Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 119:49-56

ไซอิน

49 โปรดระลึกถึงคำสัญญาที่ให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    คำสัญญานั้นทำให้ข้าพเจ้ามีความหวัง
50 คำสัญญาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
    นี่แหละคือคำปลอบโยนของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
51 แม้ว่า คนหยิ่งยโสจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนก็ตาม
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยหันไปจากคำสั่งสอนของพระองค์
52 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังระลึกถึงกฎเกณฑ์ต่างๆที่พระองค์ให้นานมาแล้วนั้น
    และมันก็ปลอบใจข้าพเจ้า
53 ข้าพเจ้าโกรธจับใจต่อคนชั่วช้าเหล่านั้น
    ที่ละทิ้งคำสั่งสอนของพระองค์ไป
54 ข้าพเจ้าร้องเพลงเรื่องกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
    ในทุกหนแห่งที่ข้าพเจ้าพักอาศัย
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืน ข้าพเจ้าก็ยังระลึกถึงชื่อเสียงของพระองค์
    ข้าพเจ้าก็เลยรักษาคำสั่งสอนของพระองค์
56 ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ
    คือที่ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์

เยเรมียาห์ 32:16-35

16 หลังจากที่ผมได้ให้หนังสือซื้อขายกับบารุคลูกชายของเนริยาห์ไปแล้ว ผมก็ได้อธิษฐานถึงพระยาห์เวห์ว่า

17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์สร้างฟ้าและแผ่นดินโลกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และแขนที่ยื่นออกมาของพระองค์ ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ 18 พระองค์คือผู้ที่แสดงความเมตตาแก่คนเป็นพันๆและเป็นผู้ที่ตอบแทนความผิดบาปของพ่อแม่ให้กับลูกๆของพวกเขา พระองค์คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าที่ทรงพลังที่มีชื่อว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น

19 แผนการของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ และการกระทำของพระองค์ก็ยอดเยี่ยม พระองค์เป็นผู้ที่มีดวงตาคอยสอดส่องการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ เพื่อตอบแทนให้กับแต่ละคนตามวิถีทางต่างๆของเขา และการกระทำต่างๆของเขา ตามที่เขาสมควรจะได้รับ

20 พระองค์คือผู้ที่ได้ทำหมายสำคัญ และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งไม่มีอะไรที่จะเหนือกว่านั้นอีกแล้ว มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะในอิสราเอลหรือในชนกลุ่มไหนก็ตาม พระองค์สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เอง ชื่อเสียงพระองค์เป็นที่เคารพยำเกรงมาจนถึงทุกวันนี้ 21 พระองค์ได้นำอิสราเอลที่เป็นคนของพระองค์ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและสิ่งมหัศจรรย์มากมายด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกและด้วยความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

22 พระองค์ได้ให้แผ่นดินนี้กับคนอิสราเอล แผ่นดินที่พระองค์ได้สาบานไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่า พระองค์จะให้กับพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำเชื่อมผลไม้ 23 พวกอิสราเอลก็ได้เข้ามาในแผ่นดินนี้ และก็ได้ครอบครองมัน แต่พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ และไม่เดินตามกฎต่างๆของพระองค์ พวกเขาไม่ทำสิ่งต่างๆที่พระองค์สั่งให้พวกเขาทำ แล้วพระองค์ก็ทำให้พวกเขาต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดเหล่านี้

24 พวกชาวบาบิโลน ได้สร้างเนินดินติดกำแพงเมืองเพื่อที่จะบุกยึดเมือง เนื่องจากคมดาบ ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บ เมืองก็เลยตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลนที่กำลังต่อสู้กับมัน สิ่งที่พระองค์บอกว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และพระองค์ก็เห็น

25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘ให้เอาเงินไปซื้อท้องทุ่งนั้นเอาไว้เอง และให้มีพยานรับรองด้วย’ แต่เมืองนี้กำลังจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกบาบิโลนอยู่แล้ว”

26 และข่าวสารของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ พระองค์พูดว่า 27 “เยเรมียาห์ เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราหรือ”[a] 28 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้ “เราจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน และเขาจะยึดครองมัน 29 ชาวบาบิโลนที่กำลังสู้รบอยู่กับเมืองนี้จะบุกเข้ามาในเมือง และจุดไฟเผาเมือง พวกเขาจะเผาบ้านเรือนต่างๆที่เผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัลบนดาดฟ้า และถวายเครื่องดื่มบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เราโกรธ 30 เพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำสิ่งที่เราถือว่าชั่วร้ายจริงๆมาตั้งแต่เด็กๆเพราะชาวอิสราเอลได้สร้างรูปเคารพขึ้นมากับมือ ซึ่งทำให้เราโกรธ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 31 “ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราโกรธเมืองนี้ตั้งแต่วันที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาแล้ว โกรธมาจนถึงทุกวันนี้ เราโกรธถึงขนาดที่จะกำจัดมันให้พ้นไปจากหน้าเรา 32 เราโกรธเพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นการยั่วโมโหเรา พวกมันต่างพากันทำสิ่งที่ชั่วร้ายกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกคนยูดาห์ หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม

33 พวกมันหันหลังให้เรา ไม่ได้หันหน้าให้เรา ถึงแม้เราจะสอนพวกมัน ลุกขึ้นแต่เช้ามาสอนพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่ยอมรับการตักเตือน 34 พวกมันเอาสิ่งที่น่ารังเกียจขยะแขยงมาตั้งไว้ในบ้านที่ถูกเรียกว่าเป็นของเรา ทำให้บ้านนั้นเสื่อมไป

35 พวกมันก็ได้สร้างสถานนมัสการต่างๆสำหรับพระบาอัล ในหุบเขาแห่งเบน-ฮินโนม เพื่อเอาไว้เป็นที่สำหรับเซ่นไหว้พวกลูกชายและลูกสาวของพวกมันให้กับพระโมเลค ทั้งๆที่เราไม่ได้สั่ง หรือแม้แต่คิดจะสั่งเรื่องน่าขยะแขยงอย่างนี้ ดังนั้นมันจึงทำให้ชาวยูดาห์บาป

วิวรณ์ 3:14-22

ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองเลาดีเซีย

14 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองเลาดีเซียว่า

“พระองค์ผู้ที่ได้ชื่อว่าอาเมน ผู้ที่ซื่อสัตย์ ผู้เป็นพยานที่แท้จริง พระเจ้าได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาผ่านทางผู้นี้พูดว่า 15 เรารับรู้การกระทำของเจ้า เจ้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว เราอยากให้เจ้ารู้ร้อนหรือรู้หนาว อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า 16 แต่เจ้าเพียงแค่อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่หนาว ดังนั้นเราจะสำรอกเจ้าออกจากปากของเรา 17 เจ้าพูดว่า เจ้าร่ำรวยและมั่งคั่งไม่ขาดอะไรเลย แต่เจ้าไม่รู้ว่าตัวเจ้านั้นน่าสมเพช น่าสงสาร ยากไร้ ตาบอด และเปลือยกายอยู่ 18 เราแนะนำให้เจ้าซื้อทองคำจากเรา ที่ได้หลอมด้วยไฟให้บริสุทธิ์แล้ว เจ้าจะได้ร่ำรวยจริงๆ ให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาวไปใส่เพื่อจะได้ไม่ต้องอายเพราะเปลือยกายอยู่ แล้วให้ซื้อยามาใส่ตาของเจ้าเพื่อจะได้มองเห็น”

19 “เรารักใครเราก็จะตักเตือนและตีสอนคนนั้น ดังนั้นให้มีไฟและกลับตัวกลับใจ 20 ฟังไว้ให้ดี เรายืนเคาะประตูอยู่ ถ้าใครได้ยินเสียงของเราแล้วเปิดประตู เราจะเข้าไปข้างใน และกินอาหารร่วมกับคนนั้น

21 เราจะให้สิทธิ์กับคนนั้นที่ได้รับชัยชนะ นั่งบนบัลลังก์กับเรา เหมือนกับที่เราได้รับชัยชนะและได้นั่งกับพระบิดาของเราบนบัลลังก์ของพระองค์ 22 ใครมีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณได้บอกกับหมู่ประชุมต่างๆ”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International