Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 119:145-176

โคฟ

145 ข้าพเจ้าร้องออกมาอย่างสุดใจว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพเจ้าด้วย
    ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังกฎระเบียบต่างๆของพระองค์”
146 ข้าพเจ้าร้องออกมาต่อพระองค์ว่า “โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วย
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เชื่อฟังกฎต่างๆของพระองค์”
147 ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    ข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับคำสัญญาของพระองค์
148 ถึงแม้จะดึกดื่น ข้าพเจ้าก็ยังตื่นอยู่
    เพื่อจะใคร่ครวญถึงคำสัญญาของพระองค์
149 โปรดฟังเสียงข้าพเจ้า เพราะพระองค์มีความรักมั่นคง
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะพระองค์ยุติธรรม
150 คนเหล่านั้นที่ไล่ตามความชั่วได้เข้ามาใกล้แล้ว
    พวกเขาอยู่ห่างไกลจากคำสั่งสอนของพระองค์
151 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์นั้นอยู่ใกล้
    และบัญญัติทุกข้อของพระองค์นั้นเป็นความจริงและเชื่อถือได้
152 นานมาแล้ว ข้าพเจ้าได้เรียนรู้กฎต่างๆของพระองค์
    เป็นกฎที่พระองค์ตั้งไว้ให้อยู่ตลอดไป

เรช

153 โปรดมองดูความทุกข์ของข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ลืมคำสั่งสอนของพระองค์
154 โปรดสู้คดีให้กับข้าพเจ้าและไถ่ชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดช่วยให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
155 ความรอดอยู่ห่างไกลจากคนชั่วช้า
    เพราะพวกเขาไม่อยากเชื่อฟังกฎระเบียบของพระองค์
156 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความเมตตากรุณาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
    ขอโปรดช่วยชีวิตของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์นั้นยุติธรรม
157 ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมายที่ไล่ล่าข้าพเจ้าอยู่
    แต่ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากกฎทั้งหลายของพระองค์
158 เมื่อข้าพเจ้ามองดูคนทรยศเหล่านั้นข้าพเจ้ารู้สึกสะอิดสะเอียน
    เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังคำพูดของพระองค์
159 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูเอาเถิดว่าข้าพเจ้ารักคำสั่งทั้งหลายของพระองค์ขนาดไหน
    ดังนั้น ช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์มีความรักมั่นคง
160 คำบัญชาทั้งหมดของพระองค์นั้นเชื่อถือได้
    กฎเกณฑ์อันยุติธรรมทุกข้อของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป

ฉิน

161 เหล่าผู้นำที่มีอำนาจโจมตีข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพวกเขา
    แต่ข้าพเจ้ากลัวอย่างเดียวคือกลัวทำผิดต่อคำบัญชาของพระองค์
162 ข้าพเจ้ามีความสุขกับคำสัญญาของพระองค์
    เหมือนทหารที่พบกับสิ่งที่จะยึดได้จำนวนมากมาย
163 ข้าพเจ้าเกลียดชังและขยะแขยงการหลอกลวง
    แต่ข้าพเจ้ารักคำสั่งสอนของพระองค์
164 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์วันละเจ็ดครั้ง
    สำหรับพวกกฎเกณฑ์อันยุติธรรมของพระองค์
165 คนเหล่านั้นที่รักคำสั่งสอนของพระองค์จะมีชีวิตที่เป็นสุขปลอดภัย
    และไม่มีสิ่งใดจะทำให้เขาสะดุดล้มได้
166 ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าเฝ้ารอคอยความรอดจากพระองค์
    ข้าพเจ้าทำตามบัญญัติทั้งหลายของพระองค์
167 ข้าพเจ้ารักษากฎต่างๆของพระองค์
    เพราะข้าพเจ้ารักมันมาก
168 ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งทั้งหลายและกฎทั้งหลายของพระองค์
    เพราะพระองค์เห็นการกระทำทั้งสิ้นของข้าพเจ้า

ทาฟ

169 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดให้ความเข้าใจกับข้าพเจ้าตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
170 ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้ามาอยู่ต่อหน้าพระองค์
    ช่วยกู้ข้าพเจ้าตามที่พระองค์สัญญาด้วยเถิด
171 ขอให้ริมฝีปากของข้าพเจ้าเทคำสรรเสริญออกมา
    เพราะพระองค์สอนกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
172 ขอให้ลิ้นข้าพเจ้าร้องเพลงถึงคำพูดของพระองค์
    เพราะบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์นั้นเที่ยงตรง
173 ขอให้มือของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
174 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าอยากให้พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้าเหลือเกิน
    เพราะข้าพเจ้ามีความสุขในคำสั่งสอนของพระองค์
175 ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อจะได้สรรเสริญพระองค์
    ขอให้กฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์ช่วยข้าพเจ้า
176 ข้าพเจ้าเสี่ยงอันตรายมากเหมือนแกะที่หลงทาง โปรดตามหาข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ลืมบัญญัติต่างๆของพระองค์

สดุดี 128-130

คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์จะได้รับพระพร

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

128 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระยาห์เวห์
    คือคนที่เดินในหนทางทั้งหลายของพระองค์
เจ้าจะได้กินจากผลงานจากมือเจ้า
    เจ้าจะมีเกียรติจริงๆและจะเจริญรุ่งเรือง

ภรรยาของเจ้าจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่มีลูกดกในบ้านของเจ้า
    ส่วนลูกๆที่อยู่รอบโต๊ะอาหารนั้นก็เปรียบเหมือนต้นมะกอกที่ปลูกอยู่ริมธารน้ำ
ดังนั้น จำไว้เถิดว่า
    ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ จะได้รับพระพรอย่างนั้นแหละ

ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้าจากวิหารบนภูเขาศิโยน
    ขอให้เจ้ามีความสุขกับความเจริญรุ่งเรืองของเยรูซาเล็มตลอดวันเวลาของเจ้า
ขอให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้เห็นหน้าหลานของเจ้า
    ขอให้อิสราเอลมีความสงบสุขเถิด

อธิษฐานให้ศัตรูพ่ายแพ้

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

129 พวกศัตรูข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    ให้อิสราเอลพูดว่า
“พวกศัตรูได้ข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    แต่ไม่เคยชนะข้าพเจ้าได้เลย
พวกเขาตีข้าพเจ้าอย่างรุนแรง
    ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย
    หลังข้าพเจ้าดูเหมือนรอยไถอันยาว
แต่พระยาห์เวห์ผู้ยุติธรรม
    ได้ตัดเชือกเหล่านั้นที่พวกคนชั่วใช้ผูกมัดข้าพเจ้า”
ขอให้ทุกคนที่เกลียดชังศิโยน
    ได้รับความอับอาย และพ่ายแพ้ล่าถอยไป
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนหญ้าบนดาดฟ้า
    ที่เหี่ยวแห้งไปก่อนที่มันจะทันยาวขึ้น
เป็นหญ้าที่คนเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงกำมือ
    ไม่พอที่จะรวบได้เต็มอก
ขออย่าให้ผู้คนที่เดินผ่านมาตะโกนอวยพรให้กับพวกเขาว่า
    “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้า”
    หรือ “พวกเราอวยพรเจ้าในนามของพระยาห์เวห์”

ให้รอคอยพระยาห์เวห์มาไถ่

เพลงที่ร้องในระหว่างทางขึ้นไปยังวิหาร

130 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่ข้าพเจ้าจมอยู่ในความทุกข์
    ข้าพเจ้าร้องขอให้พระองค์ช่วย
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า
    โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า โปรดเงี่ยหูของพระองค์ ฟังเสียงร้องอ้อนวอนให้ช่วยของข้าพเจ้า

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ถ้าพระองค์จะจดบันทึกความผิดบาปของพวกเราไว้
    ใครจะรอดจากการถูกลงโทษได้
แต่พระองค์ให้อภัย
    เพื่อว่าคนจะได้ยำเกรงพระองค์

ข้าพเจ้ารอคอยพระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
    ข้าพเจ้าฝากความหวังไว้ในคำสัญญาของพระองค์
จิตใจของข้าพเจ้ารอคอยองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
    ยิ่งกว่าพวกยามรอคอยรุ่งเช้า
    ยิ่งกว่าพวกยามรอคอยรุ่งเช้า

อิสราเอลเอ๋ย ฝากความหวังไว้ในพระยาห์เวห์เถิด
    เพราะพระยาห์เวห์มีความรักที่มั่นคง
    และฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จะไถ่เจ้าได้
พระองค์จะไถ่อิสราเอล
    ให้รอดพ้นจากความบาปทั้งหมดของเขา

มีคาห์ 2

ชาวอิสราเอลวางแผนทำเรื่องเลวร้าย

พวกเจ้าที่คิดทำแต่เรื่องเลวร้าย
    บนเตียงนอนของเจ้า เจ้าวางแผนเรื่องเลวร้าย
พอถึงเช้าก็ออกไปทำ
    เพราะพวกเจ้ามีอำนาจที่จะทำแบบนั้นได้
พวกนี้โลภอยากได้ไร่นาของคนอื่นก็ไปยึดเอามา
    พวกนี้โลภอยากได้บ้านเรือนของคนอื่นก็ไปริบเอามา
พวกนี้โกงคนอื่นและยึดบ้านเขาไว้
    พวกนี้ยึดทั้งคนและทรัพย์สมบัติ

พระยาห์เวห์วางแผนเรื่องเลวร้ายสำหรับคนพวกนี้

ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้
“ตอนนี้ เรากำลังวางแผนเรื่องเลวร้ายสำหรับคนพวกนี้
    เป็นแอกที่พวกเจ้าไม่สามารถเอาออกไปจากคอของพวกเจ้าได้
พวกเจ้าจะไม่สามารถเดินอย่างทะนงได้
    เพราะมันจะเป็นเวลาที่เลวร้ายจริงๆ
ในเวลานั้น พวกเจ้าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ
และคนที่เยาะเย้ยเจ้า จะทำทีร้องเพลงคร่ำครวญอันขมขื่นให้กับเจ้าว่า
‘พวกเราถูกทำลายย่อยยับ
พระองค์ยึดเอาที่ดินที่เป็นส่วนแบ่งของชาวเมืองเราไปแล้ว
พระองค์ยึดที่ดินไปจากเราได้ยังไง
    พระองค์แบ่งไร่นาของเราไปให้กับคนที่หลงไปจากพระองค์แล้ว’
ดังนั้น พวกเจ้าจะไม่มีใครเหลืออยู่เลยในครอบครัวที่จะมาจับสลากแบ่งที่ดินกันในหมู่ประชุมของพระยาห์เวห์”

มีคาห์ถูกห้ามไม่ให้เทศนา

ผู้คนพูดว่า “มีคาห์ เจ้าและพวกพ้องหยุดเทศนาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว
    เพราะเรื่องเลวร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับเรา”

ชุมชนยาโคบพูดว่า “อะไรกัน พระยาห์เวห์หมดความอดทนแล้วหรือ
พระองค์ทำเรื่องอย่างนี้หรือ
    คำพูดทั้งหลายของพระองค์ไม่ได้เกิดผลดีกับคนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้องหรอกหรือ”
แต่พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่พวกเจ้ากำลังตั้งตัวเป็นเหมือนศัตรูกับคนของเรา
    เจ้ากระชากเสื้อคลุมของคนที่เดินผ่านมาโดยที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่
    พวกเขาไม่เคยคิดที่จะทำสงครามกับใครเลย[a]
ส่วนพวกผู้หญิงที่เป็นคนของเรา พวกเจ้าก็ขับไล่พวกเขาออกไปจากบ้านที่สุขสบายของเขา
    ส่วนลูกๆของพวกเขา พวกเจ้าได้ยึดเอาที่ดิน[b]ที่พวกเขาได้รับจากเรา เพื่อเป็นของเขาไปตลอดกาล
10 ลุกขึ้นแล้วไปให้พ้น
    ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พักผ่อน
เพราะพวกเจ้าไม่บริสุทธิ์
    พวกเจ้าจะถูกทำลาย และจะถูกทำลายอย่างทรมานด้วย

11 ถ้ามีใครมาพูดโกหกและเทศนาว่า
    ‘จะมีเหล้าองุ่นและเบียร์อย่างเหลือเฟือ’
    คนนั้นแหละคือนักเทศน์ที่พวกเขาชื่นชอบ”

พระยาห์เวห์จะรวบรวบคนของพระองค์

12 พระยาห์เวห์พูดว่า “ใช่แล้ว เราจะรวบรวมพวกเจ้าทุกคนเข้ามาคือพวกเจ้าที่เป็นคนของยาโคบ
    เราจะรวบรวมพวกที่รอดชีวิตของอิสราเอลเข้ามา
เราจะนำพวกเขามาอยู่ด้วยกันเหมือนแกะในคอก
    เหมือนฝูงแกะในท่ามกลางทุ่งหญ้าของมัน แล้วทุ่งหญ้านั้นจะส่งเสียงดังลั่น
13 แล้วตัวที่สามารถพังรั้วออกมาได้จะเดินนำหน้าพวกมันออกไป
    พวกมันจะเดินผ่านประตูและเดินออกไป
กษัตริย์ของเขาจะเดินนำหน้าพวกเขาออกไปก่อน
    พระยาห์เวห์จะเป็นหัวขบวนของพวกเขา”

กิจการ 23:23-35

เปาโลถูกส่งตัวไปที่เมืองซีซารียา

23 จากนั้นผู้พันเรียกนายร้อยของเขาสองคนมาสั่งว่า “ให้ไปเตรียมทหารสองร้อยนายกับทหารม้าเจ็ดสิบนาย และพลหอกเดินเท้าอีกสองร้อยนายให้พร้อมสำหรับเดินทางไปเมืองซีซารียา ในตอนสามทุ่มคืนนี้ 24 เตรียมม้าให้เปาโลขี่ด้วย และคุ้มกันเขาให้ไปถึงเจ้าเมืองเฟลิกส์อย่างปลอดภัย” 25 แล้วผู้พันเขียนจดหมายมีข้อความว่า

26 ถึง ท่านผู้ว่าเฟลิกส์[a]

จาก คลาวดิอัส ลีเซียส

27 ชายคนนี้ถูกชาวยิวจับกุมมา เกือบจะถูกพวกนั้นฆ่าด้วย แต่พอผมรู้ว่าเขาเป็นพลเมืองโรมัน ก็รีบนำทหารออกไปช่วยเขา 28 เนื่องจากผมอยากจะรู้ว่าพวกยิวกล่าวหาเขาด้วยเรื่องอะไร จึงได้นำตัวเขาไปที่สภาของพวกยิว 29 และผมพบว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อโต้แย้งทางด้านกฎปฏิบัติของพวกเขา ไม่เห็นว่าจะมีอะไรร้ายแรงถึงกับต้องตายหรือติดคุกเลย 30 พอผมรู้ว่ามีพวกยิวบางคนวางแผนจะฆ่าเขา ผมจึงรีบส่งเขามาให้ท่านทันที แล้วผมก็สั่งให้พวกนั้นที่กล่าวหาเขามาฟ้องร้องเขากับท่าน

31 พวกทหารทำตามที่นายพันสั่ง ในคืนนั้นเองพวกทหารพาเปาโลออกเดินทางไปที่เมืองอันทิปาตรีส์ 32 ในวันต่อมา พวกทหารเดินเท้าให้ทหารม้าพาเปาโลเดินทางต่อ ส่วนพวกเขากลับค่ายไป 33 เมื่อพวกทหารม้ามาถึงเมืองซีซารียา ก็ได้นำจดหมายไปให้เจ้าเมือง พร้อมกับมอบตัวเปาโลให้กับเขา 34 เจ้าเมืองอ่านจดหมาย และถามเปาโลว่ามาจากแคว้นไหน เมื่อรู้ว่ามาจากแคว้นซีลีเซีย 35 เจ้าเมืองจึงพูดว่า “เมื่อผู้กล่าวหาเจ้ามาถึง เราจะฟังคำให้การของเจ้า” และเขาสั่งให้ควบคุมตัวเปาโลไว้ในวังที่เฮโรด[b] สร้างขึ้น

ลูกา 7:18-35

ยอห์นเกิดสงสัย

(มธ. 11:2-19)

18 มีศิษย์คนหนึ่งของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำเล่าเรื่องนี้ให้ยอห์นฟัง ยอห์นจึงสั่งศิษย์สองคนของเขา 19 ให้ไปถามองค์เจ้าชีวิตว่า “ท่านคือคนๆนั้นที่จะมา หรือพวกเราจะต้องรออีกคนหนึ่ง”

20 ศิษย์สองคนนั้นไปพบพระเยซู และพูดว่า “ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำส่งพวกเรามาถามท่านว่า ‘ท่านคือคนๆนั้นที่จะมา หรือพวกเรายังต้องรออีกคนหนึ่ง’”

21 ในเวลานั้นพระเยซูได้รักษาคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆให้หาย ขับไล่ผีชั่ว และช่วยให้คนตาบอดหลายคนมองเห็น 22 พระเยซูบอกกับสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่คุณได้เห็นและได้ยิน ว่าคนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงก็หาย คนหูหนวกก็ได้ยิน คนตายกลับฟื้นคืนชีพ และคนจนก็ได้ยินเรื่องข่าวดี 23 คนที่ไม่ทิ้งเรา เพราะสิ่งที่เราทำ ก็เป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”

24 พอศิษย์ทั้งสองของยอห์นกลับไปแล้ว พระเยซูก็พูดถึงยอห์นให้ชาวบ้านฟังว่า “พวกคุณออกไปดูอะไรในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ไปดูต้นอ้อ[a] ลู่ตามลมหรือ 25 ไม่ใช่แน่ แล้วคุณออกไปดูอะไรล่ะ ไปดูคนใส่เสื้อผ้าสวยหรูราคาแพงหรือ ไม่ใช่หรอก เพราะคนที่ใส่เสื้อผ้าสวยหรูราคาแพงนั้นอยู่ในวัง 26 ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณออกไปดูอะไรล่ะ ออกไปดูผู้พูดแทนพระเจ้าหรือ ใช่แล้ว เราขอบอกให้รู้ว่าเขาเป็นยิ่งกว่าผู้พูดแทนพระเจ้าเสียอีก 27 เพราะเขาเป็นคนที่พระคัมภีร์เขียนถึงว่า

‘ดูสิ เราจะส่งผู้ส่งข่าวของเรานำหน้าท่านไปก่อน
    เขาจะไปเตรียมหนทางให้กับท่าน’(A)

28 เราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคนที่เกิดมาจากผู้หญิง แต่คนที่สำคัญน้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้า ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีก”

29 ทุกคนที่ได้ยินพระเยซูพูด รวมทั้งคนเก็บภาษีก็เชื่อว่าทางของพระเจ้านั้นถูกต้อง เพราะพวกเขาเคยให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้ 30 แต่พวกฟาริสีและพวกครูสอนกฎปฏิบัติไม่ยอมรับทางที่พระเจ้ามีสำหรับพวกเขา เพราะพวกนี้ไม่ได้ให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้

31 พระเยซูพูดต่อ ว่า “เราจะเปรียบเทียบคนในสมัยนี้กับอะไรดี 32 พวกเขาเป็นเหมือนเด็กๆที่นั่งอยู่ที่ตลาดร้องตะโกนใส่กันว่า

‘พวกเราเป่าปี่ให้ฟัง
    แต่พวกเธอก็ไม่ยอมเต้นตาม
พวกเราร้องเพลงเศร้า
    แต่พวกเธอก็ไม่ยอมร้องไห้’

33 เมื่อยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำมา เขาไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น พวกคุณก็ว่า ‘เขามีผีชั่วสิงอยู่’ 34 แต่พอบุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม พวกคุณก็หาว่า ‘ดูไอ้หมอนั่นสิ ทั้งตะกละและขี้เมา แถมยังเป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาปอีกด้วย’ 35 แต่อย่างไรก็ตามสติปัญญานั้นถูกหรือผิด ก็ดูได้จากผลทั้งหลายของมัน”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International