Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เยเรมีย์ 31:31-34

พันธสัญญาใหม่

31 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด จะถึงเวลาที่เราจะทำพันธสัญญาใหม่กับพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ 32 ไม่เป็นเหมือนพันธสัญญาที่เราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาในวันที่เราจูงมือพวกเขาออกไปจากแผ่นดินอียิปต์[a] พันธสัญญาของเราที่พวกเขาไม่ปฏิบัติตาม แม้ว่าเราเป็นประหนึ่งสามีของพวกเขาก็ตาม” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 33 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่นี่เป็นพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และหลังจากนั้น เราจะเขียนกฎของเราในความคิดของพวกเขา และเราจะจารึกไว้ในใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา 34 และจะไม่มีวันที่แต่ละคนจะสอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักพระผู้เป็นเจ้า’ เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา นับจากคนด้อยสุดในพวกเขาจนถึงคนยิ่งใหญ่ที่สุด พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น ด้วยว่า เราจะยกโทษความชั่วของพวกเขา และเราจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป”[b]

สดุดี 51:1-12

คำอธิษฐานขออภัย

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด เมื่อนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ามาหาท่าน หลังจากที่ท่านเข้าไปหานางบัทเช-บาแล้ว[a]

โอ พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์มีเมตตาเป็นล้นพ้น
    โปรดลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้า
ชำระล้างความชั่วทั้งปวงของข้าพเจ้าให้หมดสิ้น
    และทำให้ข้าพเจ้าบริสุทธิ์จากบาป

เพราะข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าล่วงละเมิด
    และตระหนักในบาปของข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้าทำบาปต่อพระองค์ ต่อพระองค์เพียงผู้เดียว
    และได้กระทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของพระองค์
เพื่อพระองค์เป็นที่เห็นว่าถูกต้องเวลาพระองค์กล่าว
    และไร้ความผิดเวลาพระองค์ตัดสินโทษ
จริงทีเดียวที่ข้าพเจ้าเป็นคนบาปตั้งแต่แรกเกิด
    เป็นคนบาปตั้งแต่เริ่มชีวิตในครรภ์มารดา
ดูเถิด พระองค์ต้องการความภักดีที่มาจากใจ
    ฉะนั้นขอพระองค์สั่งสอนสติปัญญาให้กับส่วนลึกๆ ในใจของข้าพเจ้า

โปรดลบล้างบาปข้าพเจ้าด้วยก้านหุสบ ข้าพเจ้าจะได้สะอาด
    ชำระล้างข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะได้ขาวยิ่งกว่าหิมะ
ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับเสียงแห่งความยินดีและรื่นเริงใจ
    ให้กระดูกที่พระองค์หักเป็นเสี่ยงๆ ยินดีได้เถิด
โปรดซ่อนหน้าพระองค์ไปเสียจากบาปของข้าพเจ้า
    และลบล้างความชั่วทั้งปวงของข้าพเจ้าให้หมดสิ้น
10 โอ พระเจ้า โปรดบันดาลให้ใจของข้าพเจ้าสะอาด
    และทำให้วิญญาณของข้าพเจ้ามั่นคงขึ้นมาใหม่
11 อย่าขับไสข้าพเจ้าไปให้พ้นจากพระองค์
    และอย่าพรากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
12 ขอให้ความรอดพ้นที่มาจากพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าเกิดความยินดีขึ้นอีก
    และด้วยวิญญาณที่ยอมเชื่อฟัง พระองค์ให้ข้าพเจ้ายืนหยัดได้

สดุดี 119:9-16

ב เบธ

ชายหนุ่มจะรักษาวิถีทางของเขาให้บริสุทธิ์ได้อย่างไรเล่า
    เขาจะรักษาทางนั้นได้ด้วยการกระทำตามคำกล่าวของพระองค์
10 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    อย่าให้ข้าพเจ้าเห็นผิดไปจากพระบัญญัติของพระองค์
11 ข้าพเจ้าเก็บรักษาคำกล่าวของพระองค์ไว้ในใจ
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 สรรเสริญพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    โปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
13 ริมฝีปากข้าพเจ้าพูดทบทวนคำบัญชาทั้งปวง
    ที่ออกจากปากของพระองค์
14 ข้าพเจ้ายินดีในคำสั่งของพระองค์
    เท่าๆ กับความมั่งคั่งทั้งหลาย
15 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงข้อบังคับของพระองค์
    และมีใจจดจ่ออยู่กับวิถีทางของพระองค์
16 ข้าพเจ้าจะยินดีในกฎเกณฑ์ของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะไม่ลืมคำกล่าวของพระองค์

ฮีบรู 5:5-10

พระคริสต์ก็ไม่ได้ยกเชิดชูพระองค์เองให้เป็นหัวหน้ามหาปุโรหิต แต่พระเจ้ากล่าวกับพระคริสต์ว่า

“เจ้าเป็นบุตรของเรา
    วันนี้เราประกาศว่า เราเป็นบิดาของเจ้า”[a]

และพระองค์กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า

“เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์
    ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”[b]

ตลอดวันเวลาที่พระเยซูมีชีวิตเป็นมนุษย์ พระองค์ได้อธิษฐาน และอ้อนวอนเสียงดัง และหลั่งน้ำตาต่อพระองค์ผู้สามารถช่วยให้พระองค์พ้นจากความตาย ซึ่งพระเจ้าได้สดับรับฟังเพราะพระเยซูยอมเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นบุตร พระองค์ก็ได้เรียนรู้การเชื่อฟัง เนื่องจากความทุกข์ยากลำบากที่ได้รับ หลังจากที่พระเจ้าได้ทำให้พระองค์เพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระองค์ก็คือแหล่งแห่งความรอดพ้นอันเป็นนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์ 10 และพระเจ้าแต่งตั้งให้พระองค์เป็นหัวหน้ามหาปุโรหิตตามแบบอย่างเมลคีเซเดค

ยอห์น 12:20-33

พระเยซูแจ้งมรณกาลของพระองค์ล่วงหน้า

20 ในบรรดาผู้คนที่ขึ้นไปนมัสการในงานเทศกาลนั้นมีชาวกรีกร่วมไปด้วย 21 พวกเขาได้ไปหาฟีลิปซึ่งมาจากหมู่บ้านเบธไซดาในแคว้นกาลิลี และพูดกับเขาว่า “นายท่าน พวกเราอยากจะเห็นพระเยซู” 22 ฟีลิปไปบอกอันดรูว์ แล้วทั้งฟีลิปกับอันดรูว์ก็ไปบอกพระเยซู 23 พระเยซูตอบเขาทั้งสองว่า “ถึงกำหนดเวลาแล้วที่บุตรมนุษย์จะได้รับพระบารมี 24 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ถ้าเมล็ดข้าวสาลีไม่ตกลงบนพื้นดินและตายไป เมล็ดนั้นก็จะอยู่เพียงเมล็ดเดียว แต่ถ้าเมล็ดตายไปก็จะเกิดผลงอกงาม 25 ผู้ที่รักชีวิตของตนจะสูญเสียชีวิตนั้นไป และผู้ที่ชังชีวิตของตนในโลกนี้จะรักษาชีวิตไว้ได้ชั่วนิรันดร์ 26 ถ้าผู้ใดรับใช้เราก็ให้ติดตามเรามา และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ด้วย ถ้าผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาก็จะให้เกียรติแก่ผู้นั้น

27 ขณะนี้จิตใจของเราเป็นทุกข์ จะให้เราพูดอย่างไรดี จะให้พูดว่า ‘พระบิดา โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลานี้เถิด’ อย่างนั้นหรือ ก็ไม่ได้ เป็นเพราะเหตุนี้เราจึงได้มาเผชิญช่วงเวลานี้อยู่ 28 พระบิดา ขอพระนามของพระองค์ได้รับพระบารมีเถิด” ในขณะนั้นได้มีเสียงจากสวรรค์ว่า “เราทั้งได้รับบารมีแล้ว และจะได้รับอีก” 29 บางคนในฝูงชนที่ยืนฟังอยู่พูดกันว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง บ้างก็ว่าทูตสวรรค์ได้พูดกับพระองค์ 30 พระเยซูตอบว่า “เสียงนี้ไม่ได้เปล่งออกมาเพื่อเรา แต่เพื่อพวกท่าน 31 บัดนี้การกล่าวโทษอยู่กับโลกนี้ และบัดนี้ผู้ครองโลก[a]จะถูกโยนออกไปแล้ว 32 เมื่อเราถูกชูขึ้นเหนือโลก เราจะนำให้ทุกคนมาหาเรา” 33 พระองค์กล่าวเช่นนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าพระองค์จะต้องสิ้นชีวิตอย่างไร

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation