Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
พระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองชนชาติของพระองค์
บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา ของดาวิด
1 ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
ชาวอิสราเอลจงกล่าวต่อไปเถิด
2 ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
เวลาคนโจมตีเรา
3 เขาคงได้กลืนกินพวกเราไปแล้วทั้งเป็น
ยามที่ความกริ้วพลุ่งเข้าใส่พวกเรา
4 น้ำคงพัดพาเราไหลไป
กระแสน้ำคงซัดเอาตัวเราจนมิดไปแล้ว
5 กระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
คงซัดเราจนมิดไปแล้ว
6 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ไม่ได้ให้เราตกเป็นเหยื่อในปากใคร
7 พวกเราหนีรอดพ้นมาได้ดั่งนก
หลีกหนีจากกับดักของนายพราน
เมื่อกับดักหักไป
เราก็หนีรอดพ้นมาได้
8 ความช่วยเหลือที่พวกเราได้รับอยู่ภายใต้พระนามของพระผู้เป็นเจ้า
ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
เอสเธอร์รับเลือกเป็นราชินี
2 หลังจากนั้น เมื่อกษัตริย์อาหสุเอรัสคลายความโกรธลงแล้ว ท่านระลึกถึงการกระทำของนางวัชที และคำสั่งที่ห้ามนางเข้าเฝ้าต่อไป 2 และบรรดาผู้รับใช้ชายที่ปรนนิบัติกษัตริย์เสนอว่า “ขอโปรดเสาะหาพรหมจาริณีสาวรูปงามให้กษัตริย์เถิด 3 และให้กษัตริย์แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในแคว้นทุกแคว้นของอาณาจักร เพื่อพาพรหมจาริณีสาวรูปงามทุกคนมายังฮาเร็มที่สุสาเมืองป้อมปราการ ให้อยู่ภายใต้การดูแลของเฮกัยขันทีของกษัตริย์ ผู้ควบคุมดูแลผู้หญิงทั้งหลาย และให้พวกเขาได้รับการเสริมความงาม 4 และขอให้หญิงสาวผู้เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ ได้รับตำแหน่งราชินีแทนวัชที” กษัตริย์พอใจในข้อเสนอ จึงดำเนินการตามนั้น
5 ในเวลานั้น มีชาวยิวผู้หนึ่งที่สุสาเมืองป้อมปราการ ชื่อโมร์เดคัยบุตรของยาอีร์ ยาอีร์เป็นบุตรของชิเมอี ชิเมอีเป็นบุตรของคีชชาวเบนยามิน 6 เขาเป็นคนที่ถูกจับตัวจากเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยพร้อมกับกลุ่มเชลยและเยโคนิยาห์[a]กษัตริย์แห่งยูดาห์ ครั้งที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลนจับไป 7 เขาเลี้ยงดูฮาดัสซา ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า เอสเธอร์ เธอเป็นบุตรหญิงของลุงของเขา และกำพร้าทั้งบิดาและมารดา เธอมีรูปร่างหน้าตาสวย เมื่อบิดามารดาของเธอสิ้นชีวิต โมร์เดคัยจึงรับเธอมาเป็นบุตรของตน 8 ฉะนั้น เมื่อมีคำสั่งและประกาศกฤษฎีกาของกษัตริย์ และเมื่อหญิงสาวมากมายมารวมกันที่สุสาเมืองป้อมปราการ ภายใต้การดูแลของเฮกัย เอสเธอร์ก็ถูกนำมายังราชวัง และอยู่ภายใต้การดูแลของเฮกัยผู้ควบคุมดูแลผู้หญิงทั้งหลาย 9 เอสเธอร์เป็นที่พึงใจและทำให้เขาชอบใจเธอเป็นพิเศษ เขาจึงเตรียมเสริมความงามและจัดหาอาหารให้แก่เธอเพิ่มเติม อีกทั้งจัดหาหญิงสาว 7 คนที่ได้คัดเลือกจากราชวัง เพื่อมารับใช้เธอ และย้ายเอสเธอร์กับหญิงรับใช้เข้าไปอยู่ในสถานที่ดีที่สุดในฮาเร็ม 10 เอสเธอร์ยังไม่ได้เปิดเผยสัญชาติและประวัติครอบครัวของเธอ เพราะโมร์เดคัยได้สั่งห้ามไว้ 11 ทุกๆ วัน โมร์เดคัยเดินอยู่ที่หน้าลานฮาเร็ม เพื่อดูว่าเอสเธอร์เป็นอยู่อย่างไร และเธอทำอะไรบ้าง
12 หลังจากที่บรรดาหญิงสาวผ่านการเสริมความงามเป็นเวลา 12 เดือนตามกำหนด คือ ชโลมกายด้วยน้ำมันมดยอบ 6 เดือน และด้วยน้ำมันกับเครื่องหอมอีก 6 เดือนก็จะถึงเวรที่หญิงสาวแต่ละคนจะได้เข้าเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัส 13 เมื่อหญิงสาวเข้าเฝ้ากษัตริย์ในกรณีดังกล่าว เธอจะได้รับสิ่งที่เธอปรารถนาจากฮาเร็ม และนำติดตัวไปที่ราชวัง 14 ในเวลาเย็น เธอจะไปที่ราชวัง และในเวลาเช้า เธอจะกลับไปยังฮาเร็มที่สองภายใต้การดูแลของชาอัชกัซขันทีของกษัตริย์ ผู้เป็นผู้ควบคุมดูแลบรรดาภรรยาน้อย เธอจะไม่เข้าเฝ้ากษัตริย์อีก เว้นเสียแต่ว่ากษัตริย์จะพึงพอใจเธอ และเรียกชื่อเธอให้มาเข้าเฝ้า
15 เมื่อถึงเวลาของเอสเธอร์บุตรหญิงของอาบีฮาอิลลุงของโมร์เดคัย ผู้รับเธอเป็นบุตรของตน จะต้องเข้าเฝ้ากษัตริย์ เธอไม่ได้ขอสิ่งใดนอกจากสิ่งที่เฮกัยแนะนำ เฮกัยเป็นขันทีของกษัตริย์ และเป็นผู้ควบคุมดูแลกลุ่มผู้หญิง ส่วนเอสเธอร์ก็เป็นที่โปรดปรานในสายตาของทุกคนที่เห็นเธอ 16 ครั้นเอสเธอร์ถูกนำไปเข้าเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัสที่ราชวัง ในเดือนที่สิบซึ่งเป็นเดือนเทเบท ในปีที่เจ็ดแห่งการครองราชย์ของท่าน 17 กษัตริย์ก็รักเอสเธอร์ยิ่งกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ และเธอเป็นที่โปรดปรานและเห็นชอบของกษัตริย์ มากกว่าพรหมจาริณีทั้งปวง ท่านจึงสวมราชมงกุฎบนศีรษะเธอ และแต่งตั้งเธอเป็นราชินีแทนวัชที 18 และกษัตริย์ก็จัดงานฉลองให้แก่บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการของท่าน เป็นงานฉลองเพื่อเอสเธอร์ ท่านประกาศให้ถือเป็นวันหยุดทั่วทุกแคว้น และแจกของขวัญด้วยความใจกว้าง
โมร์เดคัยทราบถึงแผนการร้าย
19 เมื่อบรรดาพรหมจาริณีถูกนำมารวมกันเป็นครั้งที่สอง โมร์เดคัยนั่งอยู่ที่ประตูของกษัตริย์ 20 เอสเธอร์ยังไม่ได้เปิดเผยประวัติครอบครัวและสัญชาติของเธอ ดังที่โมร์เดคัยสั่งเธอไว้ เพราะเอสเธอร์เชื่อฟังโมร์เดคัยเหมือนกับครั้งที่เธอเติบโตภายใต้การเลี้ยงดูของเขา 21 ในเวลานั้น โมร์เดคัยกำลังนั่งอยู่ที่ประตูราชวัง บิกธานและเทเรช ขันที 2 คนของกษัตริย์ที่เฝ้าธรณีประตู มีความโกรธและสมคบกันปองร้ายกษัตริย์อาหสุเอรัส 22 โมร์เดคัยทราบเรื่อง จึงบอกให้ราชินีเอสเธอร์ทราบ เอสเธอร์ทูลกษัตริย์ในนามของโมร์เดคัย 23 เมื่อสืบความ และพบว่าเป็นจริงดังกล่าว ขันทีทั้ง 2 คนจึงถูกแขวนคอที่ตะแลงแกง และเรื่องนี้มีบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งพงศาวดารต่อหน้ากษัตริย์
20 ช่วงนั้นเฮโรดกำลังบาดหมางกับชาวเมืองไทระและเมืองไซดอนอยู่ และชาวเมืองของทั้งสองได้ร่วมใจกันเข้าพบท่าน โดยเกลี้ยกล่อมบลัสตัสต้นห้องของกษัตริย์เฮโรดได้ แล้วก็ขอเป็นไมตรี เพราะพวกเขาต้องอาศัยอาหารจากดินแดนของเฮโรดเลี้ยงคนในเขตเมืองของพวกเขา
เฮโรดสิ้นชีวิต
21 เมื่อถึงวันที่กำหนดไว้ เฮโรดสวมเสื้อคลุมของกษัตริย์อยู่บนบัลลังก์ และกล่าวคำปราศรัยแก่ผู้คน 22 ฝ่ายผู้คนก็ร้องตะโกนว่า “นี่คือเสียงของเทพเจ้า ไม่ใช่เสียงของคน” 23 ทันใดนั้นเอง ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้บันดาลให้ท่านล้มเจ็บ เป็นเพราะว่าเฮโรดไม่ได้สรรเสริญยกย่องพระเจ้า และท่านก็ถูกหนอนกินจนสิ้นชีวิต
24 คำกล่าวของพระเจ้ากลับแผ่ขยายและเพิ่มพูนไปมากยิ่งขึ้น
25 เมื่อบาร์นาบัสและเซาโลทำหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว จึงได้กลับไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และได้พายอห์นที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโกไปด้วย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation