Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
ไว้วางใจและมั่นใจในพระผู้เป็นเจ้า
ของดาวิด
1 พระผู้เป็นเจ้าเป็นแสงสว่างและความรอดพ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะกลัวใครเล่า
พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่หลบภัยของชีวิตข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะหวั่นกลัวผู้ใด
2 เวลาคนชั่วต่อต้านเพื่อทำร้าย
ดั่งจะกลืนกินข้าพเจ้า
เวลาฝ่ายตรงข้ามและศัตรูโจมตีข้าพเจ้า
พวกเขาจะพลาดและล้มลง
3 แม้จะมีกองทัพตีวงล้อมข้าพเจ้า
ใจข้าพเจ้าก็ไม่หวาดหวั่น
แม้จะมีใครก่อศึกรุกรานข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ยังจะมีความมั่นใจ
4 มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าวอนขอจาก
พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา
คือขอให้ได้อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ชั่วชีวิตของข้าพเจ้า
เพื่อทอดสายตาดูความงามสง่าของพระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญอยู่ในพระวิหารของพระองค์
5 เพราะพระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้
ในที่กำบังของพระองค์ในยามคับขัน
พระองค์จะช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยอยู่ในกระโจมของพระองค์[a]
และยกข้าพเจ้าไว้บนศิลาสูง
6 มาบัดนี้ศีรษะข้าพเจ้าจะถูกยก
ให้สูงเหนือศัตรูรอบข้าง
และข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะโดยส่งเสียงร้องแสดงความยินดีในกระโจมของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและบรรเลงเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้า
กำเนิดของซามูเอล
1 มีชายชาวศูฟคนหนึ่งจากเมืองรามาธาอิมแห่งเทือกเขาของเอฟราอิม ชื่อเอลคานาห์บุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรเอลีฮู ผู้เป็นบุตรโทหุ ผู้เป็นบุตรศูฟคนเผ่าเอฟราอิม 2 เขามีภรรยา 2 คน คนหนึ่งชื่อฮันนาห์ อีกคนหนึ่งชื่อเปนินนาห์ เปนินนาห์มีบุตร แต่ฮันนาห์ไม่มี
3 ชายคนนี้มักจะขึ้นไปจากเมืองของเขาเป็นประจำ เพื่อไปนมัสการและมอบสัตว์เป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาที่ชิโลห์ เป็นที่ซึ่งบุตร 2 คนของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัส ทำหน้าที่เป็นปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 4 ในวันที่เอลคานาห์มอบเครื่องสักการะ เขาจะให้ส่วนแบ่งแก่เปนินนาห์ผู้เป็นภรรยา และแก่บรรดาบุตรชายบุตรหญิงของนาง 5 เขาให้ส่วนแบ่งแก่ฮันนาห์เป็นสองเท่า เพราะว่าเขารักนาง แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าปิดครรภ์ของนาง 6 คู่แข่งของนางมักจะยั่วโทสะนางอย่างร้ายกาจ เพื่อสร้างความรำคาญใจให้นาง เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ให้นางตั้งครรภ์ 7 เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า ครั้งใดที่นางขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า คู่แข่งของนางก็จะยั่วโทสะจนนางร้องไห้และไม่รับประทานอาหาร 8 เอลคานาห์สามีนางก็พูดกับนางว่า “ฮันนาห์เอ๋ย เจ้าร้องไห้ทำไม และทำไมเจ้าจึงไม่รับประทานอาหาร ทำไมใจของเจ้าจึงเศร้านัก เราไม่ดีกว่าบุตรชาย 10 คนของเจ้าหรือ”
9 หลังจากที่ได้รับประทานและดื่มที่ชิโลห์เสร็จแล้ว ฮันนาห์จึงลุกขึ้น ขณะนั้นเอลีปุโรหิตกำลังนั่งอยู่ที่ข้างวงกบประตูพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 10 ฮันนาห์เป็นทุกข์มากและอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า และร้องไห้อย่างขมขื่น 11 และนางสัญญาว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ถ้าพระองค์จะกรุณาแลเห็นความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ และระลึกถึงข้าพเจ้า และไม่ลืมผู้รับใช้ของพระองค์ จะให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้บุตรชาย ข้าพเจ้าจะถวายตัวเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าจนตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะศีรษะของเขาเลย”[a]
12 ขณะที่นางกำลังอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่ เอลีสังเกตดูปากนาง 13 ฮันนาห์กำลังคิดอยู่ในใจพร้อมกับขยับปาก แต่ไม่ได้ออกเสียง ฉะนั้นเอลีจึงคิดไปว่านางเมาสุรา[b] 14 เอลีพูดกับนางว่า “เจ้าจะเมานานอีกแค่ไหน จงหยุดดื่มเหล้าองุ่นเสียเถิด” 15 แต่ฮันนาห์ตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น นายท่าน ฉันเป็นหญิงที่ทุกข์ใจมาก ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา แต่ฉันระบายความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ในใจต่อพระผู้เป็นเจ้า 16 อย่าคิดว่าผู้รับใช้ของท่านเป็นหญิงที่เลวร้าย ฉันอธิษฐานเพราะกังวลและไม่สบายใจมากมานาน” 17 เอลีจึงตอบว่า “จงไปอย่างสันติสุขเถิด และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะตอบเจ้าที่เจ้าร้องขอต่อพระองค์” 18 นางพูดว่า “ขอให้ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านเถิด” แล้วนางก็เดินจากไป และรับประทานอาหาร และใบหน้าของนางก็ไม่เศร้าสลดอีกต่อไป
19 วันรุ่งขึ้นเอลคานาห์และครอบครัวลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า แล้วกลับไปบ้านที่รามาห์ และเอลคานาห์หลับนอนกับฮันนาห์ภรรยาของตน พระผู้เป็นเจ้าไม่ลืมคำร้องขอของนาง 20 เมื่อถึงกำหนดเวลา ฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย นางจึงตั้งชื่อเขาว่า ซามูเอล เพราะนางพูดว่า “ฉันขอเขาจากพระผู้เป็นเจ้า”
พระเยซูเผยข่าวประเสริฐให้เปาโลประกาศ
11 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า ข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศนั้นไม่ใช่ข่าวสารที่มนุษย์แต่งขึ้น 12 ข้าพเจ้าไม่ได้รับรู้มาจากมนุษย์คนใด ไม่มีใครสอนข้าพเจ้า แต่พระเยซูคริสต์เป็นผู้เผยให้ข้าพเจ้าทราบ 13 ด้วยว่าพวกท่านได้ทราบถึงวิถีชีวิตเดิมของข้าพเจ้า ครั้งที่ยังเชื่อในศาสนายิว ข้าพเจ้าเคยกดขี่ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และพยายามจะทำลายคริสตจักรให้สาบสูญไป 14 ในทางศาสนายิว ข้าพเจ้าก้าวหน้ากว่าพวกพ้องที่อยู่ในวัยเดียวกันอยู่หลายคน อีกทั้งยังเคร่งครัดต่อประเพณีนิยมของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าอย่างที่สุด 15 แต่เมื่อพระองค์ผู้แต่งตั้งข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าอยู่ในครรภ์มารดา มีความยินดี และเรียกข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ 16 โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นพระบุตรของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศเรื่องของพระองค์ในหมู่คนนอก[a] ข้าพเจ้าไม่ได้ขอคำแนะนำจากมนุษย์คนใด 17 ข้าพเจ้าไม่ได้ขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อพบกับบรรดาผู้เป็นอัครทูตรุ่นก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้เข้าไปในอาณาเขตอาระเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีกครั้งหนึ่ง
18 สามปีต่อมาข้าพเจ้าขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อทำความคุ้นเคยกับเคฟาส[b] และพักอยู่กับเขาเป็นเวลา 15 วัน 19 ข้าพเจ้าไม่ได้พบอัครทูตอื่นๆ ยกเว้นยากอบน้องชายของพระเยซูเจ้า 20 สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่านต่อหน้าพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดความจริงทั้งสิ้น 21 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เข้าไปยังเขตแดนแคว้นซีเรียและซีลีเซีย 22 ในหมู่คริสตจักรของพระคริสต์ในแคว้นยูเดีย ยังไม่เคยมีใครรู้จักข้าพเจ้ามาก่อน 23 พวกเขาเพียงแต่ได้ยินกันว่า “บัดนี้ คนที่เคยกดขี่ข่มเหงพวกเรา กลับเปลี่ยนมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามทำลายล้างมาก่อน” 24 พวกเขาเหล่านั้นจึงสรรเสริญพระเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์กระทำผ่านข้าพเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation