Chronological
เยเรมียาห์สั่งสอนในวิหาร
(ยรม. 26:1-6)
7 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ คือ
2 “เยเรมียาห์ ให้ไปยืนอยู่ในประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และประกาศข้อความนี้ออกไป
‘พวกเจ้าชาวยูดาห์ทั้งหลายที่กำลังเดินผ่านประตูนี้เข้ามาเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์ ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดให้ดี 3 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด “ถ้าเจ้าทำตัวดี เราก็จะอาศัยอยู่ที่นี่กับเจ้า 4 อย่าไปหลงเชื่อคำพูดที่หลอกลวงเหล่านั้น ที่ว่า ‘นี่เป็นวิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์’[a] 5 แต่ถ้าเจ้าทำให้วิถีทางและการกระทำต่างๆของเจ้าดีจริงๆ และให้ความเป็นธรรมต่อกันและกัน 6 ถ้าเจ้าไม่กดขี่คนต่างถิ่น เด็กกำพร้า และแม่หม้าย ถ้าเจ้าไม่ทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหลในที่แห่งนี้ และถ้าเจ้าไม่นมัสการพระอื่นๆเพราะมันมีแต่จะทำให้เจ้าเจ็บตัวเปล่าๆ 7 เราก็จะยอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ตลอดไป”’”
8 “เจ้ากำลังไว้วางใจในคำพูดที่หลอกลวงที่ไร้ค่าเหล่านั้น 9 เจ้าไปขโมย ไปฆ่า ไปมีชู้ ไปสัญญาที่เจ้าไม่คิดจะรักษา ไปเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล และไปบูชาพระอื่นๆที่เจ้าไม่รู้จัก 10 แล้วกลับมายืนอยู่ต่อหน้าวิหารนี้ ที่มีชื่อของเราอยู่ แล้วพวกเจ้าก็พูดว่า ‘พวกเราได้รับความรอดแล้ว’ อย่างนั้นหรือ ที่เจ้าทำอย่างนี้ ก็เพื่อเจ้าจะได้กลับไปทำเรื่องชั่วช้าพวกนั้นอีกใช่ไหม 11 เจ้าเห็นวิหารนี้ ที่มีชื่อเราตั้งอยู่ กลายเป็นซ่องโจรไปแล้วใช่ไหม แม้แต่เราเองก็ยังเห็นมันเป็นอย่างนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “พวกเจ้าคนยูดาห์ ไปสิ ไปยังสถานที่ของเรา ที่อยู่ในชิโลห์[b] เราได้ตั้งที่นั่นเป็นที่แรกสำหรับให้ชื่อของเราสถิตอยู่ ไปดูสิว่าเราได้ทำอะไรกับมันบ้าง เพราะความชั่วช้าของอิสราเอลคนของเรา 13 แล้วตอนนี้ พวกเจ้าคนอิสราเอลก็ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายพวกนี้” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และถึงแม้เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ฟังเรา แถมเมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบเสียอีก 14 ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่มีชื่อของเราตั้งอยู่ ที่เจ้าไว้วางใจนักหนา และเราจะทำกับสถานที่ที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า อย่างเดียวกับที่เราทำกับชิโลห์ 15 เราจะเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่เราเคยเหวี่ยงพวกพี่น้องของเจ้าทั้งหมด พวกที่สืบเชื้อสายมาจากเอฟราอิม”
16 “ส่วนเจ้าเยเรมียาห์ ไม่ต้องอธิษฐานเผื่อคนกลุ่มนี้ และไม่ต้องร้องไห้ให้พวกเขาด้วย เจ้าไม่ต้องอธิษฐานต่อเราให้กับพวกเขา เพราะคำอธิษฐานจะมาไม่ถึงเรา เราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือยังไง ว่าพวกมันกำลังทำอะไรในเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม 18 พวกลูกๆกำลังเก็บฟืน ส่วนพวกพ่อกำลังจุดไฟ พวกผู้หญิงกำลังนวดแป้งทำขนมปังสำหรับเจ้าแม่แห่งสวรรค์ และกำลังเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระอื่นๆเพื่อยั่วโมโหเรา” 19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเขาคิดว่ากำลังยั่วโมโหเราหรือ ไม่เลย อันที่จริง พวกเขากำลังทำกับตัวเองต่างหาก พวกเขาถึงต้องอับอายขายหน้า”
20 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ เจ้านายของผมพูดคือ “ความโกรธและความแค้นของเรากำลังจะเทออกมายังวิหารนี้ เทใส่ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ตามท้องทุ่ง และผลผลิตจากพื้นดิน ความโกรธของเราจะเผาไหม้อยู่ และจะไม่มีวันดับ”
พระยาห์เวห์อยากให้เชื่อฟังมากกว่าให้เครื่องบูชา
21 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พูด “เพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปในเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าด้วย กินเนื้อซะด้วย 22 ตอนที่เราพาบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์นั้น เราไม่ได้สั่งอะไรพวกเขาเลยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องเผาบูชาและเครื่องเซ่นไหว้ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้ทำอย่างนั้น 23 แต่สิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำ คือ ‘ให้ฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นคนของเรา ให้เจ้าเดินในทางที่เราสั่งเจ้า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้า’”
24 “แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง และทำเป็นหูทวนลม กลับไปทำตามความต้องการชั่วๆของตัวเอง พวกเขากลับเดินถอยหลังแทนที่จะเดินไปข้างหน้า 25 ตั้งแต่วันนั้นที่บรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จนถึงวันนี้ เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ไปหาพวกเจ้าทุกวัน 26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเรา และไม่ยอมเงี่ยหูฟัง พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง พวกเขาชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก”
27 “เยเรมียาห์ เจ้าจะเอาคำพูดทั้งหมดนี้ไปบอกกับพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะเรียกพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ตอบเจ้า 28 เจ้าจะต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอนจากพระองค์ ความจริงได้ตายไปเสียแล้ว และมันก็หายไปจากปากของพวกเขา’”
หุบเขาแห่งการฆ่า
29 “เยเรมียาห์ ตัดผมของเจ้าทิ้งไป แล้วขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญบนเนินเขาโล้นเตียนซะ เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธและทอดทิ้งคนรุ่นนี้ที่ยั่วโมโหพระองค์ไปแล้ว 30 เพราะพวกคนยูดาห์ ได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “พวกเขาได้เอาสิ่งที่น่าขยะแขยงมาไว้ในวิหารที่มีชื่อของเราสถิตอยู่ เพื่อทำให้วิหารนั้นเป็นมลทินไป 31 พวกเขาสร้างที่สูงของโทเฟท ที่อยู่ในหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมเพื่อเผาลูกชายลูกสาวตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือไม่เคยแม้แต่จะคิด 32 ดังนั้น วันนั้นจึงกำลังจะมาถึง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “วันที่จะไม่มีใครพูดถึงโทเฟทและหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมอีกเลย แต่ผู้คนจะเรียกมันว่า หุบเขาแห่งการฆ่า และพวกเขาจะฝังศพไว้ที่โทเฟท จนกระทั่งไม่เหลือที่ให้ฝังศพอีกต่อไป 33 ส่วนศพของชนชาตินี้ก็จะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และของพวกสัตว์ป่าบนพื้นดิน และจะไม่มีใครไล่พวกมันไป 34 เราจะทำให้เสียงสนุกสนาน เสียงงานรื่นเริง และเสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหยุดลงในบ้านเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม เพราะดินแดนนี้จะถูกปล่อยทิ้งร้าง”
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น พวกเขาจะขุดกระดูกของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ของพวกแม่ทัพ ของพวกนักบวช ของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และของชาวเมืองเยรูซาเล็มออกมาจากหลุมฝังศพของพวกเขา 2 แล้วพวกเขาจะเกลี่ยกระดูกของคนพวกนี้ออก ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ที่คนเยรูซาเล็มรักและรับใช้ ที่พวกเขาติดตามและแสวงหา และที่พวกเขากราบไหว้บูชา กระดูกของพวกเขาจะไม่ถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน และจะไม่เอาไปฝัง พวกมันจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ที่อยู่หน้าดิน
3 ส่วนคนเหล่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ก็อยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ คนพวกนี้คือคนที่หลงเหลืออยู่จากตระกูลชั่วช้านี้ คนพวกนี้จะไปอยู่ในที่อื่นๆที่เหลือ ซึ่งเราได้ขับไล่พวกเขาไป” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้
ความบาปและการลงโทษ
4 “เยเรมียาห์ เจ้าต้องบอกสิ่งนี้กับคนยูดาห์ว่า
‘พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้คือ
เมื่อคนล้มลง
เขาจะไม่ลุกขึ้นมาอีกแล้วหรือ
ถ้าคนหลงไปจากทาง
เขาจะไม่วกกลับมาอีกแล้วหรือ
5 แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้หันหนีไปจากเรา
ทำไมเยรูซาเล็มถึงหันหนีไปจากเราอยู่เรื่อย
พวกเขายึดอยู่กับการหลอกลวง
ไม่ยอมหันกลับมาหาเรา
6 เราได้ฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ
แต่พวกเขาพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วเลย
หรือพูดว่า “ฉันทำอะไรลงไปนี่”
พวกเขาทั้งหมดหันไปตามทางของตัวเอง
เหมือนม้าที่วิ่งห้อเข้าสู่สนามรบ
7 แม้แต่นกกระสาบนฟ้าก็ยังรู้เวลาที่ถูกกำหนดให้กับมัน
นกเขา นกนางแอ่น และนกกระเรียนนั้นเฝ้าคอยเวลาที่จะอพยพไป
แต่คนของเรากลับไม่รู้ว่าพระยาห์เวห์คาดหวังอะไรจากเขา’”
8 “พวกเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราฉลาด’
และ ‘พวกเรามีกฎของพระยาห์เวห์’
อันที่จริง พวกคัดลอกกฎได้ใช้ปากกาของเขาโกหก
จึงทำให้กฎของพระยาห์เวห์โกหกไปด้วย
9 คนฉลาดถูกลบหลู่
พวกเขาถูกทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ และพวกเขาก็ถูกจับ
พวกเขาไม่ยอมรับพระคำของพระยาห์เวห์
แล้วพวกเขาจะอ้างว่าตัวเองฉลาดได้ยังไง
10 ดังนั้นเราจะยกเมียของพวกเขาไปให้กับคนอื่น
แล้วก็ยกไร่นาของพวกเขาไปให้กับพวกเจ้าของใหม่
เพราะจากคนที่ยากจนที่สุดไปจนถึงคนรวยที่สุดก็ล้วนแต่มีแนวโน้มที่จะหาผลประโยชน์จากความรุนแรง
และจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงพวกนักบวช ต่างก็พูดโกหก
11 พวกเขารักษาบาดแผลของคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
แล้วก็พูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข’
12 พวกเขาควรจะละอายใจ ที่ทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
แต่พวกเขากลับไม่ละอายใจเลย
แถมพวกเขายังไม่รู้จักถ่อมตัวด้วย
ดังนั้น พวกเขาจะต้องล้มลงด้วยกันกับคนอื่นที่ล้มลง
ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาจะต้องล้มลง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราจะเก็บรวบรวมผลผลิตของพวกเขาไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“จะไม่มีองุ่นเหลืออยู่บนเถาอีกต่อไป
จะไม่มีลูกมะเดื่ออยู่บนต้นอีก
และใบของมันก็จะเหี่ยวแห้งไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราให้กับพวกเขาก็จะสูญเสียไป
14 คนพูดกันว่า ‘พวกเรามามัวนั่งทำอะไรกันอยู่ที่นี่
รวบรวมกันและยกพวกกันเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการ ถ้าจะถูกทำลายก็ให้ไปถูกทำลายที่นั่นเถอะ
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเราได้กำหนดไว้แล้วว่า พวกเราจะต้องพินาศ
และพระองค์ทำให้เราดื่มยาพิษ
เพราะว่าเราทำบาปต่อพระองค์’
15 พวกเขารอคอยความสงบสุข แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
พวกเขารอคอยเวลาแห่งการเยียวยา แต่ดูสิ กลับมีแต่ความน่ากลัว”
16 พระยาห์เวห์พูดว่า “มีเสียงทัพม้าคำรามมาจากเมืองดาน
แผ่นดินทั้งสิ้นสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงร้องของม้าฉกรรจ์
พวกมันจะมากลืนกินแผ่นดินและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
พวกมันจะกลืนกินเมืองและคนที่อาศัยอยู่ในนั้น
17 เรากำลังส่งงูมาท่ามกลางพวกเจ้า
เป็นพวกงูพิษที่ไม่มีวันร่ายมนต์สะกดได้
พวกมันจะกัดพวกเจ้า”
พระยาห์เวห์บอกว่าอย่างนั้น
18 ผมรู้สึกเศร้าจับใจ
ใจของผมเหนื่อยอ่อน
19 ผมได้ยินเสียงร้องของคนที่ผมรักจากแดนไกลว่า
“พระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ในศิโยนหรือ
กษัตริย์ของศิโยนไม่ได้อยู่ในเมืองหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่า “แล้วทำไมพวกเขาถึงยั่วโมโหเรา
ด้วยรูปเคารพจากต่างชาติที่ไม่เที่ยงแท้เล่า”
20 ผู้คนพูดว่า “ฤดูเก็บเกี่ยว ก็ผ่านไปแล้ว หมดหน้าร้อนแล้ว
แต่เราก็ยังไม่ได้รับการช่วยชีวิตเลย”
21 คนที่ผมรักบาดเจ็บ ผมก็เลยบาดเจ็บไปด้วย
ผมรู้สึกหมดหวัง และใจผมเต็มไปด้วยความท้อแท้
22 พระยาห์เวห์พูดว่า “ไม่มียาในกิเลอาดเลยหรือ
ไม่มีหมออยู่ที่นั่นเลยหรือ ทำไมถึงไม่มีใครรักษาคนที่เรารักเลย”
9 ผมอยากจะให้หัวของผมเต็มไปด้วยน้ำ
และดวงตาของผมเป็นน้ำพุแห่งน้ำตา
ผมจะได้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน
ผมจะได้ร้องไห้ให้กับคนที่ผมรักที่ถูกฆ่า
2 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราหวังเหลือเกินว่าเราจะมีที่หยุดพัก
สำหรับคนเดินทางในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพื่อว่าเราจะได้ทิ้งคนของเรา
และไปให้พ้นๆพวกเขา
เพราะพวกเขาทุกคนเป็นคนเล่นชู้
และเป็นกลุ่มของคนขี้โกง
3 พวกเขาโก่งลิ้นของพวกเขาเหมือนคันธนู
และพวกเขาประสบความสำเร็จในแผ่นดินนี้ ด้วยการหลอกลวง ไม่ใช่ด้วยความสัตย์ซื่อ
เพราะพวกเขาทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก
และพวกเขาก็ไม่รู้จักเราด้วย”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
4 “พวกเขาปกป้องตัวเองจากเพื่อนบ้าน
และแม้แต่พี่น้องของพวกเจ้าเองก็ยังไว้ใจไม่ได้
เพราะพี่น้องทุกคนขี้โกง
และเพื่อนบ้านทุกคนก็ชอบนินทา
5 ผู้คนโกงเพื่อนบ้านของเขาเอง
และไม่พูดความจริง
พวกเขาสอนลิ้นตัวเองให้พูดโกหก
พวกเขาทำให้ตัวเองเหนื่อยอ่อนด้วยการทำผิด
6 เยเรมียาห์ บ้านของเจ้าตั้งอยู่ท่ามกลางคนขี้โกง
พวกเขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ
“เรากำลังจะหลอมพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ
และทดสอบพวกเขาด้วยไฟ
ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้แล้ว
เราจะทำอะไรให้กับคนที่น่าสงสารของเราได้อีกหรือ
8 ลิ้นของพวกเขาแหลมคมเหมือนธนู
เขาพูดโกหกด้วยปากของเขา
พวกเขาแต่ละคนพูดกับเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร
แต่ในใจกลับคิดหาทางเอาเปรียบเพื่อนบ้านอยู่
9 เพราะเรื่องพวกนี้ สมควรที่เราจะลงโทษพวกเขาอีกครั้ง ไม่ใช่หรือ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“สมควรที่เราจะแก้แค้นชนชาติที่ทำตัวอย่างนี้ ไม่ใช่หรือ”
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะร้องไห้คร่ำครวญให้ภูเขา
และเราจะร้องเพลงงานศพให้ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพราะพวกมันถูกทิ้งร้างว่างเปล่า เพื่อจะได้ไม่มีใครเดินผ่านมา
และพวกมันก็ไม่ได้ยินเสียงวัวในแผ่นดินนั้น
แม้แต่นกบนท้องฟ้าไปจนถึงสัตว์ป่าก็หนีไปกันหมดแล้ว
พวกมันไปกันหมดแล้ว
11 เราจะทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นกองหิน
เป็นที่อยู่ของหมาไน
และเราจะทำให้บ้านเมืองในยูดาห์กลายเป็นซากปรักหักพัง
ที่ไม่มีใครเหลือสักคน”
12 มีใครที่เฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้บ้าง และขอให้คนที่พระยาห์เวห์พูดด้วย อธิบายเรื่องนี้ให้หน่อยว่าทำไมแผ่นดินถึงถูกทำลาย ทำไมต้องถูกเผาและทิ้งร้างเหมือนทะเลทรายที่ไม่มีใครเดินผ่าน 13 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาทอดทิ้งกฎของเรา ที่เราได้ให้ไว้ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ฟังเสียงของเรา และพวกเขาก็ไม่เดินตามกฎนั้น 14 แต่พวกเขายืนกรานที่จะทำตามจิตใจที่ดื้อดึงของตัวเอง พวกเขาหันไปติดตามพระบาอัลเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาสอนให้พวกเขาทำ” 15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด คือ “เราจะทำให้คนพวกนี้ต้องกลืนกินความขมขื่น และเราจะทำให้พวกเขาดื่มยาพิษ 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆที่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะส่งดาบตามล่าพวกเขาไป จนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนสิ้นซาก”
17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ให้ไตร่ตรองดูถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แล้วไปเรียกพวกผู้หญิงที่รับจ้างร้องไห้ในงานศพมา
ให้ไปเชิญพวกผู้หญิงที่ชำนาญในเรื่องนี้มา”
18 ผู้คนพูดว่า
“ให้พวกนางมาเร็วๆแล้วมาร้องไห้ให้พวกเรา
น้ำตาจะได้ไหลออกมาจากตาของพวกเรา
และเปลือกตาของพวกเราจะได้มีน้ำตาไหลนอง”
19 เพราะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญจากศิโยนว่า
“เราถูกทำลายถึงขนาดนี้ได้ยังไง
พวกเราอับอายเหลือเกิน
เพราะพวกเราถูกบีบบังคับให้ทิ้งแผ่นดินนี้
เมื่อพวกศัตรูพังทลายบ้านของพวกเรา”
20 ไปเรียกพวกผู้หญิง และบอกพวกเขาว่า “พวกผู้หญิง ให้ฟังพระคำของพระยาห์เวห์
และฟังว่าพระองค์พูดอะไร
ให้สอนลูกสาวของพวกเจ้าถึงวิธีร้องไห้ไว้ทุกข์
และให้ผู้หญิงไปสอนเพื่อนบ้านของเธอให้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ด้วย ที่ว่า
21 โธ่ ความตายเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว
มันเข้ามาในป้อมปราการของเราแล้ว
มันมาเพื่อกำจัดเด็กๆให้หมดไปจากถนน
และกำจัดคนหนุ่มออกจากสี่แยกต่างๆ”
22 เยเรมียาห์ ให้พูดเรื่องพวกนี้
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด “ศพคนจะกองกันอยู่บนพื้นเหมือนมูลสัตว์
เหมือนฟ่อนข้าวที่ถูกทิ้งไว้หลังเก็บเกี่ยว
และไม่มีใครไปเก็บรวบรวมมัน”
23 พระยาห์เวห์พูดว่า
“อย่าให้คนฉลาด
โอ้อวดสติปัญญาของตัวเอง
อย่าให้คนแข็งแรง
โอ้อวดความแข็งแกร่งของตัวเอง
และอย่าให้คนรวย
โอ้อวดความร่ำรวยของตัวเอง
24 แต่ให้คนที่โอ้อวด โอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ
ให้เขาโอ้อวดว่าเขามีความเข้าใจและรู้จักเรา
เขารู้ว่าเราคือยาห์เวห์
ผู้ที่มีความรักมั่นคง มีความยุติธรรม
และมีความชอบธรรมในแผ่นดินนี้
และเขาก็รู้ว่าเราชอบใจในเรื่องพวกนี้”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
25 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึงแล้ว วันที่เราจะจัดการลงโทษทุกคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอก 26 เราจะลงโทษอียิปต์ ยูดาห์ เอโดม อัมโมน และโมอับ และเราจะลงโทษคนพวกนั้นทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งและเข้าพิธีโกนผมจอน[c] เพราะพลเมืองของชนชาติอื่นๆทั้งหมด ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่คนอิสราเอลทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบที่ใจ”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International