Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
7 เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“จงร้องเพลงเสียงดังด้วยความยินดีเพื่อยาโคบ
และส่งเสียงตะโกนเพื่อหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ
จงประกาศ สรรเสริญ และพูดว่า
‘โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยชนชาติของพระองค์
คือผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลให้รอดพ้นเถิด’
8 ดูเถิด เราจะนำพวกเขาออกจากดินแดนทางเหนือ
และรวบรวมพวกเขาจากแดนไกลสุดของแผ่นดินโลก
ผู้ที่มากับพวกเขามีทั้งคนตาบอดและคนง่อย
ผู้หญิงตั้งครรภ์ และนางใกล้จะคลอด
พวกเขาจำนวนมหาศาลจะกลับมาที่นี่
9 พวกเขาจะมาพร้อมกับเสียงร้องไห้
และด้วยคำอ้อนวอนขอความเมตตา เราก็จะนำพวกเขากลับมา
เราจะให้พวกเขาเดินไปที่ธารน้ำ
เดินบนทางราบเพื่อเขาจะไม่สะดุด
เพราะเราเป็นเสมือนบิดาสำหรับอิสราเอล
และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา
10 โอ บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า
และประกาศต่อไปในฝั่งทะเลที่อยู่ห่างไกลว่า
‘พระองค์ผู้ทำให้อิสราเอลกระจัดกระจายไปจะรวบรวมพวกเขา
และจะดูแลรักษาเขาอย่างผู้เลี้ยงดูฝูงแกะดูแลฝูงแกะของตน’
11 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบ
และได้ช่วยเขาให้รอดจากมือของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
12 พวกเขาจะมาและเปล่งเสียงร้องเพลงบนภูเขาสูงของศิโยน
และพวกเขาจะเบิกบานกับสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า
อันได้แก่ธัญพืช เหล้าองุ่น น้ำมัน
ลูกแพะแกะ และลูกโค
ชีวิตของพวกเขาจะเป็นเหมือนสวนที่ได้น้ำรด
และพวกเขาจะไม่อ่อนระอาอีกต่อไป
13 หลังจากนั้น หญิงสาวจะร่ายรำด้วยความร่าเริงใจ
ชายหนุ่มและผู้สูงวัยจะมีความสุข
เราจะทำให้การร้องคร่ำครวญกลายเป็นความยินดี
เราจะปลอบประโลมพวกเขา และให้ความยินดีแทนความเศร้าใจ
14 เราจะให้บรรดาปุโรหิตได้รับอย่างอุดมสมบูรณ์
และชนชาติของเราจะพึงพอใจด้วยสิ่งดีจากเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
โอ ศิโยนเอ๋ย สรรเสริญพระเจ้าของเจ้าเถิด
13 เพราะพระองค์ทำให้ดาลประตูของเจ้าแข็งแรง
พระองค์ให้พรแก่คนของเจ้า
14 พระองค์สร้างสันติสุขให้เกิดในเขตแดนของเจ้า
พระองค์ให้เจ้ากินข้าวสาลีชั้นเยี่ยมจนอิ่มหนำ
15 พระองค์มีคำบัญชาไปยังแผ่นดินโลก
คำกล่าวของพระองค์ไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
16 พระองค์โปรยหิมะที่ปุยราวกับขนแกะ
พระองค์โปรยน้ำค้างแข็งราวกับขี้เถ้า
17 พระองค์ปาลูกเห็บออกไปราวกับก้อนกรวด
ใครจะทนความหนาวเย็นที่มาจากพระองค์ได้
18 พระองค์ออกคำสั่งของพระองค์ไป แล้วน้ำแข็งก็ละลาย
พระองค์ผ่อนลมหายใจออก น้ำก็จะไหลไป
19 พระองค์ประกาศคำกล่าวของพระองค์แก่ยาโคบ
กฎเกณฑ์และคำบัญชาของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์ไม่ได้กระทำอย่างนี้กับประชาชาติทั้งปวง
พวกเขาไม่ทราบคำบัญชาของพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พระพรฝ่ายวิญญาณ
3 สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะเราอยู่ในพระคริสต์ พระองค์จึงให้พระพรฝ่ายวิญญาณทุกอย่างในอาณาเขตสวรรค์แก่เรา 4 ด้วยว่าโดยพระคริสต์ พระองค์ได้เลือกเราตั้งแต่ก่อนการสร้างโลก ให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายตาของพระองค์ 5 ด้วยความรัก พระองค์จึงได้กำหนดพวกเราไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเราจะได้รับการยกฐานะเป็นบรรดาบุตรของพระองค์โดยผ่านพระเยซูคริสต์ ตามความประสงค์และความพอใจของพระองค์ 6 สรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งได้มอบให้แก่พวกเราโดยไม่มีข้อผูกพันผ่านพระบุตรคือผู้ที่พระองค์รัก 7 ในพระองค์เราจึงได้รับการไถ่โดยโลหิตของพระองค์ เราได้รับการยกโทษบาปทั้งปวงตามพระคุณอันบริบูรณ์ของพระองค์ 8 ซึ่งมอบให้แก่เราอย่างเหลือล้นด้วยสติปัญญาและความเข้าใจอันบริบูรณ์ 9 พระเจ้าจึงโปรดให้เราทราบถึงความลึกลับซับซ้อนของความประสงค์ของพระองค์ ตามความตั้งใจอันดีของพระองค์ ซึ่งได้มุ่งหมายไว้ในพระคริสต์ 10 และเมื่อถึงเวลาอันควร พระเจ้าจะโปรดให้ทุกสิ่งในสวรรค์และโลกมาสยบอยู่ภายใต้การปกครองของพระคริสต์
11 ในพระคริสต์ พระเจ้าได้เลือกเราให้เป็นคนของพระองค์ ได้กำหนดเราไว้ล่วงหน้าตามความประสงค์ของพระองค์ และให้ทุกสิ่งเป็นไปตามความตั้งใจของพระองค์ 12 เพื่อว่า เราที่เป็นพวกแรกได้หวังใจในพระคริสต์ จะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ 13 และท่านทั้งหลายมีความผูกพันในพระคริสต์ด้วยเมื่อท่านได้ยินคำกล่าวแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐแห่งความรอดพ้นของท่าน เมื่อท่านเชื่อ ท่านจึงได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สัญญาไว้ 14 พระวิญญาณเป็นหลักประกันว่าเราจะได้รับมรดกจนถึงวันที่คนของพระเจ้าได้รับการไถ่ สรรเสริญพระบารมีของพระองค์
คำกล่าวแห่งชีวิต
1 คำกล่าวดำรงอยู่นับแต่ครั้งปฐมกาล คำกล่าวนั้นดำรงอยู่กับพระเจ้า และคำกล่าวนั้นคือพระเจ้า 2 พระองค์ได้ดำรงอยู่กับพระเจ้านับแต่ครั้งปฐมกาล 3 ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ก็เพราะพระองค์ ถ้าปราศจากพระองค์แล้ว สิ่งที่เป็นอยู่นี้จะมีขึ้นมาไม่ได้ 4 พระองค์เป็นแหล่งกำเนิดแห่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ 5 ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดก็ไม่อาจเอาชนะความสว่างได้
6 มีชายคนหนึ่งชื่อยอห์นผู้ซึ่งพระเจ้าใช้มา 7 ท่านได้มาเพื่อเป็นพยาน และเป็นผู้ยืนยันถึงความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อ[a]โดยผ่านท่าน 8 ท่านเองไม่ใช่ความสว่าง แต่มาเพื่อเป็นผู้ยืนยันถึงความสว่างเท่านั้น
9 ความสว่างแท้ซึ่งทอแสงไปยังมนุษย์ทุกคน กำลังเข้ามาในโลก
10 พระองค์ดำรงอยู่ในโลก แม้ว่าพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาโดยผ่านพระองค์ แต่โลกกลับไม่รู้จักพระองค์ 11 พระองค์มาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ชนชาติของพระองค์กลับไม่ต้อนรับ 12 ส่วนคนที่ต้อนรับและเชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ให้ได้รับสิทธิ์เป็นบุตรของพระเจ้า 13 คือบุตรที่ไม่ได้เกิดจากเลือดเนื้อที่เป็นมนุษย์หรือความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง[a] หรือความประสงค์ของฝ่ายชาย แต่เกิดจากพระเจ้า
14 คำกล่าวนั้นได้มาเกิดเป็นมนุษย์และพำนักอยู่ท่ามกลางเรา พวกเราได้เห็นพระบารมีของพระองค์ อันเป็นพระบารมีของพระบุตรองค์เดียวผู้มาจากพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง 15 ยอห์นร้องประกาศเพื่อยืนยันถึงพระองค์ว่า “พระองค์คือผู้ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงว่า ‘ผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้าเหนือยิ่งกว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’” 16 จากความบริบูรณ์ของพระองค์ เราทุกคนจะได้รับพระคุณเพิ่มแล้วเพิ่มอีกเสมอไป 17 ด้วยว่า กฎบัญญัติถูกมอบให้โดยผ่านโมเสส[b] ส่วนพระคุณและความจริงมาได้โดยผ่านพระเยซูคริสต์[c] 18 ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่พระบุตรองค์เดียวผู้ดำรงความเป็นพระเจ้า ผู้อยู่ในอ้อมอกของพระบิดา ได้ทำให้พระบิดาเป็นที่รู้จัก
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation