Chronological
เยเรมีย์อยู่ในบ่อเก็บน้ำ
38 เชฟาทิยาห์บุตรมัทธาน เก-ดาลิยาห์บุตรปาชเฮอร์ ยูคาลบุตรเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์บุตรมัลคิยาห์ทราบมาว่า เยเรมีย์กำลังพูดกับประชาชนทั้งปวงดังนี้ 2 “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘ผู้ที่อยู่ในเมืองนี้จะตายด้วยการต่อสู้ การอดอยาก และด้วยโรคระบาด แต่ผู้ที่ออกไปพบกับพวกชาวเคลเดียจะมีชีวิตคงอยู่ และจะเอาชีวิตหนีรอดไปได้ และมีชีวิตอยู่ 3 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า เมืองนี้จะถูกมอบไว้ในมือของกองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และจะถูกยึดไป’” 4 บรรดาผู้นำพูดกับกษัตริย์ดังนี้ว่า “ฆ่าชายผู้นี้เถิด เพราะเขากำลังทำลายกำลังใจเหล่าทหารที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้และประชาชนทั้งปวง ด้วยการพูดสิ่งเหล่านี้กับพวกเขา เพราะชายผู้นี้ไม่หวังดีต่อประชาชนเลย แต่กลับหวังร้ายต่อพวกเขา” 5 กษัตริย์เศเดคียาห์ตอบว่า “ดูเถิด เขาอยู่ใต้อำนาจของพวกท่าน กษัตริย์ไม่สามารถจะขัดขวางพวกท่านได้” 6 ดังนั้น พวกเขาจึงจับเยเรมีย์ไป และใช้เชือกหย่อนท่านลงในบ่อเก็บน้ำของมัลคิยาห์บุตรของกษัตริย์ บ่อนั้นอยู่ที่ลานทหารยาม เป็นบ่อน้ำแห้งซึ่งมีแต่โคลน เยเรมีย์จึงจมลงในโคลน
เยเรมีย์ขึ้นจากบ่อน้ำ
7 เมื่อเอเบดเมเลคขันทีชาวคูชผู้อยู่ในวังกษัตริย์ ทราบว่าเยเรมีย์ถูกบังคับให้อยู่ในบ่อน้ำ ขณะนั้นกษัตริย์กำลังนั่งอยู่ที่ประตูเบนยามิน 8 เอเบดเมเลคออกไปจากวังของกษัตริย์ และพูดกับกษัตริย์ว่า 9 “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ชายเหล่านี้ได้ทำสิ่งชั่วร้ายต่อเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าในทุกเรื่อง เขาให้เยเรมีย์ลงไปอยู่ในบ่อเก็บน้ำ ท่านจะต้องหิวตายที่นั่น เพราะไม่มีอาหารเหลืออยู่ในเมืองแล้ว” 10 กษัตริย์จึงสั่งเอเบดเมเลคชาวคูชว่า “พาชาย 30 คนจากที่นี่ไปกับเจ้า และช่วยดึงเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าออกจากบ่อเก็บน้ำก่อนที่เขาจะตาย” 11 ดังนั้น เอเบดเมเลคจึงพาพวกผู้ชายไปยังวังของกษัตริย์กับเขา เขาเอาเศษผ้าและเสื้อเก่าจากห้องใต้คลัง พร้อมกับหย่อนเชือกลงในบ่อเก็บน้ำให้เยเรมีย์ 12 เอเบดเมเลคชาวคูชบอกเยเรมีย์ว่า “ใช้เศษผ้าหนุนระหว่างใต้รักแร้กับเชือก” เยเรมีย์ก็ทำตาม 13 แล้วพวกเขาก็ใช้เชือกดึงเยเรมีย์ขึ้นออกจากบ่อน้ำ เยเรมีย์อยู่ที่ลานทหารยามต่อไป
เยเรมีย์ให้คำเตือนแก่เศเดคียาห์อีก
14 กษัตริย์เศเดคียาห์ให้คนไปตามเยเรมีย์มาพบท่านที่ทางเข้าที่สามของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์กล่าวกับเยเรมีย์ดังนี้ “เรามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะถามท่าน ท่านอย่าปกปิดเรา” 15 เยเรมีย์ตอบเศเดคียาห์ดังนี้ “ถ้าข้าพเจ้าบอกท่าน แล้วท่านจะไม่ฆ่าข้าพเจ้าหรือ ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าให้คำแนะนำ ท่านก็จะไม่ฟังข้าพเจ้า” 16 กษัตริย์เศเดคียาห์สาบานกับเยเรมีย์เป็นการส่วนตัวดังนี้ “พระผู้เป็นเจ้าผู้ให้ชีวิตแก่พวกเรา ตราบที่พระองค์มีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะไม่ฆ่าท่านและไม่มอบท่านไว้ในมือของบรรดาผู้ที่ต้องการจะฆ่าท่าน”
17 เยเรมีย์จึงตอบเศเดคียาห์ดังนี้ “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ถ้าท่านยอมจำนนต่อบรรดาผู้นำของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ท่านก็จะไม่ถูกฆ่า และเมืองนี้จะไม่ถูกไฟเผา ทั้งตัวท่านและครอบครัวก็จะรอดชีวิต 18 แต่ถ้าท่านไม่ยอมจำนนต่อบรรดาผู้นำของกษัตริย์แห่งบาบิโลน เมืองนี้ก็จะถูกมอบไว้ในมือของชาวเคลเดีย และพวกเขาจะเผาเมือง และท่านจะไม่รอดจากมือของพวกเขา” 19 กษัตริย์เศเดคียาห์บอกเยเรมีย์ว่า “เรากลัวชาวยูดาห์ที่ได้ยอมจำนนแก่ชาวเคลเดีย เรากลัวว่าเราจะถูกมอบตัวให้แก่พวกเขา และจะถูกทำร้าย” 20 เยเรมีย์ตอบว่า “ท่านจะไม่ถูกมอบตัวให้แก่พวกเขา เวลานี้ท่านจงเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าในสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกท่าน และทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีกับท่าน และท่านจะรอดชีวิต 21 แต่ถ้าท่านไม่ยอมจำนน ภาพนิมิตที่พระผู้เป็นเจ้าให้ข้าพเจ้าเห็นก็คือ 22 ดูเถิด ผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์กำลังถูกนำตัวออกไปยังบรรดาผู้นำของกษัตริย์แห่งบาบิโลน พวกเขาพูดถึงท่านดังนี้ว่า
‘เพื่อนทั้งหลายของท่านที่ท่านไว้วางใจได้หลอกลวงท่าน
และทำตามที่พวกเขาต้องการ
เท้าของท่านจมอยู่ในโคลน
พวกเขาทอดทิ้งท่านไป’
23 บรรดาภรรยาและบุตรชายของท่านจะถูกนำออกไปมอบแก่ชาวเคลเดีย และท่านเองจะหนีไม่รอดจากมือของพวกเขา แต่จะถูกกษัตริย์แห่งบาบิโลนจับกุม และเมืองนี้จะถูกไฟไหม้”
24 แล้วเศเดคียาห์พูดกับเยเรมีย์ว่า “อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ แล้วท่านจะไม่ตาย 25 ถ้าบรรดาผู้นำทราบว่าเราได้พูดกับท่าน และพวกเขามาหาท่านเพื่อถามท่านว่า ‘บอกพวกเราเถิดว่า ท่านพูดอะไรกับกษัตริย์ และกษัตริย์พูดอะไรกับท่านบ้าง อย่าปกปิดพวกเรา และพวกเราจะไม่ฆ่าท่าน’ 26 ท่านจงบอกพวกเขาว่า ‘ข้าพเจ้าน้อมตัวลงด้วยคำขอร้องต่อกษัตริย์ว่า ท่านจะไม่ส่งข้าพเจ้ากลับไปที่บ้านของโยนาธานให้ไปตายที่นั่น’” 27 แล้วผู้นำทั้งปวงมาหาเยเรมีย์ และถามท่าน ท่านก็ตอบพวกเขาตามที่กษัตริย์สั่ง ดังนั้น พวกเขาจึงไม่พูดกับท่านอีก เพราะไม่มีใครทราบว่าท่านพูดสิ่งใดกับกษัตริย์ 28 เยเรมีย์จึงอยู่ที่ลานทหารยามต่อไปจนถึงวันที่เยรูซาเล็มถูกยึด
เยรูซาเล็มถล่ม
39 ในปีที่เก้าของรัชสมัยเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ในเดือนที่สิบ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและกองทัพของท่านทั้งหมดมาโจมตีเยรูซาเล็มและยึดไว้ได้ 2 ในปีที่สิบเอ็ดของรัชสมัยเศเดคียาห์ วันที่เก้าของเดือนที่สี่ กำแพงเมืองถูกพังลง 3 ครั้นแล้วผู้นำทั้งหมดของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจึงเข้าไปนั่งที่ประตูกลาง รวมทั้งเนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สาร์เสคิมผู้บัญชาการ เนอร์กัลชาเรเซอร์ผู้นำ ร่วมกับผู้นำอื่นๆ ทั้งหมดของกษัตริย์แห่งบาบิโลน 4 เมื่อเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์และทหารทั้งหมดเห็นพวกเขา ก็พากันหนีออกไปจากเมืองในเวลากลางคืน ไปทางสวนของกษัตริย์ ผ่านทางประตูเมืองระหว่าง 2 กำแพง และพวกเขาไปทางที่จะไปอาราบาห์ 5 แต่กองทัพของชาวเคลเดียไล่ตามพวกเขาไป และจับกุมเศเดคียาห์ได้ในที่ราบเยรีโค เมื่อพวกเขาจับตัวท่านได้แล้วก็นำไปส่งให้เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ในอาณาเขตของฮามัท และเนบูคัดเนสซาร์ประกาศโทษแก่ท่าน 6 กษัตริย์แห่งบาบิโลนสังหารบรรดาบุตรชายของเศเดคียาห์ที่ริบลาห์ต่อหน้าท่าน และกษัตริย์แห่งบาบิโลนสังหารบรรดาผู้นำของยูดาห์ทั้งหมด 7 เศเดคียาห์ถูกควักลูกตา และถูกล่ามโซ่ไปยังบาบิโลน 8 ชาวเคลเดียเผาวังกษัตริย์และบ้านประชาชน และพังกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม 9 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันได้กวาดต้อนประชาชนที่เหลืออยู่ในเมืองและพวกที่ยอมจำนนแก่เขา รวมทั้งประชาชนที่ยังเหลืออยู่ให้ไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 10 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันไม่ได้จับกุมคนยากจนบางคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ให้พวกเขาอยู่ต่อในแผ่นดินของยูดาห์ และในขณะเดียวกันก็ยังให้สวนองุ่นและไร่นาแก่พวกเขาด้วย
พระผู้เป็นเจ้าช่วยเยเรมีย์ให้รอด
11 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนบัญชาผ่านเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันเรื่องเยเรมีย์ว่า 12 “จงพาตัวเขาไป ดูแลเขาให้ดี และอย่าทำร้ายเขา เขาขอสิ่งใดก็จงทำตามนั้น” 13 ดังนั้น เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกัน เนบูชัสบานผู้บัญชาการ เนอร์กัลชาเรเซอร์ผู้นำ และบรรดาผู้นำทั้งหมดของกษัตริย์แห่งบาบิโลน 14 ให้คนไปนำเยเรมีย์มาจากลานทหารยาม และให้ท่านอยู่ในความดูแลของเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟาน เพื่อให้เขาพาท่านกลับบ้าน ท่านจึงได้อาศัยอยู่ท่ามกลางประชาชน
15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ขณะที่ท่านถูกกักขังที่ลานทหารยามดังนี้ 16 “จงไปบอกเอเบดเมเลคชาวคูชว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ดูเถิด เราจะให้ความวิบัติเกิดขึ้นกับเมืองนี้ตามคำพูดของเรา ไม่ให้รับความเจริญ และจะเกิดขึ้นต่อหน้าเจ้าในวันนั้น 17 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราจะช่วยเจ้าให้รอดชีวิตในวันนั้น และเจ้าจะไม่ถูกมอบไว้ในมือของบรรดาผู้ที่เจ้ากลัว 18 เพราะเราจะช่วยเจ้าให้รอดชีวิตอย่างแน่นอน และเจ้าจะไม่ถูกฆ่า และเจ้าจะเอาชีวิตหนีรอดไปได้ เพราะเจ้าได้ไว้วางใจเรา พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’”
เยเรมีย์อยู่ต่อในยูดาห์
40 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันได้ปล่อยท่านไปจากรามาห์ เขาเห็นว่าเยเรมีย์ถูกล่ามโซ่ในหมู่เชลยที่มาจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ ซึ่งกำลังถูกคุมตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 2 ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันพาเยเรมีย์มา และพูดดังนี้ว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านลั่นวาจาถึงความพินาศของที่แห่งนี้ 3 พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ความพินาศเกิดขึ้นและกระทำตามที่พระองค์กล่าวไว้ เพราะพวกท่านเองทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า และไม่เชื่อฟังพระองค์ เรื่องจึงได้เกิดขึ้นกับพวกท่าน 4 ดูเถิด วันนี้เราปลดโซ่จากมือท่าน และปล่อยท่านให้เป็นอิสระ ถ้าท่านเห็นว่าเป็นการดีที่จะไปยังบาบิโลนกับเรา ท่านก็มากับเรา และเราจะดูแลท่านเป็นอย่างดี แต่ถ้าท่านเห็นว่าเป็นการกระทำผิดที่จะไปยังบาบิโลนกับเรา ท่านก็อย่ามา ท่านก็เห็นแล้วว่าแผ่นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านไปที่ไหนก็ได้ตามที่ท่านเห็นว่าดีและเหมาะควร” 5 ในเมื่อเยเรมีย์ยังอยู่ที่นั่น เขาพูดต่ออีกว่า “ท่านกลับไปหาเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟาน ผู้ที่กษัตริย์แห่งบาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการของเมืองต่างๆ ในยูดาห์ และท่านไปอาศัยอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชน หรือไม่ก็ไปยังที่ที่ท่านต้องการ” ดังนั้นผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจึงให้อาหารแก่เยเรมีย์ติดตัวไป พร้อมกับให้ของขวัญและปล่อยท่านไป 6 ครั้นแล้ว เยเรมีย์จึงไปหาเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามที่มิสปาห์ และอาศัยอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน
7 เมื่อบรรดาผู้บัญชาการและเหล่าทหารที่ประจำอยู่ในทุ่งโล่งทราบว่า กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามให้เป็นผู้ว่าราชการของแผ่นดิน และได้ให้เขาปกครองคนที่ยากจนที่สุดในแผ่นดินทุกเพศทุกวัย ซึ่งไม่ถูกจับไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 8 พวกเขาจึงพากันไปหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ โยฮานานบุตรคาเรอัค เสไรยาห์บุตรทันหุเมท บรรดาบุตรของเอฟายชาวเนโทฟาห์ เยซานิยาห์บุตรตระกูลมาอาคาห์ และเหล่าทหารของพวกเขา 9 เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟานสาบานต่อชายเหล่านั้นและเหล่าทหารว่า “อย่ากลัวที่จะรับใช้ชาวเคลเดีย จงอาศัยอยู่ในแผ่นดิน และรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีกับท่าน 10 สำหรับเราแล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่มิสปาห์ เพื่อเป็นผู้แทนของพวกท่านให้กับชาวเคลเดียที่จะมาหาเรา ส่วนพวกท่านจงสะสมเหล้าองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมัน และเก็บไว้ในภาชนะ และอาศัยอยู่ในเมืองที่พวกท่านยึดไป” 11 ในขณะเดียวกัน ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่อยู่ในโมอับและท่ามกลางชาวอัมโมน ในเอโดม และในอาณาเขตอื่นๆ ทราบว่ากษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ให้ผู้คนจำนวนหนึ่งมีชีวิตเหลืออยู่ในยูดาห์ อีกทั้งแต่งตั้งเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟานให้เป็นผู้ว่าราชการปกครองพวกเขา 12 และชาวยูดาห์ทั้งปวงออกไปจากทุกที่ซึ่งพวกเขาถูกขับไล่ให้ไปอยู่ แล้วก็กลับมายังยูดาห์ ไปหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ พวกเขาเก็บสะสมเหล้าองุ่นและผลไม้ฤดูร้อนได้มากมาย
13 โยฮานานบุตรคาเรอัคและบรรดาผู้บัญชาการที่อยู่ในทุ่งโล่งมาหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 14 และพูดกับเขาว่า “ท่านทราบไหมว่า บาอาลิสกษัตริย์ของชาวอัมโมนได้ให้อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์มาฆ่าท่าน” แต่เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามไม่เชื่อพวกเขา 15 โยฮานานบุตรคาเรอัคจึงพูดกับเก-ดาลิยาห์เป็นการลับที่มิสปาห์ดังนี้ว่า “โปรดให้เราไปฆ่าอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ และจะไม่มีใครทราบเรื่องนี้ ทำไมท่านจึงจะยอมให้เขาฆ่าท่าน ซึ่งจะทำให้ชาวยิวทั้งปวงที่อยู่รอบตัวท่านกระเจิดกระเจิงไป และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยูดาห์จะพลอยวอดวายไปด้วย” 16 แต่เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามพูดกับโยฮานานบุตรคาเรอัคว่า “ท่านอย่าทำอย่างนั้นเลย เพราะสิ่งที่ท่านกำลังพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลนั้นไม่เป็นความจริง”
อธิษฐานให้ชนชาติของพระองค์รอดพ้นจากศัตรู
เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของอาสาฟ
1 โอ พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งพวกเราไปตลอดกาล
ทำไมความกริ้วของพระองค์จึงปะทุขึ้นต่อฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
2 โปรดระลึกถึงคนของพระองค์ที่ได้เลือกไว้แต่เก่าก่อน
ที่พระองค์ได้ไถ่ให้เป็นเผ่าพันธุ์ของผู้สืบมรดกของพระองค์
โปรดระลึกถึงภูเขาศิโยน อันเป็นที่ซึ่งพระองค์เคยพำนัก
3 โปรดก้าวเท้าไปสำรวจสิ่งที่ปรักหักพังเป็นนิตย์
พวกศัตรูได้ทำลายทุกสิ่งในสถานที่บริสุทธิ์
4 พวกข้าศึกได้ตะโกนร้องด้วยชัยชนะท่ามกลางที่ประชุมของพระองค์
พวกเขาตั้งธงชัยขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของเขาเอง
5 ดูเหมือนว่าพวกเขายกขวานขึ้น
จามไม้ในป่าทึบ
6 ในทันใดนั้นเขาก็ทำลายส่วนที่เป็นไม้สลักทั้งหมดลง
ด้วยขวานและค้อน
7 พวกเขาเอาไฟเผาที่พำนักของพระองค์
เขาทำให้สถานที่อันเป็นที่ซึ่งพระองค์ได้รับการนมัสการเป็นมลทินไปทุกกระเบียดนิ้ว
8 พวกเขาคิดอยู่ในใจว่า “เรามาทำให้พวกเขาพินาศย่อยยับกันเถิด”
แล้วเขาก็เผาสถานที่ประชุมของพระเจ้าทุกแห่งในแผ่นดิน
9 พวกเราไม่เห็นสัญลักษณ์สำหรับพวกเราเลย
ไม่มีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอีกแล้ว
และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเราทราบว่าจะเป็นเวลานานแค่ไหน
10 โอ พระเจ้า นานเพียงไรที่ศัตรูจะเยาะเย้ยพระองค์
พวกเขาจะดูถูกพระนามของพระองค์ไปตลอดกาลหรือ
11 ทำไมพระองค์จึงยั้งมือขวาของพระองค์ไว้
ยื่นมือออกจากทรวงอกของพระองค์เถิด ทำลายให้จบสิ้นไป
12 โอ พระเจ้า กษัตริย์ของข้าพเจ้าแต่ก่อนเก่า
พระองค์นำความรอดพ้นมายังแผ่นดินโลก
13 พระองค์แยกน้ำทะเลออกด้วยอานุภาพของพระองค์
พระองค์หักหัวฝูงมังกรในน้ำ
14 พระองค์ขยี้หัวตัวเหรา[a]
พระองค์ให้มันเป็นอาหารสำหรับสัตว์ในทะเลทราย
15 พระองค์ทำให้น้ำพุและลำธารมีน้ำไหลพุ่ง
พระองค์ทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่เหือดแห้ง
16 กลางวันเป็นของพระองค์ และกลางคืนก็ยังคงเป็นของพระองค์เช่นกัน
พระองค์สร้างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
17 พระองค์กำหนดเขตแดนของทุกสิ่งบนโลก
ให้มีฤดูร้อนและฤดูหนาว
18 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ตระหนักด้วยว่า พวกศัตรูหัวเราะเยาะพระองค์
และคนโง่พากันเย้ยหยันพระนามของพระองค์
19 อย่ายกชีวิตนกพิราบของพระองค์ให้พวกสัตว์ป่า
อย่าลืมชีวิตของคนยากจนของพระองค์โดยสิ้นเชิง
20 โปรดคำนึงถึงพันธสัญญาของพระองค์
เพราะทุกมุมมืดเต็มด้วยการกระทำอันรุนแรง
21 อย่าปล่อยให้คนที่ถูกบีบบังคับต้องถูกเหยียดหยาม
ให้ผู้ขัดสนและผู้ยากไร้สรรเสริญพระนามของพระองค์
22 โอ พระเจ้า พระองค์โปรดลุกขึ้นสู้ความ
ตระหนักเถิดว่าคนเขลาหัวเราะเยาะพระองค์ตลอดวันเวลา
23 อย่าลืมเสียงร้องของศัตรูของพระองค์
มันคือเสียงก่อกวนของฝ่ายตรงข้ามที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
อธิษฐานให้ประชาชาติรอดพ้น
เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 โอ พระเจ้า บรรดาประชาชาติได้เข้ามายังแผ่นดินที่พระองค์ให้พวกเรารับเป็นมรดก
พวกเขาทำให้พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์เป็นมลทิน
และทำให้เยรูซาเล็มพังพินาศไปแล้ว
2 พวกเขาให้ร่างของบรรดาผู้รับใช้พระองค์
เป็นอาหารแก่นกในอากาศ
และให้เนื้อหนังของเหล่าผู้ภักดีของพระองค์แก่สัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก
3 พวกเขาได้เทโลหิตของคนเหล่านั้นดั่งสายน้ำ
ไหลไปรอบๆ เยรูซาเล็ม
และไม่มีใครฝังศพเขาเลย
4 พวกเรากลายเป็นผู้ถูกเหยียดหยามในหมู่เพื่อนบ้านเรา
พวกเขาล้อเลียนและหัวเราะเยาะรายรอบข้างเรา
5 นานเพียงไร โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะโกรธไปเป็นนิตย์หรือ
ความหวงแหนของพระองค์จะลุกไหม้เหมือนไฟหรือ
6 กระหน่ำความโกรธของพระองค์ลงบนบรรดาประชาชาติที่ไม่รู้จักพระองค์
บนอาณาจักรต่างๆ ที่ไม่ร้องเรียกพระนามของพระองค์
7 เพราะพวกเขาได้กลืนกินพงศ์พันธุ์ของยาโคบ
และทำให้บ้านเมืองเป็นที่รกร้าง
8 อย่าคำนึงถึงบาปของบรรพบุรุษของเรา
โปรดสงสารพวกเราในเวลานี้โดยไม่รอช้า
เพราะเราหมดกำลังใจแล้ว
9 โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเรา ช่วยพวกเราด้วย
เพื่อเกียรติแห่งพระนามของพระองค์
ช่วยเราให้รอดพ้นและยกโทษบาปแก่พวกเรา
เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์เถิด
10 ทำไมบรรดาประชาชาติจึงเอ่ยว่า
“พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน”
ให้พวกเราเห็นการแก้แค้นของพระองค์ และเป็นที่ทราบกันในบรรดาประชาชาติ
เพื่อโลหิตของบรรดาผู้รับใช้พระองค์
11 โปรดฟังเสียงคร่ำครวญของพวกนักโทษ
และด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โปรดปล่อยพวกที่จะต้องตายให้เป็นอิสระ
12 ชำระคืนเป็น 7 เท่าตรงทรวงอกของเพื่อนบ้านเรา
เพื่อตอบการเหยียดหยามที่พวกเขากระทำต่อพระผู้เป็นเจ้า
13 แล้วพวกเราคือชนชาติของพระองค์ ฝูงแกะที่ทุ่งหญ้าของพระองค์
จะขอบคุณพระองค์ไปตลอดกาล
พวกเราจะสรรเสริญพระองค์ทุกชั่วอายุคน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation