Chronological
ช่างปั้นหม้อและดินเผา
18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ดังนี้ว่า 2 “จงลุกขึ้น และลงไปยังบ้านของช่างปั้นหม้อ และเราจะพูดกับเจ้า” 3 ข้าพเจ้าจึงลงไปยังบ้านของช่างปั้นหม้อ และเห็นเขากำลังใช้แป้นหมุน 4 และภาชนะดินเผาอยู่ในมือช่างปั้นหม้อที่กำลังปั้นซึ่งไม่ได้รูปทรง เขาจึงปั้นให้เป็นภาชนะทรงใหม่ ตามที่ช่างปั้นหม้อเห็นสมควร
5 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ 6 “โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะทำกับพวกเจ้าอย่างที่ช่างปั้นหม้อผู้นี้ทำไม่ได้หรือ พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดูเถิด ดินเหนียวอยู่ในมือช่างปั้นหม้อเช่นไร พวกเจ้าก็อยู่ในมือเราเช่นนั้น โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย 7 ถ้าเวลาใดก็ตามที่เราประกาศถึงชาติหนึ่งหรืออาณาจักรหนึ่งว่า เราจะถอนและทำให้พังและพินาศ 8 และถ้าประชาชาติที่เราได้พูดถึงนั้นหันไปจากความชั่ว เราก็จะเปลี่ยนความตั้งใจและไม่ให้ความวิบัติเกิดขึ้น 9 และถ้าเวลาใดก็ตามที่เราประกาศถึงประชาชาติหนึ่งหรืออาณาจักรหนึ่งว่า เราจะสร้างและปลูกพวกเขาขึ้นมา 10 และถ้าพวกเขากระทำความชั่วในสายตาของเรา ไม่เชื่อฟังเรา เราก็จะเปลี่ยนความตั้งใจจากเดิมที่จะทำให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้น 11 ฉะนั้น บัดนี้จงพูดกับผู้คนของยูดาห์และบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ดูเถิด เรากำลังเตรียมความวิบัติให้เกิดขึ้นแก่พวกเจ้า กำลังวางแผนขัดขวางพวกเจ้า ทุกคนจงหันไปจากวิถีทางชั่วของตน และเปลี่ยนวิถีทางและการกระทำของพวกเจ้า’
12 แต่พวกเขาพูดว่า ‘ไร้ประโยชน์ พวกเราจะทำตามแผนของเราเอง เราแต่ละคนจะกระทำตามใจดื้อรั้น ตามใจอันชั่วร้ายของตนต่อไป’”
13 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“จงถามบรรดาประชาชาติว่า
ใครเคยได้ยินเช่นนี้บ้างว่า
อิสราเอลผู้บริสุทธิ์
ได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายมาก
14 หิมะของเลบานอน
เคยละลายไปจากเนินหินหรือ
ธารน้ำเย็นๆ จากเทือกเขา
จะเหือดแห้งหรือ
15 แต่ชนชาติของเราได้ลืมเราแล้ว
พวกเขาเผาเครื่องหอมแก่สิ่งไร้ค่า
ซึ่งทำให้พวกเขาสะดุดในทางที่พวกเขาไป
และในหนทางของโบราณกาล
และกลับไปเดินทางลัด
แทนที่จะเป็นทางสายใหญ่
16 ทำให้แผ่นดินของพวกเขาเป็นที่น่าหวาดกลัว
เป็นสิ่งที่ต้องถูกเหน็บแนมไปตลอดกาล
ทุกคนที่ผ่านไปก็จะหวาดผวา
และสั่นศีรษะ
17 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายออกไป
ต่อหน้าศัตรูอย่างลมตะวันออก
ในวันแห่งความวิบัติ
เราจะหันหลังให้พวกเขา ไม่ใช่หันหน้า”
18 แล้วพวกเขาพูดว่า “มาเถิด เรามาวางแผนคัดค้านเยเรมีย์ เพราะยังจะมีปุโรหิตที่ใช้กฎบัญญัติสั่งสอน และมีการให้คำแนะนำจากผู้เรืองปัญญา และมีการเผยความจากผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า มาเถิด เรามาพูดโจมตีเขา และเราอย่าสนใจในสิ่งที่เขาพูดเลย”
19 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังข้าพเจ้า
และฟังว่าศัตรูของข้าพเจ้าพูดอะไรบ้าง
20 ความดีควรจะได้รับความชั่วเป็นการตอบแทนหรือ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักเพื่อเอาชีวิตข้าพเจ้า
พระองค์จำได้ไหมว่า ข้าพเจ้ายืน ณ เบื้องหน้าพระองค์
และพูดแทนพวกเขา
เพื่อไม่ให้พระองค์ลงโทษพวกเขา
21 ฉะนั้น ขอพระองค์ให้พวกลูกๆ ของพวกเขาอดอยาก
ให้พวกเขาตายในการสู้รบ
ให้ภรรยาของพวกเขาเสียสามีและลูกๆ
ขอให้พวกผู้ชายเป็นโรคตาย
ชายหนุ่มถูกดาบฆ่าตายในการต่อสู้
22 เมื่อพระองค์ให้มีคนปล้นบ้านพวกเขาอย่างฉับพลัน
ก็ขอให้เสียงร้องจากบ้านของพวกเขาเป็นที่ได้ยิน
เพราะพวกเขาได้ขุดหลุมพรางดักข้าพเจ้า
และวางกับดักเท้าข้าพเจ้า
23 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบ
แผนการทุกอย่างที่พวกเขาจะปลิดชีวิตข้าพเจ้า
ขอพระองค์อย่าลืมความชั่วของพวกเขา
และอย่าลบล้างบาปของพวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์
ปล่อยให้พวกเขาถูกกำจัดต่อหน้าพระองค์
โปรดจัดการพวกเขาเมื่อพระองค์กริ้วเถิด
โถแตก
19 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “จงไปซื้อโถดินเผาของช่างปั้นหม้อ และขอให้บรรดาผู้ใหญ่ของประชาชน และผู้ใหญ่ของปุโรหิตบางคนไปด้วย 2 และจงไปยังหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม ที่ทางเข้าของประตูหม้อแตก และประกาศสิ่งที่เราบอกเจ้าที่นั่น 3 เจ้าจงพูดดังนี้ ‘จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า โอ บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลกล่าวว่า ดูเถิด เรากำลังจะนำความวิบัติมาสู่ที่นี้ ซึ่งจะทำให้ทุกคนที่ได้ยินต้องหูดับ 4 เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งเรา และได้ดูหมิ่นสถานที่นี้ด้วยการมอบของถวายให้แก่บรรดาเทพเจ้า ซึ่งทั้งพวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา และบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่รู้จัก และเพราะว่าพวกเขาได้ทำให้สถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้ไร้ความผิดซึ่งถูกฆ่า 5 และได้สร้างสถานบูชาบนภูเขาสูงแก่เทพเจ้าบาอัลเพื่อเผาลูกๆ ของพวกเขาในกองไฟเพื่อเป็นสิ่งที่ใช้เผาเป็นของถวายแก่เทพเจ้าบาอัล ซึ่งเราไม่ได้บัญชาหรือออกคำสั่งให้ทำ และไม่เคยแม้แต่จะคิด 6 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาที่จะไม่มีชื่อว่า โทเฟท อีกแล้ว หรือหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม แต่จะเป็นหุบเขาแห่งการประหาร 7 และเราจะทำให้แผนของยูดาห์และเยรูซาเล็มพังในที่นี้ และทำให้พวกเขาล้มตายในการสู้รบต่อหน้าพวกศัตรู และด้วยมือของบรรดาผู้ตามล่าชีวิตพวกเขา เราจะให้ร่างของพวกเขาเป็นอาหารแก่พวกนกในอากาศ และแก่สัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก 8 และเราจะทำให้เมืองนี้เป็นที่น่าหวาดกลัว เป็นสิ่งที่ต้องถูกเหน็บแนม ทุกคนที่ผ่านไปก็จะหวาดผวาและเหน็บแนมเพราะความวิบัติทั้งสิ้น 9 เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อลูกชายและลูกสาวของตนเอง และทุกคนจะกินเนื้อเพื่อนบ้านในยามถูกล้อมและเป็นทุกข์ อันเกิดจากศัตรูของพวกเขาเอง และจากบรรดาผู้ที่ตามล่าชีวิตซึ่งทำให้พวกเขาลำบาก’
10 แล้วเจ้าจงทุบโถให้แตกต่อหน้าพวกที่ไปกับเจ้า 11 และจงพูดกับพวกเขาว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า เราจะทำให้ชนชาตินี้และเมืองนี้แตกหัก อย่างเช่นผู้ที่ทำให้ภาชนะของช่างปั้นหม้อแตกหัก จนไม่มีใครจะซ่อมได้ พวกเขาจะฝังศพในโทเฟท เพราะไม่มีที่อื่นจะฝัง 12 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ฉะนั้นเราจะทำเช่นนั้นกับที่แห่งนี้และกับบรรดาผู้อยู่อาศัย ทำให้เมืองนี้เป็นอย่างโทเฟท 13 บ้านทั้งหลายของเยรูซาเล็มและของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ บ้านทุกหลังที่มีการเผาเครื่องหอมบนหลังคาให้แก่สรรพสิ่งบนท้องฟ้า และเครื่องดื่มบูชาที่รินให้แก่ปวงเทพเจ้า จะเป็นมลทินอย่างโทเฟท’”[a]
14 แล้วเยเรมีย์ก็ไปจากโทเฟท ซึ่งเป็นเมืองที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งท่านไปเผยความ ท่านยืนที่ลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และพูดกับชนชาติทั้งปวงว่า 15 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “ดูเถิด เรากำลังนำความวิบัติที่เราได้พูดคัดค้านเมืองนี้และหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะพวกเขาหัวแข็ง ไม่ยอมฟังคำของเรา”
ปาชเฮอร์กดขี่ข่มเหงเยเรมีย์
20 ปาชเฮอร์บุตรของอิมเมอร์ เป็นปุโรหิตผู้เป็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ประจำพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ได้ยินเยเรมีย์เผยความถึงสิ่งเหล่านี้ 2 ปาชเฮอร์จึงโบยตีเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และจับท่านใส่ขื่อกักไว้ที่ประตูเบนยามินด้านบนของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 3 วันรุ่งขึ้นเมื่อปาชเฮอร์ปลดปล่อยเยเรมีย์ออกจากขื่อ เยเรมีย์พูดกับเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าไม่เรียกชื่อท่านว่า ปาชเฮอร์ แต่เป็น ‘ความน่ากลัวอยู่รอบด้าน’ 4 เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นความน่ากลัวต่อตัวเจ้าเองและต่อเพื่อนของเจ้าทุกคน เจ้าจะเห็นพวกเขาถูกศัตรูฆ่า และเราจะมอบชาวยูดาห์ทั้งปวงไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และจะถูกจับไปเป็นเชลยของบาบิโลน หรือไม่ก็จะถูกฆ่าฟันตาย 5 ยิ่งกว่านั้น เราจะมอบความมั่งคั่งของเมือง ทุกสิ่งที่ตรากตรำได้มา ของทุกสิ่งที่มีค่า และสมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ไว้ในมือของพวกศัตรูที่มาปล้น จับกุมและนำตัวพวกเขาไปยังบาบิโลน 6 ตัวเจ้าเองปาชเฮอร์และทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านของเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย เจ้าจะไปยังบาบิโลนและจะตายที่นั่น ทั้งตัวเจ้าและเพื่อนทั้งปวงของเจ้าจะถูกฝัง เจ้าได้เผยความเท็จแก่พวกเพื่อนๆ ของเจ้า’”
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหลงเชื่อ
และข้าพเจ้าก็เชื่อ
พระองค์เข้มแข็งกว่าข้าพเจ้า
และพระองค์ก็ชนะ
ข้าพเจ้าเป็นที่หัวเราะเยาะตลอดวันเวลา
ทุกคนล้อเลียนข้าพเจ้า
8 เพราะเมื่อใดที่ข้าพเจ้าพูด ข้าพเจ้าส่งเสียงร้อง
ข้าพเจ้าตะโกนขึ้นว่า “ความรุนแรงและความพินาศ”
เพราะข้าพเจ้าถูกติเตียนและล้อเลียน
ก็เพราะคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าตลอดวันเวลา
9 แต่ถ้าข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยถึงพระองค์
หรือพูดในพระนามของพระองค์อีกต่อไป”
ใจข้าพเจ้าก็จะร้อนดั่งไฟเผา
ร้อนลึกถึงกระดูก
และข้าพเจ้าอ่อนกำลังเมื่อยับยั้งปาก
และข้าพเจ้าก็ยับยั้งไว้ไม่ได้
10 เพราะข้าพเจ้าได้ยินเสียงกระซิบจากหลายคน
ความน่ากลัวอยู่รอบด้าน
เพื่อนสนิทของข้าพเจ้าทุกคน
ที่กำลังคอยดูข้าพเจ้าล้มเหลวพูดกันว่า
“ไปรายงานเรื่องของเขา เราไปรายงานเรื่องของเขาเถิด
เขาอาจจะหลงกล
แล้วพวกเราจะเอาชนะเขาได้
และแก้แค้นเขา”
11 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้าอย่างนักรบผู้แข็งแกร่ง
ดังนั้น พวกที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุด
พวกเขาจะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้
และจะต้องอับอาย
เพราะจะไม่พบความสำเร็จ
พวกเขาจะถูกหลู่เกียรติ
อย่างไม่มีวันลืมได้
12 โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ผู้ทดสอบด้วยความชอบธรรม
ผู้เห็นจิตใจและความคิด
ขอให้ข้าพเจ้าเห็นพระองค์แก้แค้นพวกเขาเถิด
เพราะข้าพเจ้าได้มอบเรื่องนี้ไว้กับพระองค์แล้ว
13 จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ช่วยชีวิตของผู้ยากไร้
ให้พ้นภัยจากมือของพวกทำความชั่ว
14 ให้วันที่ข้าพเจ้าเกิดมาถูกสาปแช่ง
วันที่มารดาของข้าพเจ้าตั้งครรภ์
ข้าพเจ้าก็ขออย่าให้วันนั้นได้รับพระพร
15 ขอให้คนที่ทำให้บิดาข้าพเจ้าดีใจ
ด้วยการนำข่าวมาบอกท่านว่า
“เป็นเด็กผู้ชาย ท่านได้บุตรชาย”
ถูกสาปแช่งเถิด
16 ขอให้ชายคนนั้นเป็นเหมือนเมือง
ที่พระผู้เป็นเจ้าทำลายอย่างไม่ปรานี
ขอให้เขาได้ยินเสียงร้องในตอนเช้า
และสัญญาณเตือนตอนเที่ยงวัน
17 เพราะเขาไม่ได้ฆ่าข้าพเจ้าขณะที่ยังอยู่ในครรภ์
เพื่อครรภ์มารดาของข้าพเจ้าจะได้เป็นหลุมศพของข้าพเจ้า
และจะเป็นครรภ์โตตลอดไป
18 ทำไมข้าพเจ้าจึงออกมาจากครรภ์
เพื่อเห็นการตรากตรำและความเศร้า
และอยู่กับความอับอายอย่างนั้นหรือ
เยรูซาเล็มจะถล่ม
21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์ใช้ปาชเฮอร์บุตรของมัลคิยาห์ และเศฟันยาห์ปุโรหิตบุตรของมาอาเสยาห์ ขอร้องท่านว่า 2 “ช่วยพูดกับพระผู้เป็นเจ้าให้พวกเราด้วยเถิด เนื่องจากเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลังโจมตีพวกเรา[b] พระผู้เป็นเจ้าอาจจะแสดงสิ่งมหัศจรรย์เพื่อพวกเรา และจะทำให้เขาถอยทัพกลับไป”
3 เยเรมีย์พูดกับพวกเขาว่า “ท่านไปบอกเศเดคียาห์ดังนี้ 4 ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้กล่าวว่า ดูเถิด เราจะให้อาวุธสงครามที่อยู่ในมือของเจ้ากลับมาต่อต้านเจ้า ซึ่งเจ้าใช้ต่อสู้กับกษัตริย์แห่งบาบิโลน และต่อสู้กับชาวเคลเดียซึ่งใช้กำลังล้อมนอกกำแพงเมือง และเราจะรวมพวกเขาเข้าด้วยกันเพื่อเข้าไปสู่ใจกลางเมืองนี้ 5 เราเองที่จะต่อสู้กับพวกเจ้าด้วยอานุภาพและพลานุภาพ ด้วยความกริ้วและความฉุนเฉียว และด้วยการลงโทษอย่างหนัก 6 และเราจะฆ่าบรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองนี้ ทั้งมนุษย์และสัตว์ ซึ่งจะตายด้วยโรคระบาด 7 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า หลังจากนั้น เราจะมอบเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ รวมทั้งบรรดาผู้รับใช้และประชาชนของเมืองนี้ ที่รอดจากโรคระบาด การสู้รบ และการอดอยาก ไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และในมือของศัตรูของพวกเขา และในมือของบรรดาผู้ที่ต้องการจะฆ่าพวกเขา เนบูคัดเนสซาร์จะฆ่าพวกเขาด้วยคมดาบ เขาจะไม่มีเมตตาหรือไว้ชีวิตพวกเขา หรือแม้แต่ความสงสาร’
8 และเจ้าจงไปพูดกับประชาชนพวกนี้ว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ดูเถิด เรามอบวิถีทางแห่งชีวิตและวิถีทางแห่งความตายไว้ตรงหน้าพวกเจ้าแล้ว 9 ผู้ที่อยู่ในเมืองนี้จะตายด้วยการสู้รบ การอดอยาก และด้วยโรคระบาด แต่ผู้ที่ออกไปและยอมจำนนกับพวกชาวเคลเดียที่ใช้กำลังล้อมเมือง ก็จะมีชีวิตคงอยู่ และจะเอาชีวิตหนีรอดไปได้ 10 เพราะเราได้ตั้งใจให้เมืองนี้ประสบกับภัยอันตราย ไม่ใช่ความปลอดภัย พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เมืองนี้จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะใช้ไฟเผาเมือง’
ข้อความถึงพงศ์พันธุ์ของดาวิด
11 และจงพูดกับพงศ์พันธุ์ของกษัตริย์แห่งยูดาห์ดังนี้ ‘จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 12 โอ พงศ์พันธุ์ของดาวิดเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
จงให้ความเป็นธรรมทุกเช้าค่ำ
ช่วยปกป้องผู้ที่ถูกปล้นสิทธิ
ให้พ้นจากมือของผู้กดขี่ข่มเหง
มิฉะนั้น ความกริ้วของเราจะพลุ่งออกไปอย่างไฟ
และเผาผลาญอย่างไม่มีใครจะดับได้
เพราะการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเจ้า
13 โอ ผู้อยู่อาศัยแห่งหุบเขา
หินแห่งที่ราบเอ๋ย ดูเถิด เราจะโจมตีเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
พวกที่พูดว่า “ใครจะลงมาโจมตีพวกเรา
หรือใครจะบุกรุกเข้ามาในถิ่นของเราได้”
14 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
เราจะลงโทษพวกเจ้าตามการกระทำของเจ้า
เราจะจุดไฟในป่าของเมืองนั้น
และไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง’”
22 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “จงลงไปที่วังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพูดตามนี้ 2 จงบอกดังนี้ว่า ‘จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า โอ กษัตริย์แห่งยูดาห์ผู้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ทั้งตัวเจ้า บรรดาผู้รับใช้ของเจ้า และประชาชนของเจ้าที่เข้ามาทางประตูเมือง 3 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า จงให้ความเป็นธรรมและความชอบธรรม ช่วยปกป้องผู้ที่ถูกปล้นสิทธิให้พ้นจากมือของผู้กดขี่ข่มเหง และอย่ากระทำผิดหรือความรุนแรงต่อผู้ลี้ภัย ผู้กำพร้าพ่อ หรือแม่ม่าย หรือฆ่าคนไร้ความผิดในที่แห่งนี้ 4 เพราะถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังและทำตามนี้ บรรดากษัตริย์ผู้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดจะเข้ามาทางประตูวังแห่งนี้ พวกเขาจะนั่งบนรถศึกและม้า รวมทั้งกษัตริย์ บรรดาผู้รับใช้ และประชาชนของเขา 5 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังและทำตาม เรารับประกันว่า วังแห่งนี้จะกลายเป็นที่รกร้าง’” 6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ดังนี้ว่า
“เราเห็นว่า เจ้าเป็นเช่นเมืองกิเลอาด
เหมือนยอดสูงของเทือกเขาเลบานอน
แต่เราจะทำให้เป็นถิ่นทุรกันดาร
ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
7 เราจะส่งบรรดาผู้ทำลายที่จะมาโจมตีเจ้า
ให้แต่ละคนมีอาวุธพร้อม
และพวกเขาจะล้มต้นซีดาร์ต้นงาม
และโยนมันลงในกองไฟ
8 ประชาชาติจำนวนมากจะผ่านมาทางเมืองนี้ ทุกๆ คนจะพูดกับเพื่อนบ้านของเขาว่า ‘ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงได้กระทำเช่นนี้ต่อเมืองอันยิ่งใหญ่นี้’ 9 และพวกเขาจะตอบว่า ‘เพราะพวกเขาได้ละเลยต่อพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และนมัสการปวงเทพเจ้า และบูชาสิ่งเหล่านั้น’”
10 อย่าร้องไห้ให้คนที่ตายแล้ว
และอย่าแสดงความเศร้าใจให้เขา
แต่จงร้องไห้อย่างขมขื่นให้กับผู้ที่จากไป
เพราะเขาจะไม่กลับมาเห็นแผ่นดิน
ที่เป็นบ้านเกิดของเขาอีก
ข้อความถึงบรรดาบุตรของโยสิยาห์
11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงเรื่องชัลลูม[c]บุตรของโยสิยาห์ ผู้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ต่อจากบิดาของท่าน และท่านได้จากที่นี่ไป “เจ้าจะไม่กลับมาที่นี่อีก 12 แต่จะอยู่ในสถานที่พวกเขาได้จับตัวเจ้าไปเป็นเชลย เจ้าจะเสียชีวิตอยู่ที่นั่น และเจ้าจะไม่มีวันเห็นแผ่นดินนี้อีก
13 วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่สร้างบ้านของตนขึ้นด้วยความไม่ชอบธรรม
และสร้างห้องชั้นบนด้วยความไม่เป็นธรรม
ผู้ที่ทำให้ผู้อื่นทำงานรับใช้เขาเปล่าๆ
และไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่เขา
14 ผู้ที่พูดว่า ‘เราจะสร้างบ้านหรูหราให้ตัวเราเอง
ทำห้องชั้นบนให้กว้างใหญ่’
เป็นบ้านมีหน้าต่างขนาดใหญ่
กรุกำแพงด้วยไม้ซีดาร์
และทาสีแดง
15 เจ้าคิดหรือว่าเจ้าเป็นกษัตริย์ได้
เพราะเจ้ามีไม้ซีดาร์มาก ที่บิดาของเจ้ามีกินมีดื่ม
เพราะเขามีความเป็นธรรมและความชอบธรรมมิใช่หรือ
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีกับเขา
16 เขาปกป้องผู้ขัดสนและยากไร้
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
นั่นก็หมายถึงการรู้จักเรามิใช่หรือ”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
17 “แต่ทั้งตาและใจของเจ้า
มุ่งหาแต่สินบน
เพื่อฆ่าคนไร้ความผิด
และเพื่อกดขี่ข่มเหงและใช้ความรุนแรง”
18 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงเยโฮยาคิมบุตรของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ดังนี้
“พวกเขาจะไม่ร้องรำพันถึงเขาด้วยการพูดว่า
‘โธ่เอ๋ย พี่ชายของฉัน’ หรือ ‘โธ่เอ๋ย พี่สาวของฉัน’
พวกเขาจะไม่ร้องรำพันถึงเขาด้วยการพูดว่า
‘โธ่เอ๋ย เจ้านาย’ หรือ ‘โธ่เอ๋ย ผู้ยิ่งใหญ่’
19 เขาจะถูกฝังเหมือนกับการฝังศพลาตัวหนึ่ง
ที่ถูกลากและโยนทิ้งให้พ้นประตูเมืองเยรูซาเล็ม
20 จงขึ้นไปยังเลบานอน และส่งเสียงร้อง
และเจ้า[d]ร้องเสียงดังในบาชาน
ส่งเสียงร้องจากอาบาริม
เพราะพวกมิตรสหายของเจ้าถูกทำลาย
21 เราพูดกับเจ้าเมื่อเวลาที่เจ้าอยู่อย่างสุขสบาย
แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ฟัง’
นั่นก็เป็นวิถีทางของเจ้าตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
ที่เจ้าไม่ได้เชื่อฟังเรา
22 บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของเจ้าจะถูกลมพัดไป
และพวกมิตรสหายของเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย
และเจ้าจะอับอายและสับสน
เพราะความชั่วร้ายของเจ้า
23 โอ ผู้อยู่อาศัยของเลบานอน
และซุกตัวอยู่ท่ามกลางไม้ซีดาร์เอ๋ย
เจ้าจะโอดครวญเพียงไรเมื่อเจ้าเจ็บปวด
ความเจ็บปวดอย่างผู้หญิงเจ็บครรภ์”
24 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด ถึงแม้ว่าโคนิยาห์[e]บุตรของเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์จะเป็นแหวนประทับตราที่มือขวาของเรา เราก็ยังจะถอดเจ้าออก 25 และมอบเจ้าไว้ในมือของบรรดาผู้ที่ต้องการจะฆ่าเจ้า ในมือของพวกที่เจ้ากลัว แม้แต่จะมอบไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และในมือของชาวเคลเดีย 26 เราจะเหวี่ยงเจ้าและแม่ที่ให้กำเนิดเจ้า ให้เข้าไปในดินแดนอื่นซึ่งไม่ใช่ที่กำเนิดของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะตายที่นั่น 27 พวกเขาอยากกลับไปยังแผ่นดินนั้น แต่ก็ไม่มีวันที่จะกลับไปที่นั่นได้”
28 โคนิยาห์ผู้นี้เป็นเหมือนโถแตกที่ถูกดูหมิ่น
ภาชนะที่ไม่มีใครต้องการหรือ
เหตุใดเขาและลูกๆ ของเขาจึงถูกเหวี่ยงและโยนทิ้ง
ไปในแผ่นดินที่พวกเขาไม่รู้จัก
29 โอ แผ่นดิน แผ่นดิน แผ่นดินเอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวเช่นนี้ว่า
“จงบันทึกเรื่องของชายผู้นี้ว่าเขาเป็นผู้ที่ไม่มีลูกหลาน
เป็นชายที่จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
เพราะไม่มีผู้ใดในบรรดาผู้สืบทายาทของเขา
ที่จะนั่งบนบัลลังก์ของดาวิด
และขึ้นปกครองในยูดาห์อีก”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation