Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
คำอธิษฐานขอความช่วยเหลือ
บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์จากห้วงเหวแห่งความสิ้นหวัง
2 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังเสียงข้าพเจ้า
โปรดเงี่ยหูฟังเสียงร้องขอความเมตตาของข้าพเจ้าเถิด
3 โอ พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์บันทึกบาปที่เรากระทำแล้ว
โอ พระผู้เป็นเจ้า ใครจะสามารถทนอยู่ได้เล่า
4 แต่พระองค์กลับให้อภัย
ฉะนั้น พระองค์จึงเป็นที่ยำเกรง
5 ข้าพเจ้าคอยพระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอย
และจึงตั้งความหวังในคำกล่าวของพระองค์
6 จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระผู้เป็นเจ้า
ยิ่งกว่าคนเฝ้ายามรอคอยอรุณรุ่ง
ยิ่งกว่าคนเฝ้ายามรอคอยอรุณรุ่ง
7 อิสราเอลเอ๋ย จงตั้งความหวังในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้ามีความรักอันมั่นคง
และพระองค์ทำการไถ่อย่างบริบูรณ์
8 และพระองค์จะไถ่อิสราเอลให้พ้น
จากบาปทั้งปวงของเขา
ครอบครัวโยเซฟไปประเทศอียิปต์ครั้งที่สอง
43 ในเวลานั้นทุพภิกขภัยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สุดในแผ่นดิน 2 และเมื่อเขาทั้งหลายได้ใช้ธัญพืชที่ได้มาจากอียิปต์จนหมดแล้ว บิดาพูดกับพวกเขาว่า “ไปอีก ไปซื้ออาหารให้พวกเราอีกหน่อย” 3 แต่ยูดาห์พูดว่า “ชายผู้นั้นเตือนเราอย่างเอาจริงเอาจังว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก เว้นเสียแต่ว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’ 4 ถ้าพ่อจะให้น้องชายไปกับพวกเรา เราก็จะลงไปซื้ออาหารมาให้พ่อ 5 แต่ถ้าพ่อไม่ให้เขาไป เราก็จะไม่ลงไป เพราะว่าชายผู้นั้นพูดกับเราว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก จนกว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’” 6 อิสราเอลพูดว่า “ทำไมเจ้าจึงบอกชายผู้นั้นว่าเจ้ามีน้องชายอีกคน นั่นก็เป็นการสร้างปัญหาให้กับพ่อมาก” 7 พวกเขาตอบว่า “ชายผู้นั้นซักไซ้พวกเราอย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวเราและครอบครัว โดยถามว่า ‘บิดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้ามีน้องอีกคนหรือไม่’ ทุกสิ่งที่พวกเราตอบก็ตอบตามคำถามพวกนี้แหละ เราจะทราบได้อย่างไรว่าท่านจะสั่งว่า ‘ให้พาน้องชายของเจ้าลงมาด้วย’” 8 แล้วยูดาห์พูดกับอิสราเอลบิดาของตนว่า “ให้เจ้าหนุ่มน้อยไปกับลูกเถิด เราจะได้ลุกขึ้นไปกัน พวกเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ จะได้ไม่ตาย ทั้งตัวเราเอง ตัวพ่อ และเจ้าตัวเล็กๆ ของเราด้วย 9 ลูกจะเป็นประกันตัวเขา พร้อมกับจะรับผิดชอบแทนเขาเอง ถ้าลูกไม่พาเขากลับมาให้พ่อ และมาให้ยืนตรงหน้าพ่อ ลูกก็ยินดีรับผิดไปตลอดชีวิต 10 ถ้าพวกเราไม่ล่าช้า ป่านนี้คงจะไปและกลับมาได้ 2 เที่ยวแล้ว”
11 ครั้นแล้วอิสราเอลบิดาของเขาพูดว่า “ถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็จงทำไปตามนี้เถิด เอาผลิตผลชั้นดีของถิ่นเราใส่ถุงของเจ้าไป แล้วแบกไปให้ชายผู้นั้นเป็นของกำนัล ยางไม้ชนิดต่างๆ น้ำผึ้งอย่างละนิดละหน่อย มดยอบ ถั่วพิสตาชิโอและอัลมอนด์ 12 เอาเงินติดตัวไปเป็น 2 เท่า หอบเงินที่ติดอยู่ปากถุงของเจ้ากลับไป บางทีมันอาจจะติดมากับตัวเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ 13 เอาตัวน้องชายเจ้าไปด้วย ลุกขึ้นได้แล้ว กลับไปหาชายผู้นั้น 14 ขอให้พระเจ้าผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพโปรดให้ชายผู้นั้นมีเมตตาต่อพวกเจ้า ท่านจะได้ปล่อยตัวพี่ชายกับเบนยามินกลับมา แต่ถ้าพ่อจะต้องเสียลูก พ่อก็จำต้องเสียพวกเขาไป”
15 ดังนั้น พวกบุตรของยาโคบจึงเอาของกำนัล แบกเงินเป็นจำนวน 2 เท่าติดตัวพร้อมกับเบนยามิน ออกเดินทางลงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อไปหาโยเซฟ
16 เมื่อโยเซฟเห็นเบนยามินมากับพวกพี่ๆ เขาบอกหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “พาชายพวกนั้นเข้ามาในเรือนของเรา ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเตรียมเป็นอาหารไว้ เพราะว่าชายเหล่านั้นจะรับประทานด้วยกันกับเราในตอนเที่ยง” 17 หัวหน้าคุมงานทำตามที่โยเซฟสั่ง และนำพวกผู้ชายไปยังบ้านโยเซฟ 18 ชายเหล่านั้นกลัวเพราะถูกนำตัวไปยังบ้านของโยเซฟ จึงพูดกันว่า “เป็นเพราะเงินที่อยู่ในถุงของพวกเราครั้งแรก เราจึงถูกนำตัวมาที่นี่ ท่านหาโอกาสกล่าวหาและบังคับพวกเราได้ จะให้เราเป็นทาสและจะเอาลาของเราไปด้วย” 19 พวกเขาเดินไปหาหัวหน้าคุมงานของโยเซฟ และพูดกับเขาที่ทางเข้าบ้าน 20 โดยกล่าวว่า “ได้โปรดเถิดนาย พวกเราลงมาครั้งแรกเพื่อซื้ออาหาร 21 พอเราถึงที่ค้างแรมก็เปิดถุงของเราออก จึงเห็นว่ามีเงินของทุกคนอยู่ที่ปากถุงของตนเอง เงินเต็มจำนวน เราจึงเอากลับมาคืน 22 และเราเอาเงินอีกจำนวนติดมือมาซื้ออาหาร เราไม่ทราบว่าใครใส่เงินของเรากลับไว้ในถุง” 23 เขาตอบว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก อย่ากังวลเลย พระเจ้าของท่านและพระเจ้าของบิดาของท่านคงเป็นผู้ใส่สิ่งมีค่าในถุงให้ท่าน เราได้รับเงินของท่านแล้ว” แล้วเขาก็นำตัวสิเมโอนออกมาให้ 24 เมื่อหัวหน้าคุมงานพาชายเหล่านั้นไปยังบ้านโยเซฟแล้ว ก็หาน้ำมาให้ล้างเท้า และให้อาหารแก่ลา 25 หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดเตรียมของกำนัลเพื่อมอบแก่โยเซฟเมื่อเขามาถึงในราวเที่ยงวัน เพราะพวกเขาทราบมาว่าควรจะรับประทานร่วมกับเขาที่นั่น
26 เมื่อโยเซฟถึงบ้าน พวกเขาก็นำของกำนัลที่เอาติดตัวมาเข้าบ้านมอบให้แก่โยเซฟ และก้มตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าโยเซฟ 27 เขาถามถึงทุกข์สุขของพวกเขาและพูดว่า “บิดาของเจ้าสบายดีหรือ ชายชราที่เจ้าเคยพูดถึงน่ะ เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” 28 พวกเขาตอบว่า “บิดาของเราคือผู้รับใช้ของท่านสบายดี และท่านยังมีชีวิตอยู่” แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะและแสดงความเคารพ 29 โยเซฟเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นเบนยามินน้องชายร่วมมารดาของตน เขาจึงพูดว่า “นี่เป็นน้องคนสุดท้องของเจ้าที่เล่าให้เราฟังหรือ ลูกเอ๋ย ขอพระเจ้าจงมีพระคุณต่อเจ้าเถิด” 30 แล้วรีบออกไปข้างนอก เพราะความรักและความสงสารที่มีต่อน้องชายนั้นมีมากจนน้ำตาจะหลั่ง เขาจึงเข้าไปที่ห้องชั้นใน และร้องไห้อยู่ที่นั่น 31 หลังจากที่เขาได้ล้างหน้าแล้วก็ออกมา พอควบคุมตนเองได้ก็พูดว่า “ตั้งโต๊ะได้แล้ว” 32 เขานั่งคนละโต๊ะกับพวกเขา มีพวกชาวอียิปต์ที่รับประทานอยู่ด้วยนั่งคนละโต๊ะกับเขา เพราะชาวอียิปต์ไม่รับประทานอาหารร่วมกับชาวฮีบรู เนื่องจากชาวอียิปต์นับว่าชาวฮีบรูน่ารังเกียจ 33 พวกเขาถูกจัดให้นั่งที่ตรงหน้าโยเซฟตามลำดับอายุ เรียงแถวจากคนที่มีอายุมากสุดไปจนถึงคนที่มีอายุน้อยสุด และชายเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ 34 อาหารแบ่งออกไปจากโต๊ะของโยเซฟให้พวกเขา แต่ส่วนที่เป็นของเบนยามินมากกว่าของทุกคนเป็น 5 เท่า เขาทั้งหลายดื่มและรื่นเริงอยู่กับเขา
การประชุมที่เมืองเยรูซาเล็ม
15 มีชายบางคนที่ลงมาจากแคว้นยูเดียได้สั่งสอนพวกพี่น้องว่า “ถ้าพวกท่านไม่เข้าสุหนัตตามประเพณีนิยมที่โมเสสสอน ท่านก็จะไม่รอดพ้น” 2 เปาโลและบาร์นาบัสจึงโต้แย้งและถกเถียงอย่างรุนแรงกับพวกเขา ดังนั้นเปาโล บาร์นาบัส และผู้ที่เชื่อบางคนจึงได้รับเลือกให้ขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อปรึกษากับพวกอัครทูตและผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องที่โต้เถียงกันอยู่ 3 และคริสตจักรได้ส่งไปก็เพื่อการนั้น ขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านแคว้นฟีนิเซียกับแคว้นสะมาเรีย ก็ได้เล่าถึงการที่บรรดาคนนอกหันมาเชื่อในพระเจ้า ข่าวนั้นจึงสร้างความปิติแก่พี่น้องทุกคนยิ่งนัก 4 เมื่อท่านทั้งหลายมาถึงเมืองเยรูซาเล็มก็ได้รับการต้อนรับจากคริสตจักร พวกอัครทูต และจากผู้ปกครอง และได้รายงานถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ใช้ให้พวกท่านทำ 5 มีผู้ที่เชื่อบางคนในพรรคฟาริสียืนขึ้นกล่าวว่า “บรรดาคนนอกต้องเข้าสุหนัตและต้องปฏิบัติตามหมวดกฎบัญญัติของโมเสส”
6 พวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาเรื่องนั้น 7 หลังจากที่ได้ปรึกษากันเป็นอย่างดีแล้ว เปโตรลุกขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย ท่านคงทราบดีแล้วว่า เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่พระเจ้าได้เลือกข้าพเจ้าจากบรรดาท่าน เพื่อประกาศข่าวประเสริฐให้บรรดาคนนอกฟังและเชื่อ 8 พระเจ้าหยั่งถึงใจมนุษย์ จึงแสดงให้เห็นว่า พระองค์รับพวกเขาโดยมอบพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เขา เช่นเดียวกับที่มอบแก่พวกเรา 9 พระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่ต่างไปจากพวกเขาเลย พระองค์ชำระใจของเขาให้บริสุทธิ์ก็เพราะเขาเชื่อ 10 อย่างนั้นแล้ว ทำไมท่านจึงพยายามลองดีกับพระเจ้า โดยการวางแอกบนคอของพวกสาวก ทั้งๆ ที่พวกเราหรือบรรพบุรุษของเราไม่สามารถแบกเองได้ 11 แต่พวกเราเชื่อว่า เป็นเพราะพระคุณของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่ทำให้เราทั้งหลายและพวกเขารอดพ้น”
12 ที่ประชุมทั้งหมดก็นิ่งเงียบ ขณะที่ฟังบาร์นาบัสและเปาโลเล่าถึงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่พระเจ้าได้ใช้ท่านทั้งสองกระทำในหมู่คนนอก 13 จากนั้น ยากอบจึงกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด 14 ซีโมนได้บรรยายให้พวกเราฟังว่า พระเจ้าแสดงความห่วงใยมาตั้งแต่แรก จึงได้เลือกบรรดาคนนอกให้มาเป็นคนของพระองค์ 15 คำพูดของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าก็เห็นพ้องด้วย ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
16 ‘หลังจากนี้ เราจะกลับมาสร้าง
กระโจมของดาวิดที่ล้มลงขึ้นใหม่
สิ่งที่ปรักหักพัง เราจะสร้างขึ้นใหม่
และเราจะบูรณะให้กลับคืนมา
17 ให้มนุษย์ส่วนที่เหลืออยู่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
และคนนอกทุกคนซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นคนของเรา
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวเช่นนั้น เพื่อให้เป็นที่ทราบกัน
18 ตั้งแต่นานมาแล้ว’[a]
19 ด้วยเหตุฉะนั้น ตามความเห็นของข้าพเจ้าแล้ว เราไม่ควรทำให้คนนอกซึ่งกลับใจเข้าหาพระเจ้าต้องลำบาก 20 แต่ว่าเราควรเขียนถึงพวกเขา ให้ละเว้นอาหารที่มีมลทินจากรูปเคารพต่างๆ จากการประพฤติผิดทางเพศ ละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย หรือรับประทานเลือด 21 เพราะเหตุว่าตั้งแต่สมัยโบราณมา ในทุกเมืองมีผู้ประกาศเรื่องที่โมเสสได้เขียนไว้ และมีการอ่านกันในศาลาที่ประชุมทุกๆ วันสะบาโต”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation