Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
คำอธิษฐานขอความช่วยเหลือ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
เงี่ยหูฟังคำร้องขอความเมตตาของข้าพเจ้าเถิด
โปรดตอบข้าพเจ้าตามความสัตย์จริงและความชอบธรรมของพระองค์
2 และอย่าพิพากษาผู้รับใช้ของพระองค์เลย
เพราะไม่มีผู้มีชีวิตคนใดที่นับว่ามีความชอบธรรม ณ เบื้องหน้าพระองค์
3 ด้วยว่า ศัตรูได้ตามล่าข้าพเจ้า
เขาเหยียบย่ำชีวิตข้าพเจ้าให้จมธรณี
และทำให้ข้าพเจ้านั่งในที่มืดเหมือนพวกที่ได้ตายไปนานแสนนานแล้ว
4 ดังนั้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้าอ่อนล้า
ภายในจิตใจข้าพเจ้าหวั่นกลัว
5 ข้าพเจ้าจำวันเก่าๆ ได้
ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงงานทุกชิ้นของพระองค์
ข้าพเจ้าตริตรองถึงการงานของพระองค์
6 ข้าพเจ้ายกมือขึ้นไปยังพระองค์
จิตวิญญาณกระหายหาพระองค์อย่างแผ่นดินที่แห้งแล้ง เซล่าห์
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว
วิญญาณข้าพเจ้าอ่อนล้า
อย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าเลย
เกรงว่าข้าพเจ้าจะเป็นเหมือนพวกที่ลงไปยังหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
8 ให้ข้าพเจ้าได้ยินถึงความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามเช้าเถิด
เพราะข้าพเจ้าวางใจในพระองค์
โปรดสอนข้าพเจ้าให้ไปในหนทางที่ควรจะไป
เพราะจิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้าเถิด
ข้าพเจ้าเข้าหาพระองค์เพื่อพึ่งพิง
10 โปรดสอนข้าพเจ้าให้กระทำตามความประสงค์ของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
ให้พระวิญญาณอันประเสริฐของพระองค์
นำข้าพเจ้าไปบนที่ราบ
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระนามของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่
พาข้าพเจ้าให้พ้นจากความทุกข์ยากตามความชอบธรรมของพระองค์
12 และโปรดกำจัดพวกศัตรูของข้าพเจ้าด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
และฆ่าเหล่าปรปักษ์ของข้าพเจ้าทั้งหมด
เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เยเรมีย์ซื้อที่นา
32 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ ในปีที่สิบของเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดของเนบูคัดเนสซาร์ 2 ในเวลานั้น กองทหารของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลังล้อมเยรูซาเล็ม และเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าถูกกักตัวอยู่ที่ลานทหารยาม ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3 เพราะเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์สั่งให้จำขังท่านโดยกล่าวว่า “ทำไมท่านจึงเผยความว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ดูเถิด เรากำลังมอบเมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมือง 4 เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไม่รอดจากเงื้อมมือของชาวเคลเดีย แต่จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนอย่างแน่นอน และจะเผชิญหน้าพูดกับเขาโดยตรง 5 และเขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และเขาจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะมาช่วยเขา พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าก็จะไม่ชนะ’”
6 เยเรมีย์พูดว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 7 ‘ดูเถิด ฮานัมเอลบุตรของชัลลูมลุงของเจ้าจะมาหาเจ้าและพูดว่า “ซื้อที่นาของเราที่อยู่ในอานาโธทเถิด เพราะสิทธิที่จะซื้อกลับคืนเป็นของท่านแล้ว”’[a] 8 ฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้าที่ลานทหารยาม ซึ่งเป็นไปตามคำของพระผู้เป็นเจ้า และพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘ซื้อที่นาของเราที่อยู่ในอานาโธทในอาณาเขตของเบนยามินเถิด เพราะสิทธิของการเป็นเจ้าของและซื้อกลับคืนเป็นของท่านแล้ว ซื้อเก็บไว้เอง’ ข้าพเจ้าจึงทราบว่าคำพูดนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า
9 ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อที่นาในอานาโธทจากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้า และชั่งเงินให้เขาไป 17 เชเขล[b]
พวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
36 ฉะนั้น บัดนี้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวถึงเมืองซึ่งพวกเจ้าพูดว่า ‘เมืองนี้ถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนด้วยการสู้รบ ความอดอยาก และโรคระบาด’ 37 ดูเถิด เราจะรวบรวมพวกเขาจากแผ่นดินทั้งปวงที่เราได้ขับไล่ให้พวกเขาออกไปในเวลาที่เราโกรธและกริ้วมาก เราจะนำพวกเขากลับมายังที่นี้ และเราจะให้พวกเขาอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย 38 และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา 39 เราจะให้พวกเขามีใจและวิถีทางเป็นหนึ่งเดียวคือ พวกเขาจะเกรงกลัวเราจนชั่วนิรันดร์ เพื่อเขาจะได้ดี และลูกหลานที่ตามมาภายหลังก็จะได้ดีด้วย 40 เราจะทำพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์กับพวกเขาว่า[a] เราจะดีต่อพวกเขาเสมอไป และเราจะทำให้พวกเขาเกรงกลัวเรา เพื่อพวกเขาจะไม่หันเหไปจากเรา 41 เราจะทำดีต่อพวกเขาด้วยความยินดี และเราจะปลูกสร้างพวกเขาในแผ่นดินนี้ด้วยสุดดวงใจและสุดดวงจิตของเรา”
ความสงสัยเรื่องวันที่ฟื้นคืนชีวิต
23 ในวันนั้นพวกสะดูสี (ซึ่งพูดว่าไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย) ได้มาหาพระองค์และถามว่า 24 “อาจารย์ ตามที่โมเสสกล่าวว่า ‘ถ้าชายคนหนึ่งตายไปโดยที่ไม่มีบุตรเลย น้องชายของเขาควรสมรสกับหญิงม่าย และมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชายของเขา’[a] 25 ครั้งหนึ่งมีพี่น้องที่เป็นชายอยู่ 7 คน คนแรกสมรสและตายโดยไม่มีบุตร ทอดทิ้งภรรยาไว้กับน้องชายของตน 26 คนที่สอง คนที่สามก็เช่นเดียวกัน มาจนถึงคนที่เจ็ด 27 ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย 28 เมื่อถึงวันที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย แล้วนางจะเป็นภรรยาของใคร ในเมื่อทั้งเจ็ดคนได้สมรสกับนาง”
29 พระเยซูกล่าวตอบว่า “ท่านผิดแล้ว ท่านไม่เข้าใจพระคัมภีร์และอานุภาพของพระเจ้า 30 เพราะในวันที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย พวกเขาจะไม่มีการสมรสหรือการยกให้เป็นสามีภรรยากัน แต่จะเป็นเหมือนพวกทูตสวรรค์ในฟ้าสวรรค์ 31 แต่เรื่องคนตายที่ฟื้นคืนชีวิต ท่านยังไม่ได้อ่านตอนที่พระเจ้าได้กล่าวกับท่านหรือว่า 32 ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’[b] พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น” 33 เมื่อฝูงชนได้ยินดังนั้น ก็อัศจรรย์ใจกับการสอนของพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation