Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
ไว้ใจพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
2 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
3 อย่าวางใจในบรรดาเจ้าขุนมูลนาย
หรือมนุษย์อื่นซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้
4 เมื่อเขาหมดลมหายใจ เขาก็กลับคืนสู่ดิน
แผนการต่างๆ ที่วางไว้ก็เป็นอันจบสิ้นในวันนั้นเอง
5 คนที่พระเจ้าของยาโคบช่วยเหลือไว้
คนที่มีความหวังในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าของเขา ก็เป็นสุข
6 พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น[a]
พระองค์รักษาสัญญาเสมอ
7 พระองค์คุ้มครองผู้ถูกบีบบังคับ
และให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
พระผู้เป็นเจ้าปล่อยพวกถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
8 พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนตาบอดมองเห็น
พระผู้เป็นเจ้าพยุงพวกเขาขึ้นมาจากความสิ้นหวัง
พระผู้เป็นเจ้ารักผู้มีความชอบธรรม
9 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองคนต่างด้าว
พระองค์บรรเทาทุกข์ของหญิงม่ายและเด็กกำพร้า
แต่พระองค์ทำลายหนทางของคนชั่วร้าย
10 พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์อยู่ตลอดกาล
โอ ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าครองอยู่ทุกชั่วอายุคน
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
รูธพบกับโบอาส
2 นาโอมีรู้จักกับญาติของสามีคนหนึ่งชื่อโบอาส เขาเป็นเศรษฐีที่ดินจากตระกูลเอลีเมเลค 2 รูธชาวโมอับพูดกับนาโอมีว่า “ขอให้ลูกเข้าไปในนาเก็บข้าวที่เขาเกี่ยวตกหล่นไว้เถิด[a] ลูกจะตามหลังคนที่มีใจเมตตายอมให้ลูกเก็บ” นางตอบว่า “ไปเถิด ลูกเอ๋ย” 3 รูธจึงออกไปเก็บข้าวตกในนา โดยเดินตามหลังเหล่าคนเกี่ยว นางเกิดเดินเข้าไปในนาของโบอาสที่เป็นคนจากตระกูลเอลีเมเลคอย่างไม่รู้ตัว 4 ดูเถิด โบอาสเพิ่งกลับมาจากเบธเลเฮม เขาทักทายพวกคนเกี่ยวข้าวว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” พวกเขาตอบว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่านเถิด” 5 แล้วโบอาสถามชายหนุ่มที่คุมคนเกี่ยวข้าวว่า “หญิงสาวคนนี้เป็นคนของใคร” 6 ผู้รับใช้คุมคนเกี่ยวข้าวตอบว่า “นางเป็นหญิงชาวโมอับที่กลับมาจากชนบทโมอับกับนาโอมี 7 นางพูดว่า ‘โปรดให้ฉันเก็บและรวบรวมข้าวที่ตกจากฟ่อน ตามหลังคนที่เก็บเกี่ยวเถิด’ นางก็มาเก็บอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่เช้าตรู่จนบัดนี้ ยกเว้นหยุดพักเพียงครู่เดียว”
8 โบอาสจึงพูดกับรูธว่า “จงฟังเถิด ลูกเอ๋ย อย่าไปเก็บข้าวตกในนาของคนอื่นเลย และไม่ต้องไปจากนานี้ แต่จงอยู่ใกล้ๆ พวกหญิงรับใช้ของเรา 9 จงจับตาดูนาที่พวกผู้ชายกำลังเก็บเกี่ยว และตามหลังพวกเขาไป เราบอกพวกผู้ชายแล้วว่าไม่ให้แตะต้องตัวเจ้า เวลาเจ้าหิวน้ำ ก็ไปดื่มจากหม้อน้ำที่พวกเขาตักไว้แล้ว”
มีความชอบธรรมได้ด้วยความเชื่อ
21 แต่บัดนี้ ความชอบธรรมที่ได้รับจากพระเจ้าได้เป็นที่ปรากฏแล้ว ซึ่งไม่อยู่ภายใต้กฎบัญญัติ ทั้งหมวดกฎบัญญัติและหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าก็ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ 22 พระเจ้านับทุกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่า ได้รับความชอบธรรมจากพระเจ้า เพราะคนทั้งหลายไม่ต่างกันเลย 23 ด้วยว่าทุกคนได้กระทำบาป และไม่สามารถเข้าถึงพระบารมีของพระเจ้าได้ 24 แต่เราพ้นผิดได้โดยพระคุณของพระองค์ ซึ่งมอบให้แก่เรา จากการที่พระเยซูคริสต์เป็นผู้ไถ่บาป 25 พระเจ้าได้ให้พระองค์เป็นเครื่องสักการะเพื่อชดใช้บาปของมนุษย์ โดยให้พวกเขามีความเชื่อในโลหิตของพระองค์ พระองค์ได้กระทำไปก็เพื่อเป็นการแสดงความชอบธรรมของพระองค์ เพราะเท่าที่ผ่านมาในอดีต พระองค์อดกลั้นไว้ ไม่ลงโทษคนที่ได้กระทำบาป 26 แต่ในปัจจุบันนี้การกระทำของพระองค์แสดงถึงความชอบธรรม และในการนี้แสดงว่า พระองค์เป็นผู้มีความยุติธรรม และพระองค์เป็นผู้ถือว่า คนที่มีความเชื่อในพระเยซูพ้นผิดแล้ว
27 ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะโอ้อวดอะไรได้ ไม่มีเลย ใช้หลักอะไรได้บ้าง ด้วยการปฏิบัติตามกฎบัญญัติหรือ ไม่ใช่ แต่ด้วยหลักแห่งความเชื่อต่างหาก 28 เพราะเราเห็นว่ามนุษย์จะพ้นผิดได้โดยความเชื่อ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การปฏิบัติตามกฎบัญญัติ 29 หรือว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าของชาวยิวเพียงเท่านั้นหรือ พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของบรรดาคนนอกด้วยหรือ ใช่แล้ว พระองค์เป็นพระเจ้าของบรรดาคนนอกด้วย 30 ในเมื่อมีเพียงพระเจ้าองค์เดียว พระองค์จะโปรดให้คนที่ได้เข้าสุหนัตพ้นผิดถ้าเขามีความเชื่อ และคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตก็ใช้ความเชื่อเดียวกันนั้นเอง 31 เช่นนั้นแล้วเรายกเลิกกฎบัญญัติโดยการมีความเชื่อหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น แต่ตรงกันข้าม เราสนับสนุนกฎบัญญัติเสียอีก
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation