Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในชัยชนะ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านกล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเนื้อร้องในบทเพลงนี้ ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยท่านให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูและจากซาอูล ท่านกล่าวว่า
1 ข้าพเจ้ารักพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พละกำลังของข้าพเจ้า
2 พระผู้เป็นเจ้าเป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า และเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัย
พระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาของข้าพเจ้าที่อาศัยพักพิงได้
พระองค์เป็นโล่ป้องกันและเขา[a]แห่งความรอดพ้น เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า ผู้สมควรแก่การสรรเสริญ
และข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
4 สายรัดแห่งความตายพันรอบตัวข้าพเจ้า
กระแสน้ำแห่งความพินาศท่วมท้นเกินทน
5 สายรัดแห่งแดนคนตายขดรอบตัวข้าพเจ้า
กับดักแห่งความตายเผชิญหน้าข้าพเจ้า
6 ในห้วงแห่งความทุกข์ยากข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงหูของพระองค์
43 พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการโต้แย้งของชนชาติ
พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ
ชนชาติที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักก็รับใช้ข้าพเจ้า
44 ทันทีที่พวกเขาได้ยินข้าพเจ้า เขาก็เชื่อฟัง
ชนต่างชาติยอมสยบต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนแปลกหน้าใจเสีย
และตัวสั่นเทาออกมาจากป้อมปราการของเขา
46 พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ ให้ศิลาของข้าพเจ้าได้รับการสรรเสริญเถิด
และให้พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้าได้รับการยกย่องเถิด
47 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
และทำให้บรรดาชนชาติยอมจำนนอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรู
พระองค์ยกข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าศึก
พระองค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากคนปองร้าย
49 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ โอ พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์
และแสดงความรักอันมั่นคงแก่ผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
แก่ดาวิดและผู้สืบเชื้อสายของท่านชั่วนิรันดร์กาล
ซาอูลสิ้นชีวิต
10 ในเวลานั้นฟีลิสเตียสู้รบกับอิสราเอล ฝ่ายอิสราเอลแตกพ่ายไปต่อหน้าต่อตาชาวฟีลิสเตีย และล้มตายลงที่ภูเขากิลโบอา 2 ชาวฟีลิสเตียไล่ตามซาอูลและบุตรของท่านไปอย่างกระชั้นชิด และชาวฟีลิสเตียฆ่าโยนาธาน อาบีนาดับ และมัลคีชูวาบุตรทั้งสามของซาอูล 3 การสู้รบครั้งนี้รุนแรงยิ่งนักสำหรับซาอูล เมื่อพวกนักธนูมาพบท่าน ก็เห็นว่าท่านถูกยิงอาการสาหัส 4 ซาอูลกล่าวกับคนถืออาวุธของท่านว่า “จงชักดาบของเจ้าออกมาแทงเราให้ทะลุ มิฉะนั้นคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตพวกนั้นจะมาใช้ดาบแทงเราให้ทะลุ ซ้ำจะเหยียดหยามเราอีกด้วย” แต่คนถืออาวุธของท่านไม่กล้าทำเช่นนั้นเพราะเขากลัวมาก ดังนั้นซาอูลจึงชักดาบของท่านออก และล้มทับดาบเสียเอง 5 เมื่อคนถืออาวุธของท่านเห็นว่าซาอูลสิ้นชีวิตแล้ว เขาก็ล้มทับดาบของเขาเช่นกัน และสิ้นชีวิต 6 ซาอูลเสียชีวิตดังกล่าว บุตร 3 คนของท่าน และคนของท่านทุกคนก็เสียชีวิตด้วยกัน 7 เมื่อชายชาวอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่ในหุบเขาเห็นว่ากองทัพของพวกตนได้เตลิดหนีไป และซาอูลกับบุตรของท่านก็สิ้นชีวิตแล้ว พวกเขาจึงต่างก็ทิ้งบ้านเมืองของตนและหนีไป ชาวฟีลิสเตียจึงเข้าไปอยู่แทน
8 วันรุ่งขึ้น เมื่อชาวฟีลิสเตียมาปลดของจากคนที่ถูกฆ่า และพบว่าซาอูลและบุตรของท่านนอนตายอยู่บนภูเขากิลโบอา 9 พวกเขาจึงปลดเครื่องอาวุธออกและตัดศีรษะของซาอูล และให้ผู้สื่อข่าวไปทั่วดินแดนของชาวฟีลิสเตีย เพื่อนำข่าวดีไปยังวิหารที่เก็บรูปเคารพของพวกเขา และยังประชาชน 10 พวกเขาเก็บเครื่องอาวุธของท่านไว้ในวิหารของเทพเจ้าของตน และมัดศีรษะของท่านไว้ในวิหารของดาโกน 11 แต่เมื่อผู้อยู่อาศัยของยาเบชกิเลอาดทราบว่าชาวฟีลิสเตียกระทำอย่างไรต่อซาอูล 12 ชายผู้กล้าหาญทุกคนก็เดินทางไปรับร่างของซาอูลและบุตรของท่านมายังเมืองยาเบช แล้วพวกเขาก็เก็บกระดูกไปฝังที่ใต้ต้นโอ๊กที่ยาเบช และอดอาหาร 7 วัน
13 ดังนั้นซาอูลสิ้นชีวิตเพราะไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ปรึกษาคนทรงเพื่อแสวงหาคำแนะนำ 14 ท่านไม่ได้แสวงหาคำแนะนำจากพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงสังหารท่าน และมอบอาณาจักรให้แก่ดาวิดบุตรของเจสซี
พระเยซูขับไล่วิญญาณร้ายออกจากตัวเด็ก
14 เมื่อพระเยซูและสาวกทั้งสามกลับมาหาสาวกอื่น ก็เห็นว่ามหาชนอยู่ล้อมรอบเหล่าสาวก อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติบางคนก็กำลังโต้เถียงอยู่กับพวกเขา 15 ทันทีที่ฝูงชนทั้งกลุ่มเห็นพระองค์ ก็ประหลาดใจยิ่งนักและวิ่งกรูกันเข้ามาทักทายพระองค์ 16 พระองค์ถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าถกเถียงอะไรกันกับเขาเหล่านั้น” 17 คนหนึ่งในกลุ่มตอบพระองค์ว่า “อาจารย์ ข้าพเจ้าพาบุตรชายของข้าพเจ้ามา เขาถูกวิญญาณร้ายสิงจึงทำให้เขาเป็นใบ้ 18 เมื่อใดก็ตามที่มันเข้าสิงเขา มันก็ทำให้เขาล้มลงฟาดพื้น มีน้ำลายฟูมปาก ฟันขบกัน และตัวแข็งเกร็ง ข้าพเจ้าให้เหล่าสาวกของพระองค์ขับไล่มันออก พวกเขาก็ทำไม่ได้” 19 พระองค์กล่าวตอบว่า “คนในช่วงกาลเวลานี้ช่างไร้ความเชื่อ เราจะต้องอยู่กับพวกเจ้านานสักเท่าไร เราจะต้องทนต่อพวกเจ้าไปนานสักเท่าไร พาตัวเขามาหาเราเถิด” 20 พวกเขาก็นำเด็กคนนั้นมาหาพระเยซู ทันทีที่เขาเห็นพระองค์ วิญญาณร้ายก็ทำให้เขาชัก ล้มลงบนพื้นแล้วก็กลิ้งไปมาน้ำลายฟูมปาก 21 พระองค์ถามบิดาของเด็กว่า “เป็นมานานเท่าไรแล้ว” เขาตอบว่า “ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ แล้ว 22 มารทำให้เขาตกลงในกองไฟ และตกน้ำบ่อยครั้งเพื่อทำลายเขา แต่ถ้าพระองค์ช่วยได้ ก็โปรดสงสารช่วยพวกเราด้วย” 23 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “‘ถ้าพระองค์ช่วยได้’ อย่างนั้นหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่เชื่อ” 24 ในทันใดนั้น บิดาของเด็กก็ร้องขึ้นว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยเพิ่มความเชื่อของข้าพเจ้าด้วย” 25 เมื่อพระเยซูเห็นว่าฝูงชนวิ่งกันเข้ามา พระองค์กล่าวห้ามวิญญาณร้ายว่า “เจ้าวิญญาณหนวกใบ้ เราสั่งให้เจ้าออกมาจากตัวเขา และอย่าเข้าสิงเขาอีก” 26 หลังจากวิญญาณร้ายร้องและทำให้เขาชักก่อนที่มันจะออกมา เด็กก็แน่นิ่งไปเหมือนไร้ชีวิตจนคนส่วนใหญ่พูดกันว่า “เขาตายแล้ว” 27 แต่พระเยซูจับมือเขาพยุงขึ้น แล้วเขาก็ลุกขึ้น 28 เมื่อพระองค์มาถึงบ้านแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์ก็เริ่มซักถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมพวกเราจึงขับมันออกมาไม่ได้” 29 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “วิญญาณร้ายประเภทนี้จะถูกขับออกมาด้วยสิ่งใดไม่ได้ จนกว่าจะมีการอธิษฐานเท่านั้น”[a]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation