่งคนไปเป็นครั้งที่สาม และพวกเขาก็ได้พูดแทนพระเจ้าอีกเหมือนกัน 22 ในที่สุดซาอูลก็ไปรามาห์เอง และเมื่อไปถึงอ่างเก็บน้ำใหญ่ที่เมืองเสคู เขาก็ถามว่า “ซามูเอลและดาวิดอยู่ที่ไหน”
ประชาชนตอบซาอูลว่า “ทั้งสองคนอยู่ที่นาโยทเมืองรามาห์”
23 ซาอูลจึงไปที่นาโยทในเมืองรามาห์ แต่พระวิญญาณของพระเจ้าได้เข้าสถิตในเขา ซาอูลจึงเดินพูดแทนพระเจ้าไปตลอดทางจนมาถึงนาโยท 24 ซาอูลได้ถอดเสื้อผ้าออก และเขาเองก็ได้พูดแทนพระเจ้าต่อหน้าซามูเอลด้วย เขานอนเปลือยกายอยู่ที่นั่นตลอดวันตลอดคืน นี่เป็นเหตุที่คนพูดว่า
“ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”
ดาวิดและโยนาธานทำสัญญากัน
20 จากนั้นดาวิดได้หนีจากนาโยทที่รามาห์ไปหาโยนาธาน และถามว่า “ข้าทำอะไรลงไปหรือ ความผิดของข้าคืออะไร ข้าได้ทำผิดอะไรต่อพ่อเจ้าหรือ เขาถึงได้พยายามมาเอาชีวิตของข้า”
2 โยนาธานตอบว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะไม่ตายหรอก ดูสิ พ่อของข้าไม่เคยทำอะไรโดยไม่บอกข้าก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แล้วเขาจะมาปิดบังเรื่องนี้จากข้าทำไม คงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก”
3 แต่ดาวิดสาบานว่า “พ่อของเจ้ารู้ดีว่า เจ้าชื่นชอบข้า และคิดกับตัวเองว่า ‘ต้องไม่ให้โยนาธานรู้เรื่องนี้ เพราะเขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน’ แต่พระยาห์เวห์และตัวเจ้ามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ข้าห่างจากความตายแค่ก้าวเดียวเท่านั้น”
4 โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “เจ้าจะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำเพื่อเจ้า”
5 ดาวิดจึงพูดว่า “เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้จะเป็นวันเทศกาลพระจันทร์ใหม่ และข้าจะต้องไปร่วมกินอาหารกับกษัตริย์ แต่ปล่อยให้ข้าไปซ่อนตัวในท้องทุ่งเถอะ จนถึงเย็นวันที่สาม 6 ถ้าพ่อของเจ้าเห็นข้าหายไป ก็บอกเขาว่า ‘ดาวิดได้มาขออนุญาตกับลูกเพื่อลากลับบ้านอย่างเร่งด่วนที่เบธเลเฮม เพราะครอบครัวของเขาจะถวายสัตว์บูชาประจำปี’ 7 ถ้าเขาพูดว่า ‘ดีมาก’ ผู้รับใช้ของเจ้าคนนี้ก็ปลอดภัย แต่ถ้าเขาโกรธมาก เจ้าก็แน่ใจได้เลยว่า เขาได้ตัดสินใจที่จะทำร้ายข้าแล้ว 8 ถ้าเจ้าจะแสดงความเมตตาต่อผู้รับใช้ของเจ้า เพราะเจ้าได้ทำสัญญากับข้าต่อหน้าพระยาห์เวห์แล้ว ถ้าข้าผิดจริง เจ้าก็ฆ่าข้าเสียเอง ไม่ต้องมอบข้าไปให้กับพ่อของเจ้าหรอก”
9 โยนาธานพูดว่า “ไม่หรอก ถ้าข้ารู้ว่าพ่อของข้าคิดจะทำร้ายเจ้า ข้าจะไม่บอกเจ้าได้หรือ”
10 ดาวิดถามว่า “ใครจะมาบอกข้าละ ถ้าพ่อของเจ้าตอบเจ้าอย่างดุดัน”
11 โยนาธานพูดว่า “มาเถอะ ออกไปที่ท้องทุ่งกัน” เขาทั้งสองก็เดินไปที่นั่นด้วยกัน
12 จากนั้นโยนาธานก็พูดกับดาวิดว่า “ข้าขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ข้าจะไปดูให้รู้แน่ว่าพ่อของข้าคิดยังไงกับเจ้า วันมะรืนนี้เวลาเดียวกันนี้ ถ้าเขารู้สึกดีกับเจ้า ข้าก็จะส่งข่าวมาให้เจ้ารู้ 13 แต่ถ้าพ่อข้าจะทำร้ายเจ้า ข้าก็จะบอกให้เจ้ารู้ และส่งเจ้าไปอย่างปลอดภัย ถ้าข้าไม่ทำตามที่พูดนี้ ก็ขอให้พระยาห์เวห์ลงโทษข้าอย่างรุนแรง ขอให้พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับเจ้าเหมือนที่สถิตอยู่กับพ่อของข้า 14 ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้เจ้ามีน้ำใจกับข้า เหมือนกับที่พระยาห์เวห์มีต่อข้าตลอดชีวิต เพื่อที่ว่าข้าจะได้ไม่ถูกฆ่าตาย 15 และถ้าหากข้าตายไป ก็ขอให้เจ้าอย่าได้แล้งน้ำใจต่อครอบครัวของข้า แม้เมื่อพระยาห์เวห์ได้กำจัดศัตรูทั้งหมดของเจ้าออกไปจากโลกนี้” 16 ดังนั้น โยนาธานได้ทำสัญญากับดาวิดและครอบครัวของดาวิด โยนาธานพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์จัดการกับศัตรูของเจ้า”
17 และโยนาธานให้ดาวิดยืนยันสัญญาอีกครั้งด้วยความรักที่เขามีต่อดาวิด เพราะเขารักดาวิดเหมือนรักตัวเอง
18 จากนั้นโยนาธานก็พูดกับดาวิดว่า “พรุ่งนี้จะเป็นวันเทศกาลพระจันทร์ใหม่ พ่อจะเห็นว่าเจ้าหายไป เพราะที่นั่งของเจ้าจะว่าง 19 ในตอนเย็นวันมะรืนนี้ ให้ไปซ่อนตัวในที่ที่เจ้าเคยซ่อนตัวตอนที่เรื่องยุ่งยากนี้เกิดขึ้นครั้งแรก และคอยอยู่ที่ก้อนหินเอเซล 20 ข้าจะยิงธนูสามดอกไปข้างๆเจ้าเหมือนกับว่าข้ากำลังซ้อมยิงเป้า 21 จากนั้นข้าจะสั่งเด็กรับใช้ว่า ‘ไปหาลูกธนูซิ’ ถ้าข้าพูดกับเขาว่า ‘ลองดูซิ ลูกธนูตกอยู่ทางข้างๆเจ้า ไปเอามันกลับมานี่’ ถ้าข้าพูดอย่างนี้ ก็ให้เจ้าออกมาจากที่ซ่อนได้ เพราะพระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เจ้าจะปลอดภัยและไม่มีอันตรายอะไร 22 แต่ถ้าข้าพูดกับเด็กรับใช้ว่า ‘ดูสิ ลูกธนูตกไกลออกไปข้างหน้าโน้น’ ถ้าข้าพูดอย่างนี้ เจ้าต้องรีบหนีไป เพราะพระยาห์เวห์ได้กำหนดให้เจ้าไปแล้ว 23 และเรื่องที่ได้คุยกันระหว่างเราสองคน จำไว้ว่าพระยาห์เวห์จะเป็นพยานให้กับเราทั้งสองคนตลอดไป”
24 ดังนั้นดาวิดจึงซ่อนตัวอยู่ในท้องทุ่ง
เมื่อถึงเทศกาลพระจันทร์ใหม่ ซาอูลซึ่งเป็นกษัตริย์ก็มานั่งกินอาหาร 25 เขานั่งในที่เคยนั่งเป็นประจำที่อยู่ใกล้กำแพง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโยนาธาน ส่วนอับเนอร์ก็นั่งอยู่ข้างๆซาอูล แต่ที่นั่งของดาวิดกลับว่างเปล่า 26 ในวันนั้นซาอูลไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงคิดว่า “ต้องเกิดอะไรขึ้นกับดาวิดที่จะทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ในการเข้าร่วมพิธี แน่นอนว่าเขาต้องไม่บริสุทธิ์”
27 แต่วันต่อมา วันที่สองของเดือนนั้น ที่นั่งของดาวิดก็ยังคงว่างอยู่อีก ซาอูลจึงถามโยนาธานว่า “ทำไมดาวิดลูกชายเจสซีไม่มากินข้าวด้วยกัน ทั้งเมื่อวานและวันนี้ด้วย”
28 โยนาธานตอบว่า “ดาวิดได้มาวิงวอนขออนุญาตจากลูกเพื่อลากลับบ้านที่เบธเลเฮม 29 เขาบอกว่า ‘อนุญาตให้ฉันกลับบ้านเถอะ เพราะครอบครัวของฉันจะมีการถวายเครื่องบูชาในเมืองและพี่ชายของฉันก็สั่งให้ฉันกลับไป ถ้าท่านพอใจฉันก็อนุญาตให้ฉันกลับไปหาพี่ชายด้วยเถอะ’ เพราะสาเหตุนี้เขาจึงไม่ได้มาร่วมโต๊ะอาหารกับกษัตริย์”
30 ซาอูลได้ยินอย่างนั้น ความโกรธก็พลุ่งขึ้นต่อโยนาธาน เขาพูดกับโยนาธานว่า “เจ้ามันลูกกบฏของหญิงนอกคอก คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเข้าข้างไอ้ลูกชายเจสซีนั่น เจ้าสร้างความอับอายให้ตัวเองและแม่ที่คลอดเจ้าออกมา 31 ตราบใดที่ดาวิดยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เจ้าและอาณาจักรของเจ้าก็จะไม่มีวันตั้งอยู่ได้ ส่งคนไปนำตัวดาวิดมาเดี๋ยวนี้ มันต้องตาย”
32 โยนาธานถามซาอูลพ่อของเขาว่า “ทำไมเขาจะต้องถูกประหาร เขาทำอะไรลงไปหรือ”
33 แต่ซาอูลได้พุ่งหอกในมือใส่โยนาธานเพื่อฆ่าเขาเสีย โยนาธานจึงรู้ว่าพ่อของเขาตั้งใจจะฆ่าดาวิด 34 โยนาธานจึงลุกจากโต๊ะอาหารไปด้วยความโกรธมาก และไม่ได้กินอะไรในวันที่สองนี้ เพราะเขาเสียใจต่อการกระทำที่น่าอับอายของพ่อเขาต่อดาวิด
35 เช้าวันรุ่งขึ้นโยนาธานออกไปที่ทุ่งนาเพื่อพบกับดาวิด เขาเอาเด็กรับใช้ไปด้วยหนึ่งคน 36 แล้วเขาก็สั่งเด็กรับใช้ว่า “ไปหาลูกธนูที่เรายิงไป” เมื่อเด็กรับใช้วิ่งไป โยนาธานก็ยิงธนูลูกหนึ่งนำหน้าเขาไป 37 เมื่อเด็กรับใช้วิ่งไปถึงที่ที่ลูกธนูของโยนาธานตก เขาก็ตะโกนบอกเด็กรับใช้ว่า “ลูกธนูอยู่ข้างหน้าเจ้าไม่ใช่หรือ” 38 เขายังตะโกนสั่งอีกด้วยว่า “รีบไปเถิด อย่าหยุดน่ะ” เด็กรับใช้ก็ไปเก็บลูกธนูกลับมาให้โยนาธานผู้เป็นเจ้านาย 39 (แต่เด็กรับใช้ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มีแต่ดาวิดและโยนาธานเท่านั้นที่เข้าใจ) 40 จากนั้นโยนาธานก็ส่งอาวุธให้เด็กรับใช้และสั่งว่า “เจ้าเอาไปเก็บไว้ในเมืองก่อน”
41 หลังจากเด็กรับใช้ไปแล้ว ดาวิดก็ออกจากที่ซ่อน ทางใต้ของก้อนหิน เขากราบโยนาธานจนหน้าติดพื้นดินสามครั้ง จากนั้นพวกเขาก็จูบซึ่งกันและกัน แล้วทั้งสองก็ร้องไห้ด้วยกัน แต่ดาวิดร้องมากกว่า
42 โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “ขอให้ไปเป็นสุขเถิด เพราะเราทั้งสองได้สาบานในนามของพระยาห์เวห์ว่าจะเป็นเพื่อนกัน เราพูดว่า ‘พระยาห์เวห์จะเป็นพยานระหว่างเราสองคน และระหว่างลูกหลานของเราสองคนตลอดไป’” แล้วดาวิดก็จากไป และโยนาธานก็กลับเข้าเมือง
พระยาห์เวห์ยุติธรรม
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าพเจ้าจะลี้ภัยในพระยาห์เวห์ แล้วเจ้ามาบอกเราได้ยังไงว่า
“ให้บินหนีไปยังภูเขาเหมือนนก
2 หนีไปซะ เพราะคนชั่วกำลังแอบอยู่ในความมืด
พวกคนชั่วกำลังโก่งคันธนูเพื่อคล้องสาย
และเล็งลูกศรตรงไปที่คนซื่อตรง
3 เมื่อรากฐานที่ดีของสังคมถูกทำลายไปหมดแล้ว
แล้วคนดีจะทำอะไรได้”
4 แต่พระยาห์เวห์ยังสถิตอยู่ในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระยาห์เวห์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ในสวรรค์
พระองค์มองเห็นทุกอย่าง พระองค์ตรวจสอบมนุษย์
5 พระองค์ตรวจสอบทั้งคนดีและคนชั่ว
พระองค์เกลียดคนเหล่านั้นที่รักความโหดร้าย
6 แล้วพระองค์จะทำให้ถ่านเพลิง และไฟกำมะถันตกลงทับถมคนชั่วเหล่านั้นดังห่าฝน
คนชั่วเหล่านั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากลมร้อนที่เผาผลาญ
7 พระยาห์เวห์นั้นยุติธรรม พระองค์รักความยุติธรรม
คนซื่อตรงเท่านั้นถึงจะได้เห็นใบหน้าของพระองค์
ขอปกป้องข้าพเจ้าจาก “ไอ้พวกหมา”
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด ที่เขียนตอนที่ซาอูลส่งคนไปเฝ้าบ้านของดาวิดเพื่อฆ่าเขา[b]
1 พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้าด้วยเถิด
2 โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย
โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าจากคนกระหายเลือดเหล่านั้นด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดักซุ่มคอยฆ่าข้าพเจ้า
คนโหดร้ายพวกนั้นด้อมตามคอยตะครุบข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดหรือทำบาปอะไรเลย
4 ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็รีบเร่งมาที่นี่และเตรียมโจมตีข้าพเจ้า
โปรดลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยมาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
โปรดลุกขึ้นมาลงโทษชนชาติเหล่านั้น โปรดอย่าได้มีเมตตาต่อคนทรยศที่ชั่วร้ายพวกนั้น เซลาห์
6 พวกเขากลับมาในตอนเย็น ขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆ หาเหยื่อไปทั่วเมือง
7 ฟังเสียงของพวกเขาดูสิ เห่าออกมาเป็นคำเย้ยหยัน
ริมฝีปากเชือดเฉือนอย่างดาบ
และพวกเขาก็พูดว่า “ไม่มีคนอื่นได้ยินหรอก”
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
และทำให้พวกเขาทุกคนอับอายด้วยเถิด
9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยให้พระองค์มาช่วย[c]
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้ารักข้าพเจ้าและจะมาช่วยข้าพเจ้า
พระองค์จะให้ข้าพเจ้าเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าพ่ายแพ้
11 โปรดอย่าฆ่าพวกศัตรูของข้าพเจ้าให้หมดในทีเดียว ไม่อย่างนั้น คนของข้าพเจ้าอาจจะลืมว่าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาชนะ
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ผู้เป็นโล่ของพวกเรา
โปรดใช้พลังอำนาจของพระองค์ทำให้ศัตรูแตกกระเจิงและล้มลง
12 สิ่งที่เขาพูดทำให้ริมฝีปากเขาเป็นบาป
ขอให้เขาตกลงไปในกับดักแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง
คำสาปแช่งและคำโกหกของเขาเอง
13 ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของพระองค์
ทำลายพวกเขาให้หมดเกลี้ยงตลอดไป
แล้วคนทั่วโลกจะได้รู้ว่า
พระเจ้าครอบครองอยู่เหนือชนชาติของยาโคบ เซลาห์
14 พวกเขากลับมาในตอนเย็นขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆหาเหยื่อไปทั่วเมือง
15 พวกเขาจะเร่ร่อนหาอาหารไปมา
และถ้าพวกเขากินไม่อิ่ม พวกเขาคงจะอยู่ทั้งคืน[d]
16 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพลังของพระองค์
ในตอนเช้าข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นที่กำบังในยามทุกข์ยาก
17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
และเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International