Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
ไว้ใจพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
2 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
3 อย่าวางใจในบรรดาเจ้าขุนมูลนาย
หรือมนุษย์อื่นซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้
4 เมื่อเขาหมดลมหายใจ เขาก็กลับคืนสู่ดิน
แผนการต่างๆ ที่วางไว้ก็เป็นอันจบสิ้นในวันนั้นเอง
5 คนที่พระเจ้าของยาโคบช่วยเหลือไว้
คนที่มีความหวังในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าของเขา ก็เป็นสุข
6 พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น[a]
พระองค์รักษาสัญญาเสมอ
7 พระองค์คุ้มครองผู้ถูกบีบบังคับ
และให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
พระผู้เป็นเจ้าปล่อยพวกถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
8 พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนตาบอดมองเห็น
พระผู้เป็นเจ้าพยุงพวกเขาขึ้นมาจากความสิ้นหวัง
พระผู้เป็นเจ้ารักผู้มีความชอบธรรม
9 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองคนต่างด้าว
พระองค์บรรเทาทุกข์ของหญิงม่ายและเด็กกำพร้า
แต่พระองค์ทำลายหนทางของคนชั่วร้าย
10 พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์อยู่ตลอดกาล
โอ ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าครองอยู่ทุกชั่วอายุคน
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
9 ฉะนั้น ความยุติธรรมอยู่ห่างไกลจากพวกเรา
และความชอบธรรมไม่เกิดขึ้นกับเรา
พวกเราหวังในแสงสว่าง แต่ดูเถิด มีแต่ความมืด
และหวังในความสว่าง แต่พวกเราเดินอยู่ในความมืดมน
10 พวกเราคลำหาตามกำแพงอย่างคนตาบอด
พวกเราคลำหาราวกับคนไม่มีตา
พวกเราสะดุดตอนเที่ยงวันราวกับเป็นเวลาพลบค่ำ
พวกเราเป็นเหมือนคนตายแล้วในหมู่คนร่างกำยำ
11 พวกเราทุกคนคำรามอย่างหมี
พวกเราโอดครวญ คร่ำครวญอย่างนกพิราบ
พวกเราหวังในความยุติธรรม แต่หาไม่พบเลย
หวังในความรอดพ้น แต่ก็ห่างไกลจากพวกเรา
12 เพราะการล่วงละเมิดของเราทวีคูณขึ้น ณ เบื้องหน้าพระองค์
และบาปของพวกเราเป็นพยานฟ้องเรา
เพราะการล่วงละเมิดอยู่กับพวกเรา
และเรารู้ถึงความชั่วของเรา
13 การล่วงละเมิดและการปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า
และการหันหลังให้กับพระเจ้าของเรา
พูดด้วยการบีบบังคับและฝ่าฝืน
กล่าวคำเท็จซึ่งเกิดขึ้นจากจิตใจของพวกเรา
14 ความยุติธรรมถูกบังคับให้ถอยกลับ
และความชอบธรรมอยู่ห่างไกล
เพราะความจริงไม่มั่นคงที่ลานชุมนุม
และความเที่ยงธรรมเข้ามาไม่ถึง
15 หามีความจริงไม่
และผู้ที่เดินไปจากความชั่วกลายเป็นผู้ถูกตามล่า
พระผู้เป็นเจ้ามองดู และไม่พอใจ
ที่ไม่มีความยุติธรรม
16 พระองค์เห็นว่าไม่มีผู้ใด
และใจหายว่าไม่มีใครสักคนที่จะอธิษฐานขอ
แล้วพละกำลังของพระองค์เองนำความรอดพ้นมา
และความชอบธรรมของพระองค์เสริมพลังให้แก่พระองค์
17 พระองค์สวมความชอบธรรมอย่างเกราะป้องกันอก
และสวมหมวกเหล็กแห่งความรอดพ้น
พระองค์สวมเสื้อแห่งการแก้แค้นเป็นเครื่องนุ่งห่ม
และคลุมพระองค์เองด้วยความรักอันแรงกล้าอย่างเสื้อคลุม
18 พระองค์จะสนองคืน
ตามการกระทำของพวกเขา
การลงโทษแก่ฝ่ายตรงข้าม
การสนองคืนแก่ศัตรูของพระองค์
พระองค์จะสนองคืนแก่หมู่เกาะต่างๆ
19 ดังนั้น พวกเขาจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจากฟากตะวันตก
และพระบารมีของพระองค์จากทางที่ดวงตะวันขึ้น
เพราะพระองค์จะมาอย่างสายน้ำที่ไหลหลาก
ซึ่งลมของพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้พัดมันมา
เซาโลกลับใจ
9 ในเวลานั้นเซาโลยังคงขู่ฆ่าพวกสาวกของพระผู้เป็นเจ้าต่อไป ทั้งยังไปหาหัวหน้ามหาปุโรหิต 2 เพื่อทำหนังสือยื่นไปยังศาลาที่ประชุมต่างๆ ในเมืองดามัสกัสว่า หากมีผู้ใดไม่ว่าชายหรือหญิงที่ดำเนินตามใน “วิถีทางนั้น” ให้จับมัดพามายังเมืองเยรูซาเล็ม 3 ขณะที่เซาโลเดินทางจวนจะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้น ก็มีแสงจากสวรรค์ส่องล้อมรอบตัวท่าน 4 ท่านทรุดตัวลงบนพื้นและได้ยินเสียงพูดกับท่านว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงกดขี่ข่มเหงเรา” 5 เซาโลถามว่า “พระองค์ท่าน พระองค์เป็นผู้ใด” พระองค์ตอบว่า “เราคือเยซูผู้ที่เจ้ากำลังข่มเหง 6 จงลุกขึ้นเถิด เข้าไปในเมือง และจะมีคนบอกว่าเจ้าจะต้องทำสิ่งใดบ้าง” 7 ชายพวกที่เดินทางไปกับเซาโลได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง พูดไม่ออกเพราะได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นตัวผู้พูด 8 เมื่อเซาโลลุกขึ้นมา แม้จะเปิดตา แต่กลับมองอะไรไม่เห็น เขาเหล่านั้นจึงต้องช่วยจูงมือไปยังเมืองดามัสกัส 9 เซาโลตาบอดอยู่ 3 วันและไม่ได้ดื่มกินสิ่งใดเลย
10 ในเมืองดามัสกัสมีสาวกคนหนึ่งชื่ออานาเนีย พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเขาในภาพนิมิตว่า “อานาเนียเอ๋ย” เขาตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” 11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเขาว่า “เจ้าจงลุกขึ้น ไปที่ถนนที่เรียกว่า ถนนตรง ไปยังบ้านของยูดาสและถามหาเซาโลที่มาจากเมืองทาร์ซัส เขากำลังอธิษฐานอยู่ 12 และเขาได้เห็นภาพนิมิตของชายผู้หนึ่งชื่ออานาเนีย ซึ่งมาและวางมือทั้งสองบนตัวเขาเพื่อจะได้มองเห็นอีก” 13 อานาเนียตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเคยได้ยินเรื่องของชายคนนี้จากคนจำนวนมาก เขาได้กระทำความชั่วมากมายต่อบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม 14 และที่นี่เขาก็ยืมสิทธิอำนาจของพวกมหาปุโรหิต เพื่อจับกุมทุกคนที่ร้องเรียกพระนามของพระองค์” 15 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอานาเนียว่า “จงไปเถิด ชายคนนี้เป็นเครื่องมือที่เราเลือกไว้ เพื่อจะนำชื่อของเราไปยังบรรดาคนนอก บรรดากษัตริย์ และไปยังชนชาติอิสราเอล 16 เราจะแสดงให้เขาเห็นว่า เขาจะต้องรับความทุกข์ทรมานมากเพียงไรเพื่อนามของเรา” 17 แล้วอานาเนียก็ไปยังบ้านนั้น แล้ววางมือทั้งสองบนตัวเซาโลพลางพูดว่า “พี่เซาโลเอ๋ย พระเยซูเจ้าได้ส่งข้าพเจ้ามา พระองค์เป็นผู้ปรากฏแก่ท่านที่ถนนระหว่างทางที่จะมาที่นี่ พระองค์ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้ท่านมองเห็นได้อีก และเพื่อท่านจะได้เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” 18 ในทันใดนั้น มีสิ่งหนึ่งคล้ายเกล็ดหลุดจากตาของเซาโล จึงทำให้ท่านสามารถมองเห็นได้อีก เซาโลจึงลุกขึ้นและรับบัพติศมา 19 และหลังจากที่ได้รับประทานอาหารแล้วท่านก็มีกำลังขึ้น
เซาโลที่เมืองดามัสกัสและเยรูซาเล็ม
เซาโลอยู่กับพวกสาวกในเมืองดามัสกัสเป็นเวลาหลายวัน 20 ท่านประกาศที่ศาลาที่ประชุมต่างๆ ทันทีว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation