Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 11:26-12:13

26 เมื่อเมียของอุรียาห์รู้ว่าสามีของนางตายแล้ว นางไว้ทุกข์ให้เขา 27 หลังจากเสร็จสิ้นการไว้ทุกข์แล้ว ดาวิดให้นำตัวนางเข้ามาอยู่ในวัง และนางก็ได้เป็นเมียของเขาและคลอดลูกชายให้เขา แต่พระยาห์เวห์ไม่พอใจกับสิ่งที่ดาวิดได้ทำลงไปนั้น

นาธันเตือนดาวิด

12 พระยาห์เวห์ส่งนาธันมาหาดาวิด เมื่อเขาพบดาวิด เขาพูดว่า “ในเมืองหนึ่ง มีชายสองคน คนหนึ่งร่ำรวยและอีกคนหนึ่งยากจน คนที่รวยมีแกะและวัวมากมาย แต่คนที่จนไม่มีอะไรเลย นอกจากลูกแกะตัวเมียตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่เขาซื้อมา เขาเลี้ยงแกะตัวนั้น และมันก็อยู่กับเขา และเติบโตขึ้นพร้อมๆกับลูกๆของเขา มันได้ส่วนแบ่งอาหารจากเขา ได้ดื่มจากถ้วยของเขาและได้นอนในอ้อมแขนของเขา มันเป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเขา

ต่อมามีแขกคนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมชายที่ร่ำรวยคนนั้น คนรวยคนนั้นไม่ยอมเอาแกะหรือวัวแม้แต่ตัวเดียวของตนเอง มาทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเขานั้น แต่เขากลับไปเอาลูกแกะตัวเมียที่เป็นของชายยากจนคนนั้นมาทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเขา”

ดาวิดโกรธคนร่ำรวยคนนั้นเป็นฟืนเป็นไฟ และพูดกับนาธันว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าชายคนที่ทำอย่างนั้นจะต้องตาย เขาต้องจ่ายเงินคืนเป็นสี่เท่าสำหรับลูกแกะตัวนั้น เพราะเขาได้ทำสิ่งชั่วร้าย และไร้ความเมตตา”

แล้วนาธันก็บอกกับดาวิดว่า “ท่านนั่นแหละคือคนรวยคนนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล บอกอย่างนี้ว่า ‘เราได้แต่งตั้ง เจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเราช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของซาอูล เราได้มอบครอบครัวของนายเจ้าให้กับเจ้า พร้อมกับเมียทั้งหลายของเขาให้อยู่ในอ้อมอกของเจ้า เราให้ครอบครัวอิสราเอลและยูดาห์กับเจ้า หากเจ้าคิดว่ามันยังน้อยไป เราก็คงให้เจ้าเพิ่มมากขึ้นกว่านั้นแล้ว ทำไมเจ้าถึงดูหมิ่นพระคำของพระยาห์เวห์ โดยการทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระองค์ ท่านฆ่าอุรียาห์ชาวฮิตไทต์ด้วยดาบ และเอาเมียเขามาเป็นเมียตน เจ้าฆ่าเขาด้วยดาบของชาวอัมโมน 10 ดังนั้น ตอนนี้ ดาบเล่มนั้นจะไม่มีวันหายไปจากบ้านของเจ้า เพราะเจ้าดูหมิ่นเราและเอาเมียของอุรียาห์ชาวฮิตไทต์มาเป็นเมียของเจ้าเอง’

11 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะนำความหายนะมาสู่ตัวเจ้า ความหายนะนี้จะเกิดขึ้นจากครอบครัวของเจ้า เราจะเอาพวกเมียทั้งหลายของเจ้าไปต่อหน้าต่อตาเจ้า และเอาไปให้กับคนที่ใกล้ชิดเจ้า และเขาจะนอนกับพวกนางกลางแจ้ง[a] 12 เจ้าเคยทำสิ่งนี้อย่างลับๆ แต่เราจะทำสิ่งนี้กลางแจ้งต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหมด[b]’”

13 แล้วดาวิดก็พูดกับนาธันว่า “เราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์เสียแล้ว”

นาธันตอบว่า “พระยาห์เวห์ได้รับเอาบาปของท่านไปแล้ว ท่านจะไม่ตาย

สดุดี 51:1-12

คำอธิษฐานขอการยกโทษ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด เขียนตอนที่นาธันผู้พูดแทนพระเจ้ามาหาดาวิด หลังจากที่ดาวิดไปมีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบาแล้ว[a]

ข้าแต่พระเจ้า โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ และมีเมตตาปรานีต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และขจัดการกบฏของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยขัดถูความผิดของข้าพเจ้าให้หมดไป
    และชำระข้าพเจ้าจากบาปของข้าพเจ้า

เพราะข้าพเจ้ารู้ถึงการกบฏที่ได้ก่อไว้
    ข้าพเจ้ายังคิดถึงบาปของข้าพเจ้าอยู่เรื่อย
ข้าพเจ้าทำบาปต่อพระองค์ต่อพระองค์ผู้เดียว
    ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าชั่วร้าย
ดังนั้นพระองค์ทำถูกต้องแล้วที่ประณามข้าพเจ้า
    พระองค์ตัดสินโทษข้าพเจ้าอย่างยุติธรรม
ดูเถิด ข้าพเจ้าเกิดมาในความผิดบาป
    และแม่ของข้าพเจ้าก็ตั้งท้องข้าพเจ้ามาในบาป

พระองค์ต้องการให้ความจริงฝังลึกเข้าไปภายในข้าพเจ้า
    พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้ารู้จักสติปัญญาภายในส่วนลึกนั้นของข้าพเจ้า
โปรดกำจัดความบาปของข้าพเจ้าด้วยกิ่งหุสบ[b] เพื่อข้าพเจ้าจะได้บริสุทธิ์
    ขัดถูข้าพเจ้าให้สะอาดและทำให้ข้าพเจ้าขาวยิ่งกว่าหิมะด้วยเถิด
ช่วยพูดสิ่งที่จะนำความยินดีและความสุขมาให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดทำให้กระดูกพวกนี้ที่พระองค์หักเป็นชิ้นๆได้กลับชื่นชมยินดีอีกครั้ง
เมินหน้าไปจากบาปทั้งหลายของข้าพเจ้า
    ขจัดความผิดทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด

10 ข้าแต่พระเจ้า โปรดสร้างใจอันบริสุทธิ์ให้กับข้าพเจ้า
    โปรดใส่จิตวิญญาณใหม่ที่จงรักภักดีลงไปในข้าพเจ้า
11 โปรดอย่าได้ผลักไสข้าพเจ้าให้พ้นไปจากหน้าของพระองค์
    โปรดอย่าเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
12 โปรดคืนความชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้าได้รับตอนที่พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด
    โปรดช่วยค้ำชูข้าพเจ้าโดยให้จิตวิญญาณที่เต็มใจเชื่อฟังพระองค์

เอเฟซัส 4:1-16

ร่างเดียวกัน

ในฐานะที่ผมเป็นนักโทษเพราะเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ผมขออ้อนวอนให้พวกคุณใช้ชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าได้เรียกคุณมา คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก ให้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ได้รับจากพระวิญญาณ ด้วยการใช้สันติภาพเป็นเชือกผูกมัดพวกคุณไว้ด้วยกัน มีเพียงกายเดียวและพระวิญญาณเดียว เหมือนที่พระเจ้าเรียกพวกคุณมาให้มีความหวังเดียว มีองค์เจ้าชีวิตองค์เดียว ความเชื่อเดียว พิธีจุ่มน้ำเดียว และมีพระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของทุกสิ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง อยู่ทั่วทุกสิ่ง และอยู่ในทุกสิ่ง

พวกเราแต่ละคนได้รับของขวัญต่างๆตามความเมตตาของพระคริสต์ นั่นเป็นเหตุที่พระคัมภีร์ถึงได้พูดว่า

“เมื่อพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่สูง
    พระองค์ก็เอาเชลยสงครามไปด้วยและพระองค์ก็ได้แจกของขวัญให้กับมนุษย์”[a]

ที่พูดว่า “พระองค์ขึ้นไป” ก็แสดงว่าพระองค์เคยลงมาที่โลกเบื้องล่างนี้ 10 พระองค์ที่ลงมาก็เป็นองค์เดียวกับที่ขึ้นไปสูงกว่าสวรรค์ทั้งปวง เพื่อพระองค์จะได้เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง 11 พระเยซูได้แจกของขวัญคือ พวกศิษย์เอกของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกผู้ประกาศข่าวดีและพวกผู้เลี้ยงที่สอน 12 เพื่อคนพวกนี้ จะได้เตรียมคนของพระเจ้าให้สามารถทำงานรับใช้ ซึ่งจะเสริมสร้างกายของพระคริสต์ให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ 13 จนกว่าพวกเราทั้งหมดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า แล้วเราจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเป็นเหมือนกับพระคริสต์ทุกประการ

14 ทั้งนี้ก็เพื่อเราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็กเล็กๆอีกต่อไป หรือเหมือนคลื่นที่ถูกซัดไปซัดมา หรือถูกพัดไปทางโน้นทีทางนี้ที ด้วยคำสอนใหม่ๆและด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายต่างๆของพวกผู้สอนเท็จ 15 แต่ให้พวกเราพูดความจริงด้วยความรัก และให้โตขึ้นเป็นเหมือนพระคริสต์ในทุกๆทาง พระคริสต์คือศีรษะ 16 ที่ร่างกายทุกส่วนต้องพึ่งพาและทั้งร่างก็ยึดติดสนิทกันด้วยเส้นเอ็นทุกๆเส้น เมื่ออวัยวะต่างๆทำหน้าที่ของมันเองแล้ว พระคริสต์ทำให้ร่างกายทั้งหมดเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก

ยอห์น 6:24-35

24 เมื่อประชาชนเห็นว่าทั้งพระเยซู และพวกศิษย์ไม่ได้อยู่ที่นั่น พวกเขาก็ลงเรือไปตามหาพระองค์ที่เมืองคาเปอรนาอุม

พระเยซูคือขนมปังแห่งชีวิต

25 เมื่อพวกเขาพบพระเยซูที่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ พวกเขาก็ถามพระองค์ว่า “อาจารย์มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

26 พระเยซูตอบว่า “เราขอพูดตรงๆนะ ที่พวกคุณตามหาเรา ไม่ใช่เป็นเพราะเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วถึงสิ่งอัศจรรย์ที่พวกคุณได้เห็น แต่เป็นเพราะได้กินอาหารจนอิ่มหนำสำราญต่างหาก 27 อย่าทำงานเพื่อจะได้อาหารที่เน่าเสีย แต่ให้ทำงานเพื่อจะได้อาหารทิพย์ที่ให้ชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไป บุตรมนุษย์จะให้อาหารทิพย์นั้นกับพวกคุณ เพราะพระเจ้าพระบิดาให้สิทธิอำนาจกับบุตรมนุษย์ที่จะทำสิ่งนี้”

28 พวกเขาถามพระองค์ว่า “แล้วพวกเราควรจะทำงานอะไรล่ะ พระเจ้าถึงจะพอใจ”

29 พระเยซูตอบว่า “งานที่จะทำให้พระเจ้าพอใจคือ การไว้วางใจคนๆนั้นที่พระเจ้าส่งมา”

30 พวกเขาถามอีกว่า “อาจารย์จะทำสิ่งอัศจรรย์อะไรให้ดูล่ะ เพื่อที่เราจะได้เชื่อว่าพระเจ้าส่งอาจารย์มา ตกลงว่าจะทำอะไรให้ดูล่ะ 31 บรรพบุรุษของพวกเราเคยกินมานาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เขาได้ให้ขนมปังจากสวรรค์กับพวกเขา’”[a]

32 พระเยซูพูดว่า “จริงๆแล้วโมเสสไม่ได้เป็นคนที่ให้ขนมปังจากสวรรค์นั้นกับคุณหรอก แต่เป็นพระบิดาของเราต่างหากที่กำลังให้อาหารอันแท้จริงจากสวรรค์กับคุณ 33 เพราะขนมปังจากพระเจ้านั้นก็คือคนที่ลงมาจากสวรรค์ และให้ชีวิตกับโลกนี้”

34 พวกเขาจึงว่า “ท่านครับ ถ้าอย่างนั้น ให้ขนมปังนั้นกับพวกเราตลอดไปด้วยเถอะ”

35 พระเยซูพูดว่า “ตัวเรานี่แหละคือขนมปังที่ให้ชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิวอีกเลย และคนที่ไว้วางใจเราจะไม่กระหายน้ำอีกเลย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International