Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระองค์สถิตกับข้าพเจ้า
ของดาวิด
1 ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าบรรดาเทพเจ้า
2 ข้าพเจ้าขอก้มกราบลง ณ พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระนามของพระองค์
ในความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ทำให้พระนามและคำกล่าวของพระองค์
เหนือสิ่งทั้งปวง
3 ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียก พระองค์ตอบข้าพเจ้า
ทำให้ข้าพเจ้ากล้าหาญและมีพละกำลังยิ่งขึ้น
4 โอ พระผู้เป็นเจ้า ให้บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกขอบคุณพระองค์
เพราะท่านเหล่านั้นล้วนได้ยินคำกล่าวจากปากของพระองค์
5 และให้พวกท่านร้องเพลงถึงวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
6 แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งมากเพียงไหน พระองค์ก็ยังใส่ใจคนต่ำต้อย
ส่วนคนยโสพระองค์ก็สังเกตเห็นได้แต่ไกล
7 แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินอยู่ในท่ามกลางความยากลำบาก
พระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้
คราวศัตรูโกรธ พระองค์ก็ยื่นมือออกมา
มือขวาของพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
8 พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำตามความประสงค์ของพระองค์เพื่อข้าพเจ้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
โปรดอย่าทอดทิ้งคนที่พระองค์สร้างขึ้นด้วยมือของพระองค์เอง
หีบกลับไปยังอิสราเอล
6 หีบของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในดินแดนของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลา 7 เดือน 2 และชาวฟีลิสเตียเรียกให้บรรดาปุโรหิตและผู้ทำนายมา และกล่าวว่า “พวกเราจะทำอย่างไรกับหีบของพระผู้เป็นเจ้า บอกเราด้วยว่า เราควรจะส่งคืนไปที่เดิมพร้อมกับอะไร” 3 พวกเขาตอบว่า “ถ้าท่านส่งหีบของพระเจ้าของอิสราเอลกลับไป ก็อย่าส่งไปเปล่าๆ แต่ให้ส่งคืนไปพร้อมกับของถวายเพื่อไถ่โทษ แล้วพวกท่านจะหายจากโรค และท่านจะได้เห็นว่าเพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่หยุดลงโทษพวกท่าน” 4 พวกเขาพูดว่า “เราจะส่งอะไรให้พระองค์ เพื่อเป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ” พวกเขาตอบว่า “เนื้องอกทองคำ 5 ก้อนกับหนูทองคำ 5 ตัว อย่างละหนึ่งสำหรับเจ้าครองเมืองของฟีลิสเตียแต่ละคน เพราะภัยพิบัติเดียวกันเกิดขึ้นกับท่านทุกคนและกับเจ้าครองเมืองของท่านด้วย 5 ฉะนั้นท่านต้องทำรูปจำลองเนื้องอกและรูปหนูที่ทำความหายนะให้กับแผ่นดิน และจงถวายพระบารมีแด่พระเจ้าของอิสราเอล บางทีพระองค์จะเพลามือจากการลงโทษพวกท่าน เทพเจ้าของท่าน และแผ่นดินของท่านลงบ้าง 6 ทำไมท่านจึงทำใจแข็งกระด้างเหมือนที่ชาวอียิปต์และฟาโรห์กระทำ หลังจากที่พระองค์กระทำต่อพวกเขาอย่างสาหัสแล้ว พวกเขาไม่ได้ปล่อยให้ประชาชนออกไป และพวกเขาก็ได้จากไปมิใช่หรือ 7 ฉะนั้นแล้ว จงเตรียมเกวียนใหม่เล่มหนึ่งให้พร้อม เอาแม่โค 2 ตัว ที่ยังไม่เคยเทียมแอกมาก่อน เอาโค 2 ตัวนี้เทียมเข้ากับเกวียน ส่วนลูกของมันก็แยกให้กลับเข้าคอกไป 8 จงวางหีบของพระผู้เป็นเจ้าไว้บนเกวียน และในหีบอีกใบ ก็วางไว้ข้างๆ กัน ในหีบใบนั้นจงใส่ของที่ทำจากทองคำที่จะส่งไปมอบแด่พระองค์เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ เสร็จแล้วส่งเกวียนไป ให้เคลื่อนไปเอง 9 แต่จงคอยดู ถ้าหากว่าเกวียนขึ้นไปตามทิศทางแผ่นดินของมันเอง คือไปยังเบธเชเมช แล้วก็จะรู้ว่าเป็นพระองค์ ที่ทำให้พวกเรารับอันตรายครั้งนี้ แต่ถ้าไม่ เราก็จะรู้ว่าไม่ใช่พระองค์ที่ลงโทษพวกเรา แต่เพราะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ”
10 พวกผู้ชายก็กระทำตามนั้น คือเอาแม่โค 2 ตัวเทียมเกวียน และขังลูกโคไว้ที่คอก 11 วางหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าไว้บนเกวียน และอีกหีบบรรจุด้วยหนูทองคำกับรูปจำลองเนื้องอก 12 ฝ่ายแม่โคก็เดินตรงไปทางเบธเชเมช เดินไปตามทางถนน ขณะที่ไปก็ได้ส่งเสียงร้องไปด้วย ไม่เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ส่วนพวกเจ้าครองเมืองของชาวฟีลิสเตียก็เดินตามไปดู ไกลจนถึงชายแดนของเบธเชเมช 13 ขณะนั้นชาวเมืองเบธเชเมชกำลังเก็บเกี่ยวสาลีอยู่ในหุบเขา เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นหีบของพระเจ้า และยินดีที่เห็น 14 เกวียนเข้าไปในทุ่งนาของโยชูวาชาวเบธเชเมช และหยุดอยู่ใกล้หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่นั่น คนแถวนั้นจึงผ่าไม้เกวียน และมอบแม่โคเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 และชาวเลวีก็ยกหีบของพระผู้เป็นเจ้า และหีบอีกใบบรรจุด้วยรูปจำลองทองคำที่อยู่ข้างๆ วางไว้บนหินก้อนใหญ่ก้อนนั้น และชาวเบธเชเมชมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และถวายเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น 16 เมื่อเจ้าครองเมืองทั้งห้าของฟีลิสเตียเห็นทุกอย่างแล้ว พวกเขาก็กลับไปเอโครนในวันนั้น
17 เนื้องอกทองคำที่ชาวฟีลิสเตียส่งให้เป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อไถ่โทษ สำหรับเมืองละ 1 ก้อนตามรายชื่อเมืองคือ อัชโดด กาซา อัชเคโลน กัท และเอโครน 18 และมีหนูทองคำตามจำนวนเมืองของชาวฟีลิสเตียที่เป็นของเจ้าครองเมืองทั้งห้า เป็นทั้งเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง และหมู่บ้านที่ไม่มีกำแพงกั้น หินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างหีบของพระผู้เป็นเจ้า ในทุ่งนาของโยชูวาชาวเบธเชเมช ก็เป็นพยานมาจนถึงทุกวันนี้
4 ขณะที่มหาชนจากเมืองต่างๆ มาชุมนุมกัน พระเยซูกล่าวเป็นอุปมาว่า 5 “ชาวไร่คนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืชของเขา ขณะที่เขากำลังหว่านเมล็ด บางเมล็ดตกลงตามทางแล้วก็ถูกเหยียบ พวกนกพากันจิกกินเสียหมด 6 บางเมล็ดตกลงบนหิน พองอกขึ้นแล้วต้นก็เหี่ยวแห้งไปเพราะขาดความชื้น 7 บางเมล็ดตกลงท่ามกลางไม้หนามที่เติบโตขึ้นและแย่งอาหารไปเสีย 8 บางเมล็ดที่ตกบนดินดี ก็ได้งอกขึ้นและเกิดผลเป็น 100 เท่าเพิ่มขึ้นจากที่ได้หว่านไว้” เมื่อพระองค์กล่าวจบแล้วก็ประกาศขึ้นว่า “ผู้ใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”
9 พวกสาวกของพระองค์ถามว่า คำอุปมานี้หมายความว่าอย่างไร 10 พระองค์กล่าวว่า “เราทำให้เจ้าเข้าใจถึงความลับของอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว แต่สำหรับผู้อื่น เรากล่าวเป็นอุปมาเพื่อว่า ‘แม้ว่าขณะที่กำลังดู พวกเขาก็มองไม่เห็น แม้ว่าขณะที่กำลังได้ยิน พวกเขาก็ไม่เข้าใจ’[a] 11 นี่คือความหมายของคำอุปมาที่ว่า เมล็ดพืชนั้นเป็นเสมือนคำกล่าวของพระเจ้า 12 พวกที่อยู่ตามทางคือผู้ที่ได้ยินแล้ว และพญามารก็มาปล้นคำกล่าวออกจากจิตใจของเขา เพื่อไม่ให้เชื่อและรอดพ้นได้ 13 พวกที่อยู่บนหิน คือผู้ที่เมื่อได้ยินคำกล่าวก็รับไว้ด้วยความยินดี แต่เนื่องจากเขาไม่มีรากฐานอันมั่นคง จึงเชื่อสักพักหนึ่ง พอถึงเวลาทดสอบใจก็ล้มเลิกจากความเชื่อ 14 เมล็ดที่ตกท่ามกลางไม้หนามเปรียบได้กับผู้ที่ได้ยิน แต่ขณะที่เขาดำรงชีวิตต่อไป ก็ถูกขัดขวางโดยความกังวลต่างๆ ความร่ำรวยและความสำราญ ซึ่งทำให้ไม่อาจเติบโตได้ 15 แต่เมล็ดบนดินดีเปรียบเสมือนผู้ที่บากบั่น ด้วยจิตใจอันซื่อสัตย์และดีงามเมื่อได้ยินคำกล่าว และด้วยความพากเพียรจึงบังเกิดผล
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation