Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
เครื่องสักการะที่แท้จริง
เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 พระเจ้าผู้กอปรด้วยอานุภาพ พระผู้เป็นเจ้ากล่าว
และเรียกทั่วทั้งแผ่นดิน
ให้มาจากทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจรดทิศที่ดวงอาทิตย์ตก
2 พระเจ้าส่องความสว่างจากศิโยน
เมืองแห่งความงามอันบริบูรณ์
3 พระเจ้าของเราจะมา
แต่ไม่ได้มาอย่างเงียบๆ
คือมีไฟเผาผลาญซึ่งนำหน้าพระองค์ไป
ลมอันแรงกล้าอยู่รอบข้างพระองค์
4 พระองค์เรียกสวรรค์เบื้องบนและโลก
เพื่อให้รู้ว่าพระองค์พิพากษาชนชาติของพระองค์
5 “จงรวบรวมบรรดาผู้ภักดีให้มาหาเรา
คือผู้ที่ได้ทำพันธสัญญากับเราด้วยเครื่องสักการะ”
6 สวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์
เพราะพระเจ้าเองเป็นผู้พิพากษา เซล่าห์
7 “ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังเถิด แล้วเราจะพูด
โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะยืนยันคัดค้านเจ้า
เราคือพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า
8 เราไม่ตำหนิเจ้าในเรื่องเครื่องสักการะ
และสัตว์ที่เผาเป็นของถวายซึ่งอยู่ตรงหน้าเราอย่างไม่ขาดสาย
22 พวกเจ้าผู้ลืมพระเจ้า จงฟังให้ดี
มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าวอดวาย และจะไม่มีใครช่วยให้รอดพ้นได้
23 ผู้ใดมอบของถวายแห่งการขอบคุณนับว่าให้เกียรติเรา
และเราจะให้ผู้ที่เดินตามวิถีทางอันถูกต้องได้เห็นความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้า”
18 ด้วยว่า ความชั่วลุกไหม้เหมือนไฟ
มันเผาพุ่มไม้หนามและต้นหนาม
มันปะทุให้พุ่มไม้ทึบในป่าลุกโพลง
และลอยตัวขึ้นเป็นกลุ่มควันดั่งเสาหลัก
19 แผ่นดินถูกเผาด้วยความ
โกรธเกรี้ยวของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
และประชาชนเป็นเหมือนเชื้อเพลิง
ไม่มีใครไว้ชีวิตใคร
20 พวกเขาเฉือนเนื้อทางด้านขวา
แต่ก็ยังหิวอยู่
พวกเขากัดกินทางด้านซ้าย
แต่ก็ไม่อิ่มหนำ
แต่ละคนกัดกินเชื้อสายของตนเอง
21 มนัสเสห์เขมือบเอฟราอิม และเอฟราอิมเขมือบมนัสเสห์
พวกเขาร่วมกันต่อสู้ยูดาห์
พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
10 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ออกกฎหมายที่ไร้ความเป็นธรรม
และแก่บรรดาผู้เขียนกฎเพื่อบีบบังคับ
2 เพื่อไม่ให้ผู้ยากไร้ได้รับความยุติธรรม
และเพื่อปล้นสิทธิของคนจนซึ่งเป็นชนชาติของเรา
เอาหญิงม่ายมาเป็นเหยื่อ
และปล้นเด็กกำพร้าพ่อ
3 พวกท่านจะทำอย่างไรในวันแห่งการลงโทษ
เมื่อคนจากแดนไกลทำให้ท่านต้องอยู่ในความหายนะ
ท่านจะหนีไปพึ่งใคร
และท่านจะเก็บทรัพย์สมบัติไว้ที่ไหน
4 จะไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะคู้ตัวอยู่กับพวกนักโทษ
หรือล้มลงไปด้วยกับเหล่าคนที่ถูกฆ่า
พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
สเทเฟนเทศนาที่ศาสนสภา
7 แล้วหัวหน้ามหาปุโรหิตจึงถามเขาว่า “เรื่องเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่” 2 สเทเฟนตอบว่า
“พี่น้องและท่านอาวุโสทั้งหลาย ฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าแห่งพระบารมีได้ปรากฏแก่อับราฮัมบิดาของเราขณะที่ท่านยังอยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย ก่อนที่ท่านจะย้ายไปยังเมืองฮาราน 3 พระเจ้ากล่าวว่า ‘จงไปจากดินแดนและญาติพี่น้องของเจ้า และมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนที่เราจะชี้ให้เจ้าดู’[a] 4 อับราฮัมจึงออกจากแผ่นดินของชาวเคลเดียไปตั้งรกรากที่เมืองฮาราน ภายหลังที่บิดาของท่านสิ้นชีวิตลงแล้ว พระเจ้าได้ให้อับราฮัมมาอยู่ในแผ่นดินซึ่งพวกท่านอาศัยอยู่กันทุกวันนี้ 5 พระองค์ไม่ได้มอบมรดกแก่อับราฮัมในแผ่นดินนี้ แม้แต่พื้นดินขนาดยาวเท่าฝ่าเท้า แต่ให้สัญญาว่าท่านและเชื้อสายของท่าน จะเป็นเจ้าของแผ่นดินโดยที่ในเวลานั้นอับราฮัมไม่มีบุตร 6 พระเจ้ากล่าวกับท่านว่า ‘เชื้อสายของเจ้าจะเป็นคนแปลกถิ่นอยู่ในประเทศซึ่งไม่ใช่ของตน และก็จะเป็นทาสถูกกดขี่ข่มเหงเป็นเวลา 400 ปี 7 แต่เราจะกล่าวโทษชาติที่ให้พวกเขาต้องรับใช้เยี่ยงทาส และในภายหลังพวกเขาจะเดินทางออกจากประเทศนั้นมาเพื่อนมัสการเราในสถานที่นี้’[b] 8 จากนั้นพระองค์ก็มอบพันธสัญญาพิธีเข้าสุหนัตแก่อับราฮัม ต่อมาอับราฮัมก็มีบุตรชายชื่อ อิสอัค ซึ่งพออายุได้ 8 วันก็ให้เข้าสุหนัต อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบผู้เป็นบิดาของต้นตระกูลทั้งสิบสอง
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation