เยเรมีย์ 7
New Thai Version
ความชั่วร้ายในแผ่นดิน
7 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ดังนี้ว่า 2 “จงยืนที่ประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และประกาศคำกล่าวว่า ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่เข้าทางประตู เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า” 3 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “จงเปลี่ยนวิถีทางและการกระทำของพวกเจ้า และเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ 4 อย่าวางใจในคำที่ลวงหลอกที่ว่า ‘นี่เป็นพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า’
5 เพราะว่าถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนวิถีทางและการกระทำของเจ้าจริงๆ ถ้าเจ้าปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมต่อกันและกัน 6 ถ้าเจ้าไม่กดขี่ข่มเหงผู้ลี้ภัย ผู้กำพร้าพ่อ หรือแม่ม่าย หรือฆ่าคนไร้ความผิดในที่แห่งนี้ และถ้าพวกเจ้าไม่ไปติดตามบรรดาเทพเจ้าซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าเอง 7 แล้วเราก็จะให้พวกเจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าตลอดกาล[a]
8 ดูเถิด เจ้าไว้วางใจในคำที่ลวงหลอกซึ่งไม่เกิดผลอะไร 9 พวกเจ้าขโมย ฆ่า ผิดประเวณี พูดเท็จในคำสาบาน เผาเครื่องหอมแก่เทพเจ้าบาอัล ไปติดตามบรรดาเทพเจ้า ซึ่งเจ้าไม่เคยรู้จัก 10 แล้วเจ้ามายืนต่อหน้าเราในตำหนักนี้ ซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และพวกเจ้าพูดว่า ‘พวกเราปลอดภัย’ แต่ก็ยังกระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ 11 ตำหนักอันเป็นที่นมัสการเรานี้ ได้รับเรียกว่าเป็นของเรา กลายเป็นถ้ำโจร[b]ในสายตาของเจ้าหรือ ดูเถิด เราเองได้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 12 “บัดนี้เจ้าจงไปยังสถานที่ของเราในเมืองชิโลห์[c] ซึ่งในตอนแรกชื่อของเราอยู่ที่นั่น และไปดูว่าเราได้ทำอะไรต่อสถานที่นั้นเนื่องจากความชั่วของอิสราเอลชนชาติของเรา 13 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า และบัดนี้ เป็นเพราะพวกเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ และเราก็ได้พูดกับพวกเจ้าเสมอมา แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟัง เมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบ 14 ฉะนั้น เราจะกระทำต่อตำหนักซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และเป็นที่เจ้าไว้วางใจ และจะกระทำต่อสถานที่ซึ่งเรามอบให้แก่เจ้าและแก่บรรพบุรุษของเจ้า ดังที่เราได้กระทำต่อชิโลห์ 15 และเราจะขับไล่พวกเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา อย่างที่เราขับไล่บรรดาญาติพี่น้องของเจ้า คือเชื้อสายของเอฟราอิมทุกคน
16 ส่วนเจ้าเอง เยเรมีย์ จงอย่าอธิษฐานให้คนเหล่านี้ หรือส่งเสียงร้องหรืออธิษฐานให้พวกเขา และอย่าอธิษฐานต่อเราแทนพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกเขากำลังทำอะไรในเมืองของยูดาห์และที่ถนนของเยรูซาเล็ม 18 พวกเด็กๆ รวบรวมกิ่งไม้ พ่อๆ ก็ติดไฟ พวกผู้หญิงนวดแป้งเพื่อทำขนมให้ราชินีแห่งสวรรค์[d] และพวกเขารินเครื่องดื่มบูชาแก่ปวงเทพเจ้าเพื่อจะยั่วโทสะเรา 19 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราน่ะหรือที่พวกเขายั่วโทสะ ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือที่ทำให้อับอายกันเอง 20 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ฉะนั้น ดูเถิด ความกริ้วและการลงโทษของเราจะหลั่งลงบนที่แห่งนี้ บนมนุษย์และสัตว์ป่า บนต้นไม้ในไร่นาและผลที่ได้จากพื้นดิน มันจะลุกไหม้และไม่มีใครดับมันได้”
21 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “จงใช้เครื่องสักการะของเจ้ากับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย แล้วพวกเจ้าก็กินเนื้อสัตว์เองด้วยเลย 22 เพราะในวันที่เรานำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของเจ้า หรือบัญชาพวกเขาเรื่องสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะบูชา 23 แต่คำบัญชาที่เราสั่งพวกเขาก็คือ ‘จงเชื่อฟังเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา และจงดำเนินในทุกวิถีทางที่เราบัญชาเจ้า เพื่อทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีกับพวกเจ้า’ 24 แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่แม้แต่จะเงี่ยหูฟัง แต่ดำเนินในวิถีทางของพวกเขาเอง และจิตใจอันชั่วร้ายซึ่งมีแต่ความดื้อรั้น พวกเขาเดินถอยหลังแทนที่จะเดินหน้า 25 นับตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษออกจากแผ่นดินอียิปต์มาจนถึงทุกวันนี้ วันแล้ววันเล่า เราได้ให้บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเราทุกคนมายังพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง 26 แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมฟังเราหรือแม้แต่จะเงี่ยหูฟัง แต่กลับหัวแข็ง พวกเขาประพฤติเลวร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก
27 ฉะนั้น เจ้าจะไปพูดให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะร้องเรียกพวกเขา แต่เขาจะไม่ตอบเจ้า 28 และเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า ‘นี่เป็นประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และไม่ยอมรับการสั่งสอน เขาไม่มีความจริงอยู่อีกแล้ว มันถูกตัดออกจากริมฝีปากของพวกเขา
29 จงตัดผมของเจ้าและโยนทิ้งไป
ร้องคร่ำครวญที่เนินเขาสูง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิเสธ
และทอดทิ้งยุคที่พระองค์กริ้ว’”
หุบเขาแห่งการประหาร
30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เพราะบรรดาบุตรแห่งยูดาห์ได้กระทำความชั่วในสายตาของเรา พวกเขาได้ตั้งสิ่งที่น่าชังของพวกเขาไว้ในตำหนักซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และทำให้ที่นั้นเป็นมลทิน 31 และพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาที่สถานบูชาบนภูเขาสูงแห่งโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม ใช้ไฟเผาบรรดาบุตรชายบุตรหญิง ซึ่งเราไม่ได้บัญชาให้ทำ หรือแม้แต่จะคิด 32 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาที่จะไม่มีชื่อว่า โทเฟท อีกแล้ว หรือหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม แต่จะเป็นหุบเขาแห่งการประหาร เพราะพวกเขาจะฝังศพในโทเฟท เพราะไม่มีที่อื่นจะฝัง 33 และศพคนตายของคนเหล่านี้จะเป็นอาหารของพวกนกในอากาศ และของสัตว์ป่าบนแผ่นดิน และจะไม่มีใครทำให้พวกสัตว์ตกใจหนีไป 34 และเราจะทำให้เสียงยินดีและเบิกบานใจ เสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และที่ถนนของเยรูซาเล็มยุติลง เพราะแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง
Footnotes
- 7:7 ปฐมกาล 13:14,15
- 7:11 มัทธิว 21:13
- 7:12 ฉบับ 1 ซามูเอล 1:3; 4:1-11 1050 ปีก่อน ค.ศ. ชาวฟีลิสเตียทำลายเมืองชิโลห์จนพินาศ
- 7:18 เทพเจ้าแห่งเอเชียตะวันตก
เยเรมียาห์ 7
Thai New Testament: Easy-to-Read Version
เยเรมียาห์สั่งสอนในวิหาร
(ยรม. 26:1-6)
7 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ คือ
2 “เยเรมียาห์ ให้ไปยืนอยู่ในประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และประกาศข้อความนี้ออกไป
‘พวกเจ้าชาวยูดาห์ทั้งหลายที่กำลังเดินผ่านประตูนี้เข้ามาเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์ ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดให้ดี 3 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด “ถ้าเจ้าทำตัวดี เราก็จะอาศัยอยู่ที่นี่กับเจ้า 4 อย่าไปหลงเชื่อคำพูดที่หลอกลวงเหล่านั้น ที่ว่า ‘นี่เป็นวิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์’[a] 5 แต่ถ้าเจ้าทำให้วิถีทางและการกระทำต่างๆของเจ้าดีจริงๆ และให้ความเป็นธรรมต่อกันและกัน 6 ถ้าเจ้าไม่กดขี่คนต่างถิ่น เด็กกำพร้า และแม่หม้าย ถ้าเจ้าไม่ทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหลในที่แห่งนี้ และถ้าเจ้าไม่นมัสการพระอื่นๆเพราะมันมีแต่จะทำให้เจ้าเจ็บตัวเปล่าๆ 7 เราก็จะยอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ตลอดไป”’”
8 “เจ้ากำลังไว้วางใจในคำพูดที่หลอกลวงที่ไร้ค่าเหล่านั้น 9 เจ้าไปขโมย ไปฆ่า ไปมีชู้ ไปสัญญาที่เจ้าไม่คิดจะรักษา ไปเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล และไปบูชาพระอื่นๆที่เจ้าไม่รู้จัก 10 แล้วกลับมายืนอยู่ต่อหน้าวิหารนี้ ที่มีชื่อของเราอยู่ แล้วพวกเจ้าก็พูดว่า ‘พวกเราได้รับความรอดแล้ว’ อย่างนั้นหรือ ที่เจ้าทำอย่างนี้ ก็เพื่อเจ้าจะได้กลับไปทำเรื่องชั่วช้าพวกนั้นอีกใช่ไหม 11 เจ้าเห็นวิหารนี้ ที่มีชื่อเราตั้งอยู่ กลายเป็นซ่องโจรไปแล้วใช่ไหม แม้แต่เราเองก็ยังเห็นมันเป็นอย่างนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “พวกเจ้าคนยูดาห์ ไปสิ ไปยังสถานที่ของเรา ที่อยู่ในชิโลห์[b] เราได้ตั้งที่นั่นเป็นที่แรกสำหรับให้ชื่อของเราสถิตอยู่ ไปดูสิว่าเราได้ทำอะไรกับมันบ้าง เพราะความชั่วช้าของอิสราเอลคนของเรา 13 แล้วตอนนี้ พวกเจ้าคนอิสราเอลก็ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายพวกนี้” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และถึงแม้เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ฟังเรา แถมเมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบเสียอีก 14 ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่มีชื่อของเราตั้งอยู่ ที่เจ้าไว้วางใจนักหนา และเราจะทำกับสถานที่ที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า อย่างเดียวกับที่เราทำกับชิโลห์ 15 เราจะเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่เราเคยเหวี่ยงพวกพี่น้องของเจ้าทั้งหมด พวกที่สืบเชื้อสายมาจากเอฟราอิม”
16 “ส่วนเจ้าเยเรมียาห์ ไม่ต้องอธิษฐานเผื่อคนกลุ่มนี้ และไม่ต้องร้องไห้ให้พวกเขาด้วย เจ้าไม่ต้องอธิษฐานต่อเราให้กับพวกเขา เพราะคำอธิษฐานจะมาไม่ถึงเรา เราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือยังไง ว่าพวกมันกำลังทำอะไรในเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม 18 พวกลูกๆกำลังเก็บฟืน ส่วนพวกพ่อกำลังจุดไฟ พวกผู้หญิงกำลังนวดแป้งทำขนมปังสำหรับเจ้าแม่แห่งสวรรค์ และกำลังเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระอื่นๆเพื่อยั่วโมโหเรา” 19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเขาคิดว่ากำลังยั่วโมโหเราหรือ ไม่เลย อันที่จริง พวกเขากำลังทำกับตัวเองต่างหาก พวกเขาถึงต้องอับอายขายหน้า”
20 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ เจ้านายของผมพูดคือ “ความโกรธและความแค้นของเรากำลังจะเทออกมายังวิหารนี้ เทใส่ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ตามท้องทุ่ง และผลผลิตจากพื้นดิน ความโกรธของเราจะเผาไหม้อยู่ และจะไม่มีวันดับ”
พระยาห์เวห์อยากให้เชื่อฟังมากกว่าให้เครื่องบูชา
21 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พูด “เพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปในเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าด้วย กินเนื้อซะด้วย 22 ตอนที่เราพาบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์นั้น เราไม่ได้สั่งอะไรพวกเขาเลยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องเผาบูชาและเครื่องเซ่นไหว้ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้ทำอย่างนั้น 23 แต่สิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำ คือ ‘ให้ฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นคนของเรา ให้เจ้าเดินในทางที่เราสั่งเจ้า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้า’”
24 “แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง และทำเป็นหูทวนลม กลับไปทำตามความต้องการชั่วๆของตัวเอง พวกเขากลับเดินถอยหลังแทนที่จะเดินไปข้างหน้า 25 ตั้งแต่วันนั้นที่บรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จนถึงวันนี้ เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ไปหาพวกเจ้าทุกวัน 26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเรา และไม่ยอมเงี่ยหูฟัง พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง พวกเขาชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก”
27 “เยเรมียาห์ เจ้าจะเอาคำพูดทั้งหมดนี้ไปบอกกับพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะเรียกพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ตอบเจ้า 28 เจ้าจะต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอนจากพระองค์ ความจริงได้ตายไปเสียแล้ว และมันก็หายไปจากปากของพวกเขา’”
หุบเขาแห่งการฆ่า
29 “เยเรมียาห์ ตัดผมของเจ้าทิ้งไป แล้วขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญบนเนินเขาโล้นเตียนซะ เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธและทอดทิ้งคนรุ่นนี้ที่ยั่วโมโหพระองค์ไปแล้ว 30 เพราะพวกคนยูดาห์ ได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “พวกเขาได้เอาสิ่งที่น่าขยะแขยงมาไว้ในวิหารที่มีชื่อของเราสถิตอยู่ เพื่อทำให้วิหารนั้นเป็นมลทินไป 31 พวกเขาสร้างที่สูงของโทเฟท ที่อยู่ในหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมเพื่อเผาลูกชายลูกสาวตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือไม่เคยแม้แต่จะคิด 32 ดังนั้น วันนั้นจึงกำลังจะมาถึง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “วันที่จะไม่มีใครพูดถึงโทเฟทและหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมอีกเลย แต่ผู้คนจะเรียกมันว่า หุบเขาแห่งการฆ่า และพวกเขาจะฝังศพไว้ที่โทเฟท จนกระทั่งไม่เหลือที่ให้ฝังศพอีกต่อไป 33 ส่วนศพของชนชาตินี้ก็จะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และของพวกสัตว์ป่าบนพื้นดิน และจะไม่มีใครไล่พวกมันไป 34 เราจะทำให้เสียงสนุกสนาน เสียงงานรื่นเริง และเสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหยุดลงในบ้านเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม เพราะดินแดนนี้จะถูกปล่อยทิ้งร้าง”
Footnotes
- 7:4 นี่เป็นวิหาร … พระยาห์เวห์ คงเป็นการโฆษณาชวนเชื่อว่าปลอดภัยแน่ๆเนื่องจากก่อนหน้านี้พระยาห์เวห์ได้ปกป้องวิหารในเมืองเยรูซาเล็มไว้ จากการถูกโจมตีของอัสซีเรีย ดูได้จากหนังสือ 2 พงศ์กษัตริย์ 18–19
- 7:12 ชิโลห์ เป็นบ้านเกิดของซามูเอลและเอลี หีบแห่งคำสัญญาเคยเก็บไว้ที่นี่ก่อนหน้าที่จะมีกษัตริย์ ดูได้จากหนังสือ 1 ซามูเอล 1–4
Jeremiah 7
New King James Version
Trusting in Lying Words(A)
7 The word that came to Jeremiah from the Lord, saying, 2 (B)“Stand in the gate of the Lord’s house, and proclaim there this word, and say, ‘Hear the word of the Lord, all you of Judah who enter in at these gates to worship the Lord!’ ” 3 Thus says the Lord of hosts, the God of Israel: (C)“Amend your ways and your doings, and I will cause you to dwell in this place. 4 (D)Do not trust in these lying words, saying, ‘The temple of the Lord, the temple of the Lord, the temple of the Lord are these.’
5 “For if you thoroughly amend your ways and your doings, if you thoroughly (E)execute [a]judgment between a man and his neighbor, 6 if you do not oppress the stranger, the fatherless, and the widow, and do not shed innocent blood in this place, (F)or walk after other gods to your hurt, 7 (G)then I will cause you to dwell in this place, in (H)the land that I gave to your fathers forever and ever.
8 “Behold, you trust in (I)lying words that cannot profit. 9 (J)Will you steal, murder, commit adultery, swear falsely, burn incense to Baal, and (K)walk after other gods whom you do not know, 10 (L)and then come and stand before Me in this house (M)which is called by My name, and say, ‘We are delivered to do all these abominations’? 11 Has (N)this house, which is called by My name, become a (O)den of thieves in your eyes? Behold, I, even I, have seen it,” says the Lord.
12 “But go now to (P)My place which was in Shiloh, (Q)where I set My name at the first, and see (R)what I did to it because of the wickedness of My people Israel. 13 And now, because you have done all these works,” says the Lord, “and I spoke to you, (S)rising up early and speaking, but you did not hear, and I (T)called you, but you did not answer, 14 therefore I will do to the house which is called by My name, in which you trust, and to this place which I gave to you and your fathers, as I have done to (U)Shiloh. 15 And I will cast you out of My sight, (V)as I have cast out all your brethren—(W)the whole posterity of Ephraim.
16 “Therefore (X)do not pray for this people, nor lift up a cry or prayer for them, nor make intercession to Me; (Y)for I will not hear you. 17 Do you not see what they do in the cities of Judah and in the streets of Jerusalem? 18 (Z)The children gather wood, the fathers kindle the fire, and the women knead dough, to make cakes for the queen of heaven; and they (AA)pour out drink offerings to other gods, that they may provoke Me to anger. 19 (AB)Do they provoke Me to anger?” says the Lord. “Do they not provoke themselves, to the shame of their own faces?”
20 Therefore thus says the Lord God: “Behold, My anger and My fury will be poured out on this place—on man and on beast, on the trees of the field and on the fruit of the ground. And it will burn and not be quenched.”
21 Thus says the Lord of hosts, the God of Israel: (AC)“Add your burnt offerings to your sacrifices and eat meat. 22 (AD)For I did not speak to your fathers, or command them in the day that I brought them out of the land of Egypt, concerning burnt offerings or sacrifices. 23 But this is what I commanded them, saying, (AE)‘Obey My voice, and (AF)I will be your God, and you shall be My people. And walk in all the ways that I have commanded you, that it may be well with you.’ 24 (AG)Yet they did not obey or incline their ear, but (AH)followed[b] the counsels and the [c]dictates of their evil hearts, and (AI)went[d] backward and not forward. 25 Since the day that your fathers came out of the land of Egypt until this day, I have even (AJ)sent to you all My servants the prophets, daily rising up early and sending them. 26 (AK)Yet they did not obey Me or incline their ear, but (AL)stiffened their neck. (AM)They did worse than their fathers.
27 “Therefore (AN)you shall speak all these words to them, but they will not obey you. You shall also call to them, but they will not answer you.
Judgment on Obscene Religion
28 “So you shall say to them, ‘This is a nation that does not obey the voice of the Lord their God (AO)nor receive correction. (AP)Truth has perished and has been cut off from their mouth. 29 (AQ)Cut off your hair and cast it away, and take up a lamentation on the desolate heights; for the Lord has rejected and forsaken the generation of His wrath.’ 30 For the children of Judah have done evil in My sight,” says the Lord. (AR)“They have set their abominations in the house which is called by My name, to [e]pollute it. 31 And they have built the (AS)high places of Tophet, which is in the Valley of the Son of Hinnom, to (AT)burn their sons and their daughters in the fire, (AU)which I did not command, nor did it come into My heart.
32 “Therefore behold, (AV)the days are coming,” says the Lord, “when it will no more be called Tophet, or the Valley of the Son of Hinnom, but the Valley of Slaughter; (AW)for they will bury in Tophet until there is no room. 33 The (AX)corpses of this people will be food for the birds of the heaven and for the beasts of the earth. And no one will frighten them away. 34 Then I will cause to (AY)cease from the cities of Judah and from the streets of Jerusalem the voice of mirth and the voice of gladness, the voice of the bridegroom and the voice of the bride. For (AZ)the land shall be desolate.
Footnotes
- Jeremiah 7:5 justice
- Jeremiah 7:24 walked in
- Jeremiah 7:24 stubbornness or imagination
- Jeremiah 7:24 Lit. they were
- Jeremiah 7:30 defile
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International
Scripture taken from the New King James Version®. Copyright © 1982 by Thomas Nelson. Used by permission. All rights reserved.