Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
พระเจ้าทราบความเป็นมาทุกอย่างของข้าพเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ตรวจสอบข้าพเจ้า
และพระองค์ก็รู้จักข้าพเจ้า
2 ไม่ว่าเวลาข้าพเจ้านั่งหรือยืน พระองค์ก็ทราบ
แม้พระองค์จะอยู่ห่างไกลเพียงไร พระองค์ก็ยังหยั่งรู้ความคิดของข้าพเจ้าได้
3 พระองค์ทราบทุกเรื่องว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่ใดหรือกำลังกระทำสิ่งใดอยู่
พระองค์คุ้นเคยกับการกระทำทุกอย่างของข้าพเจ้า
4 แม้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพูด
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่ง
5 พระองค์อยู่รอบข้างข้าพเจ้าทั้งข้างหลังและข้างหน้า
พระองค์ปกป้องข้าพเจ้า
6 การที่พระองค์ทราบดังนี้ ก็ถือได้ว่าวิเศษนักสำหรับข้าพเจ้า
คือสูงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
13 เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างอวัยวะภายในของข้าพเจ้า
พระองค์ประสานข้าพเจ้าไว้อย่างสนิทแนบในครรภ์มารดาของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างขึ้นมาอย่างน่าครั่นคร้ามและมหัศจรรย์
สิ่งที่พระองค์กระทำมหัศจรรย์ยิ่งนัก
พระองค์รู้จักข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง
15 โครงกระดูกของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นไปจากสายตาของพระองค์ได้
คือแม้ว่าเวลาที่ข้าพเจ้าถูกสร้างในที่กำบัง
ถูกสานขึ้นอย่างละเอียดอ่อนในที่ลึกของแผ่นดินโลก
16 พระองค์มองเห็นข้าพเจ้าตั้งแต่แรกเริ่มที่ข้าพเจ้าอยู่ในครรภ์มารดา
โมงยามล้วนถูกจัดเตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว และยังถูกระบุไว้ในหนังสือของพระองค์
ก่อนที่เหตุการณ์ในแต่ละวันจะปรากฏขึ้น
17 โอ พระเจ้า ความนึกคิดของพระองค์ช่างมากมายสุดที่จะคณนา
และช่างมีค่าอะไรเช่นนี้สำหรับข้าพเจ้า
18 ถ้าหากข้าพเจ้าคิดจะนับแล้วละก็ยังมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายเสียอีก
เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าก็ยังจะคำนึงถึงพระองค์อยู่อีก
กำเนิดของซามูเอล
1 มีชายชาวศูฟคนหนึ่งจากเมืองรามาธาอิมแห่งเทือกเขาของเอฟราอิม ชื่อเอลคานาห์บุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรเอลีฮู ผู้เป็นบุตรโทหุ ผู้เป็นบุตรศูฟคนเผ่าเอฟราอิม 2 เขามีภรรยา 2 คน คนหนึ่งชื่อฮันนาห์ อีกคนหนึ่งชื่อเปนินนาห์ เปนินนาห์มีบุตร แต่ฮันนาห์ไม่มี
3 ชายคนนี้มักจะขึ้นไปจากเมืองของเขาเป็นประจำ เพื่อไปนมัสการและมอบสัตว์เป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาที่ชิโลห์ เป็นที่ซึ่งบุตร 2 คนของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัส ทำหน้าที่เป็นปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 4 ในวันที่เอลคานาห์มอบเครื่องสักการะ เขาจะให้ส่วนแบ่งแก่เปนินนาห์ผู้เป็นภรรยา และแก่บรรดาบุตรชายบุตรหญิงของนาง 5 เขาให้ส่วนแบ่งแก่ฮันนาห์เป็นสองเท่า เพราะว่าเขารักนาง แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าปิดครรภ์ของนาง 6 คู่แข่งของนางมักจะยั่วโทสะนางอย่างร้ายกาจ เพื่อสร้างความรำคาญใจให้นาง เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ให้นางตั้งครรภ์ 7 เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า ครั้งใดที่นางขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า คู่แข่งของนางก็จะยั่วโทสะจนนางร้องไห้และไม่รับประทานอาหาร 8 เอลคานาห์สามีนางก็พูดกับนางว่า “ฮันนาห์เอ๋ย เจ้าร้องไห้ทำไม และทำไมเจ้าจึงไม่รับประทานอาหาร ทำไมใจของเจ้าจึงเศร้านัก เราไม่ดีกว่าบุตรชาย 10 คนของเจ้าหรือ”
9 หลังจากที่ได้รับประทานและดื่มที่ชิโลห์เสร็จแล้ว ฮันนาห์จึงลุกขึ้น ขณะนั้นเอลีปุโรหิตกำลังนั่งอยู่ที่ข้างวงกบประตูพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 10 ฮันนาห์เป็นทุกข์มากและอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า และร้องไห้อย่างขมขื่น 11 และนางสัญญาว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ถ้าพระองค์จะกรุณาแลเห็นความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ และระลึกถึงข้าพเจ้า และไม่ลืมผู้รับใช้ของพระองค์ จะให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้บุตรชาย ข้าพเจ้าจะถวายตัวเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าจนตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะศีรษะของเขาเลย”[a]
12 ขณะที่นางกำลังอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่ เอลีสังเกตดูปากนาง 13 ฮันนาห์กำลังคิดอยู่ในใจพร้อมกับขยับปาก แต่ไม่ได้ออกเสียง ฉะนั้นเอลีจึงคิดไปว่านางเมาสุรา[b] 14 เอลีพูดกับนางว่า “เจ้าจะเมานานอีกแค่ไหน จงหยุดดื่มเหล้าองุ่นเสียเถิด” 15 แต่ฮันนาห์ตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น นายท่าน ฉันเป็นหญิงที่ทุกข์ใจมาก ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา แต่ฉันระบายความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ในใจต่อพระผู้เป็นเจ้า 16 อย่าคิดว่าผู้รับใช้ของท่านเป็นหญิงที่เลวร้าย ฉันอธิษฐานเพราะกังวลและไม่สบายใจมากมานาน” 17 เอลีจึงตอบว่า “จงไปอย่างสันติสุขเถิด และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะตอบเจ้าที่เจ้าร้องขอต่อพระองค์” 18 นางพูดว่า “ขอให้ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านเถิด” แล้วนางก็เดินจากไป และรับประทานอาหาร และใบหน้าของนางก็ไม่เศร้าสลดอีกต่อไป
เปาโลถวายฎีกาถึงซีซาร์
25 หลังจากเฟสทัสมาถึงแคว้นได้ 3 วันก็ออกจากเมืองซีซารียาขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 2 ณ ที่นั้นเองที่พวกมหาปุโรหิตและผู้นำชาวยิวนำเรื่องเปาโลมาฟ้องร้อง 3 และอ้อนวอนเฟสทัสอย่างร้อนใจให้ช่วยเหลือพวกเขา โดยให้สั่งย้ายตัวเปาโลไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพราะว่าเขาทั้งหลายมีแผนการที่จะดักซุ่มเพื่อฆ่าเปาโลระหว่างทาง 4 เฟสทัสตอบว่า “เปาโลถูกคุมตัวไว้ที่เมืองซีซารียา และเราเองก็กำลังจะไปที่นั่นในไม่ช้านี้ 5 ถ้าหากว่าเปาโลได้กระทำผิดอย่างไรก็ปล่อยให้พวกผู้นำบางคนไปกับเรา ไปฟ้องร้องเปาโลกันที่นั่นเถิด”
6 หลังจากที่ท่านได้อยู่กับพวกเขาได้ไม่เกิน 8 หรือ 10 วันแล้ว ก็ลงไปยังเมืองซีซารียา วันรุ่งขึ้นท่านจึงนั่งลงตัดสินความ และสั่งให้นำเปาโลมาหาท่าน 7 เมื่อเปาโลมาแล้ว ชาวยิวที่ได้ลงมาจากเมืองเยรูซาเล็มก็ยืนล้อมไว้รอบ มีข้อกล่าวหาเปาโลอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ 8 เปาโลแก้คดีว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดกฎบัญญัติของชาวยิว หรือผิดต่อพระวิหาร หรือผิดต่อซีซาร์แต่อย่างใด” 9 เฟสทัสอยากสร้างความดีความชอบกับชาวยิวจึงพูดกับเปาโลว่า “ท่านยินดีที่จะขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อรับการพิจารณาคดีต่อหน้าเราตามข้อหาที่กล่าวมานี้ไหม” 10 เปาโลตอบว่า “เวลานี้ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าศาลของซีซาร์ อันเป็นที่ข้าพเจ้าควรได้รับการพิพากษา ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดต่อชาวยิวแต่อย่างใด ท่านเองก็ทราบดี 11 ถ้าหากว่าข้าพเจ้ากระทำผิดจนมีโทษถึงตาย ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธที่จะตาย แต่ถ้าข้อกล่าวหาทั้งหลายที่มาจากชาวยิวพวกนี้ไม่เป็นความจริงแล้ว ไม่มีใครจะมาละเมิดสิทธิ์ และมอบตัวข้าพเจ้าให้แก่พวกเขาได้ ข้าพเจ้าขอถวายฎีกาถึงซีซาร์” 12 เฟสทัสจึงพูดกับคณะที่ปรึกษาแล้วประกาศว่า “ท่านถวายฎีกาถึงซีซาร์ ท่านก็จะต้องไปเฝ้าซีซาร์”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation