Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
พระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองชนชาติของพระองค์
บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา ของดาวิด
1 ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
ชาวอิสราเอลจงกล่าวต่อไปเถิด
2 ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
เวลาคนโจมตีเรา
3 เขาคงได้กลืนกินพวกเราไปแล้วทั้งเป็น
ยามที่ความกริ้วพลุ่งเข้าใส่พวกเรา
4 น้ำคงพัดพาเราไหลไป
กระแสน้ำคงซัดเอาตัวเราจนมิดไปแล้ว
5 กระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
คงซัดเราจนมิดไปแล้ว
6 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ไม่ได้ให้เราตกเป็นเหยื่อในปากใคร
7 พวกเราหนีรอดพ้นมาได้ดั่งนก
หลีกหนีจากกับดักของนายพราน
เมื่อกับดักหักไป
เราก็หนีรอดพ้นมาได้
8 ความช่วยเหลือที่พวกเราได้รับอยู่ภายใต้พระนามของพระผู้เป็นเจ้า
ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
พันธสัญญาที่พระเจ้าทำกับโนอาห์
9 แล้วพระเจ้าก็อวยพรโนอาห์กับบุตรของเขา และกล่าวว่า “จงเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก 2 สัตว์ป่าในโลก นกในอากาศ สัตว์เลื้อยคลานบนดิน และปลาในทะเลทุกตัวจะกลัวและยำเกรงพวกเจ้า และจะอยู่ใต้อำนาจของเจ้าด้วย 3 ทุกสิ่งที่มีชีวิตและเคลื่อนไหวได้มีไว้ให้เจ้ากินเป็นอาหาร เช่นเดียวกับพืชผักที่เราให้ เราให้ทุกสิ่งแก่เจ้าแล้ว 4 มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่ควรกิน คือเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดคั่งค้างอยู่ เพราะเลือดคือชีวิต 5 เลือดของเจ้าคือชีวิตของเจ้า เป็นธุระของเราที่จะต้องจัดการคือ เราจะคิดบัญชีกับสัตว์ป่าทุกตัวที่ฆ่ามนุษย์ เราจะคิดบัญชีกับคนที่ฆ่าเอาชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
6 ใครก็ตามที่ทำให้มนุษย์ต้องหลั่งเลือด
เลือดของเขาก็ต้องหลั่งออกโดยมนุษย์เช่นกัน
เพราะว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์
ตามคุณลักษณะของพระองค์เอง
7 จงเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก”
8 แล้วพระเจ้ากล่าวกับโนอาห์และบุตรของเขาว่า 9 “ดูเถิด เราทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้าและกับผู้สืบเชื้อสายของเจ้าต่อจากเจ้าไปอีก 10 และกับสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งที่อยู่กับเจ้า ได้แก่ นก สัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่าทั้งปวงในโลกที่อยู่และออกมาจากเรือใหญ่พร้อมกับเจ้า 11 เราทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้าไว้ว่า เราจะไม่ทำให้สิ่งมีชีวิตถูกน้ำท่วมตายทั้งหมดอีก และจะไม่มีวันที่น้ำจะท่วมทำลายแผ่นดินโลกอีก” 12 และพระเจ้ากล่าวว่า “นี่คือสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาที่เราทำไว้ระหว่างเรากับเจ้าและกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่กับเจ้าตราบจนถึงทุกชาติพันธุ์ 13 เราวางรุ้งของเราไว้บนเมฆ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดินโลก 14 ยามใดที่เมฆปกคลุมเหนือแผ่นดินโลก และรุ้งปรากฏบนเมฆ 15 เราก็จะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีไว้ระหว่างเรากับเจ้าและสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และน้ำจะไม่ท่วมจนถึงขั้นทำลายทุกชีวิตอีกเลย 16 เวลารุ้งปรากฏบนเมฆ เรามองดูรุ้ง และจะระลึกถึงพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์ระหว่างพระเจ้ากับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่บนแผ่นดินโลก” 17 พระเจ้ากล่าวกับโนอาห์ว่า “นี่คือสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้ระหว่างเรากับสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่อยู่บนแผ่นดินโลก”
32 แล้วข้าพเจ้าจะพูดอะไรมากกว่านี้อีกเล่า ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอที่จะบอกเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทั้งหลาย 33 ซึ่งด้วยความเชื่อ จึงมีชัยชนะได้อาณาจักรต่างๆ การปฏิบัติที่แสดงถึงความชอบธรรม ได้รับพระสัญญา ปิดปากสิงโต 34 ดับไฟที่ไหม้โหมกระหน่ำ หลุดพ้นจากคมดาบ จากคนอ่อนแอก็กลายเป็นคนเข้มแข็งได้ กลายเป็นคนแข็งแกร่งในสงคราม ตีกองทัพชาติอื่นๆ จนแตกพ่ายไป 35 พวกผู้หญิงได้พวกของตนที่ตายแล้วกลับฟื้นคืนชีวิต แต่บางคนถูกทรมาน และไม่ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อพวกเขาจะได้ฟื้นคืนชีวิตที่ดีกว่านั้นอีก 36 บางคนก็ประสบกับการเยาะเย้ยและเฆี่ยนตี อีกทั้งถูกล่ามโซ่กับจำคุกด้วย 37 บางคนถูกขว้างด้วยก้อนหิน บ้างก็ถูกเลื่อยเป็น 2 ท่อน [พวกเขาถูกทดสอบใจ][a] บางคนถูกฆ่าตายด้วยคมดาบ บ้างก็ต้องนุ่งห่มด้วยหนังแกะหนังแพะเร่ร่อนไป สิ้นเนื้อประดาตัว ถูกกดขี่ข่มเหงและทารุณ 38 โลกไม่ดีพอสำหรับคนเหล่านี้ พวกเขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดารและตามภูเขา ตามถ้ำและอยู่ในโพรงใต้ดิน
39 คนเหล่านี้ได้รับการเห็นชอบเพราะความเชื่อของเขา แต่ก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ 40 เพราะพระเจ้าได้เตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้พวกเรา เพื่อว่าพวกเขาจะเพียบพร้อมทุกประการได้ ก็ต่อเมื่อมีพวกเราทั้งหลายรวมอยู่ด้วย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation