Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ฮักกัย 1:15-2:9

15 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนหก ในปีที่สองของกษัตริย์ดาริอัส

พระบารมีของพระตำหนัก

ในวันที่ยี่สิบเอ็ดของเดือนเจ็ด คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าผ่านทางฮักกัยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าดังนี้ว่า “จงพูดกับเศรุบบาเบลบุตรของเชอัลทิเอลผู้ว่าราชการแห่งยูดาห์ กับโยชูวาบุตรของเยโฮซาดักหัวหน้ามหาปุโรหิต และกับประชาชนที่เหลือ จงถามพวกเขาดังนี้ว่า ‘ในบรรดาพวกเจ้าที่เหลืออยู่นี้ มีใครบ้างที่เห็นตำหนักนี้เมื่อครั้งที่ความสง่างามปรากฏตั้งแต่แรก แล้วเจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไรในเวลานี้ ในสายตาของเจ้าคงดูเหมือนว่าไม่เห็นอะไรเลย’” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “แต่จงเข้มแข็งเถิด เศรุบบาเบลเอ๋ย จงเข้มแข็งเถิด โยชูวาบุตรเยโฮซาดักหัวหน้ามหาปุโรหิต จงเข้มแข็งเถิด พวกเจ้าทุกคนที่เป็นประชาชนของแผ่นดิน” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “จงปฏิบัติงาน เพราะเราอยู่กับพวกเจ้า” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น “ตามพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเจ้าเมื่อเจ้าออกจากอียิปต์ วิญญาณของเราอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า อย่ากลัวเลย” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “อีกไม่นาน เราจะทำให้ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทะเลและแผ่นดินแห้งสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง[a] และเราจะทำให้ประชาชาติทั้งปวงได้รับผลกระทบ และสมบัติของประชาชาติทั้งปวงจะเข้ามา และเราจะให้ตำหนักนี้เต็มด้วยความสง่างาม” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น “เงินเป็นของเรา และทองคำก็เป็นของเรา” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น “ความสง่างามของตำหนักในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าความสง่างามในครั้งแรก” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น “และเราจะให้ความสงบสุขแก่ที่แห่งนี้” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

สดุดี 145:1-5

พระเจ้าตอบรับทุกคนที่รักและเกรงกลัวพระองค์

เพลงสรรเสริญ ของดาวิด

ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ กษัตริย์และพระเจ้าของข้าพเจ้า
    และนมัสการพระนามของพระองค์ไปชั่วนิรันดร์กาล
ข้าพเจ้าจะนมัสการพระองค์ทุกวัน
    และสรรเสริญพระนามของพระองค์ไปชั่วนิรันดร์กาล

พระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่ง สมแล้วกับการสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง
    และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ก็ไร้ขอบเขต
คนของแต่ละยุคจะสรรเสริญการงานของพระองค์ให้ยุคต่อๆ ไปฟัง
    และเขาจะประกาศถึงการกระทำอันกอปรด้วยอานุภาพของพระองค์
ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงพระสง่าราศีอันเรืองรองและงามตระการ
    และสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์

สดุดี 145:17-21

17 พระผู้เป็นเจ้ายุติธรรมในทุกสิ่ง
    และแสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์ในทุกเรื่อง
18 พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ใกล้ๆ ทุกคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์
    เฉพาะคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์อย่างจริงใจ
19 พระองค์ให้แก่ทุกคนที่เกรงกลัวพระองค์ ตามความต้องการของเขา
    พระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และช่วยพวกเขาให้ปลอดภัย
20 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองทุกคนที่รักพระองค์
    แต่ใครก็ตามที่ชั่วร้าย พระองค์จะทำให้เขาพินาศ

21 ปากของข้าพเจ้ากล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    และให้ทุกๆ ชีวิตนมัสการพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ตราบชั่วนิรันดร์กาล

สดุดี 98

จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี

เพลงสดุดี

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์
มือขวาและแขนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    นำชัยชนะมาสู่พระองค์
พระผู้เป็นเจ้าให้ชัยชนะเป็นที่ปรากฏในสายตาของบรรดาประชาชาติ
    พระองค์เผยความชอบธรรมของพระองค์
พระองค์ไม่ลืมความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
    ที่มีต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ทั่วแหล่งหล้าได้เห็นชัยชนะ
    ของพระเจ้าของเราแล้ว

ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
    จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี และร้องเพลงสรรเสริญ
ร้องเพลงคลอคู่กับพิณเล็กถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยทำนองเสียงร้องเพลงกับพิณเล็ก
กับแตรยาว[a]และเสียงแตรงอน[b]
    เปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่กษัตริย์ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้า

ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
    ทั้งโลกและผู้อาศัยอยู่ในนั้นพากันแซ่ซ้องด้วย
ให้กระแสน้ำส่งเสียงครืนครั่น
    ให้ทิวเขาเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความยินดีคู่กันไป
ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
    และพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความเที่ยงธรรม

2 เธสะโลนิกา 2:1-5

คนนอกกฎ

เรื่องการมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องที่พระองค์จะรับเราไปอยู่ด้วยกันกับพระองค์ เราขอร้องท่านพี่น้องทั้งหลายว่า ท่านไม่ต้องหวั่นไหวโดยง่าย หรือตระหนกตกใจง่ายเนื่องจากคำพยากรณ์ คำรายงานหรือจดหมายที่ดูเหมือนว่าจะมาจากพวกเรา โดยอ้างว่าวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมานั้นได้มาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวงท่านได้เลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าการขัดขืนต่อพระเจ้าจะเกิดขึ้นก่อน และคนนอกกฎจึงจะปรากฏ เขาคือบุตรแห่งความพินาศ เขาจะต่อต้านและยกตนเองเหนือทุกสิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้า หรือวัตถุบูชา เพื่อตนจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้า และประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้า ท่านจำไม่ได้หรือว่าขณะที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าบอกเรื่องเหล่านี้ให้ท่านทราบแล้ว

2 เธสะโลนิกา 2:13-17

ยืนหยัดในความเชื่อ

13 พี่น้องทั้งหลายที่พระผู้เป็นเจ้ารัก พวกเราควรขอบคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะพระเจ้าได้เลือกท่านไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อความรอดพ้นโดยการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ และการมีความเชื่อในความจริง 14 พระองค์ได้เรียกท่านทั้งหลายมาสู่สิ่งที่กล่าวมานี้โดยผ่านข่าวประเสริฐของเรา เพื่อว่าท่านจะได้รับพระบารมีของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 15 ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายควรยืนหยัดและยึดถือสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ต่อๆ กันมา ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือเป็นจดหมายจากเราก็ตาม

16 ขอพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเราผู้รักเราและได้ให้กำลังใจอันยั่งยืนเป็นนิจแก่พวกเรา และความหวังที่ดีด้วยพระคุณของพระองค์ 17 โปรดให้กำลังใจและเสริมกำลังแก่ท่านในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง

ลูกา 20:27-38

ความสงสัยเรื่องวันที่ฟื้นคืนชีวิต

27 พวกสะดูสีบางคน[a] (ซึ่งพูดว่าไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย) ได้มาหาพระเยซูและถามว่า 28 “อาจารย์ ตามที่โมเสสได้เขียนไว้ให้พวกเราว่า ถ้าชายคนหนึ่งมีพี่ชายซึ่งตายไป และทิ้งภรรยาไว้โดยไม่มีบุตรด้วยเลย น้องชายของคนตายควรรับหญิงม่ายไว้ เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชายของเขา 29 ครั้งหนึ่งมีพี่น้องที่เป็นชายอยู่ 7 คน คนแรกมีภรรยา และตายโดยไม่มีบุตรด้วย 30 คนที่สอง 31 และคนที่สามสมรสกับนาง จนถึงคนที่เจ็ดก็ตายเช่นกันโดยไม่มีบุตรด้วย 32 ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย 33 เมื่อถึงวันที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย แล้วหญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร ในเมื่อทั้ง 7 คนได้นางเป็นภรรยา”

34 พระเยซูตอบว่า “ผู้คนในยุคนี้สมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน 35 แต่สำหรับพวกที่นับว่าสมควรจะได้ร่วมในยุคที่จะมาถึงและในวันที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย จะไม่มีการสมรสหรือการยกให้เป็นสามีภรรยากัน 36 และเขาจะตายอีกไม่ได้ เพราะว่าเขาจะเป็นเหมือนพวกทูตสวรรค์ ในเมื่อเขาเป็นบรรดาบุตรที่ได้รับการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เขาจึงเป็นบุตรของพระเจ้า 37 โมเสสแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ตายไปแล้วยังจะฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ในตอนที่เกี่ยวกับพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ โมเสสพูดถึงพระผู้เป็นเจ้าว่า พระองค์เป็น ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’[b] 38 พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าสำหรับพระเจ้าแล้วทุกคนเป็นอยู่”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation