Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
คำอธิษฐานขอความเมตตา
บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา
1 ข้าพเจ้าทอดสายตาไปทางพระองค์
ผู้สถิตบนบัลลังก์ในฟ้าสวรรค์
2 ดูเถิด นัยน์ตาของบรรดาผู้รับใช้
แลจับอยู่ที่มือเจ้านายของเขา
และนัยน์ตาของสาวรับใช้
ที่จับจ้องมือนายหญิงของนางฉันใด
สายตาของเราก็ทอดไปทางพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราฉันนั้น
จนกว่าพระองค์จะเมตตาเรา
3 โปรดเมตตาพวกเราเถิด พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาพวกเราด้วย
เพราะเราถูกดูหมิ่นมามากพอแล้ว
4 ชีวิตพวกเราอดทนต่อการเยาะเย้ยของพวกไม่เคยลำบาก
และการดูหมิ่นของคนยโสมามากแล้ว
พระผู้เป็นเจ้ากำหนดผู้วินิจฉัย
16 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าจึงกำหนดบรรดาผู้วินิจฉัยขึ้น เพื่อช่วยชาวอิสราเอลให้รอดจากเงื้อมมือของพวกโจร 17 แม้กระนั้น พวกเขาก็ยังไม่เชื่อฟังบรรดาผู้วินิจฉัย เพราะได้ติดตามและก้มกราบบรรดาเทพเจ้า เป็นการประพฤติดั่งหญิงแพศยา ต่อจากนั้นไม่นานนัก พวกเขาก็ได้หันเหไปจากวิถีชีวิตของเหล่าบรรพบุรุษที่ได้เชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพวกเขาเองไม่กระทำตาม 18 เมื่อใดก็ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดบรรดาผู้วินิจฉัยให้พวกเขา พระผู้เป็นเจ้าก็อยู่กับผู้วินิจฉัย และพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดจากมือของศัตรูจนตลอดชีวิตของผู้วินิจฉัย เพราะพระผู้เป็นเจ้าสงสารเวลาพวกเขาคร่ำครวญเมื่อได้รับความทุกข์และถูกบีบบังคับ 19 แต่เมื่อใดที่ผู้วินิจฉัยสิ้นชีวิต พวกเขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมและเสื่อมทรามยิ่งกว่าบรรพบุรุษของตน เขาหันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้า บูชาและกราบไหว้สิ่งเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้ละเว้นจากการปฏิบัติและยังหัวรั้นในวิถีทางของตน 20 ดังนั้น ความโกรธของพระผู้เป็นเจ้าจึงมุ่งไปที่ชาวอิสราเอล พระองค์จึงกล่าวว่า “เป็นเพราะประชาชาตินี้ได้กระทำบาปต่อบัญญัติของเรา ซึ่งเราได้บัญชาบรรพบุรุษของเขาไว้ และไม่ได้เชื่อฟังเรา 21 โยชูวาปล่อยให้บรรดาประชาชาติอยู่ต่อในแผ่นดินเวลาที่เขาสิ้นชีวิต เราก็จะให้พวกเขาอยู่ต่อไปอีก เพราะเราจะไม่ขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอลอีกต่อไปแล้ว 22 เราจะใช้พวกเขาเป็นการทดสอบชาวอิสราเอล และดูว่าเขาจะปฏิบัติตามวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าและดำเนินตามที่บรรพบุรุษของพวกเขากระทำหรือไม่” 23 ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงปล่อยให้ประชาชาติเหล่านั้นอยู่ต่อไป พระองค์ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกไปทันที และพระองค์ไม่ได้มอบพวกเขาไว้ในมือของโยชูวา
8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่ก็เทขันของท่านลงบนดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟเผาไหม้มนุษย์ได้ด้วยไฟ 9 แล้วมนุษย์ก็ถูกความร้อนอันแรงกล้าแผดเผา พวกเขาพูดหมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้าผู้มีอานุภาพเหนือภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลับใจและไม่สรรเสริญพระบารมีของพระองค์
10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เทขันของท่านลงบนบัลลังก์ของอสุรกาย ซึ่งทำให้อาณาจักรของมันมืดมิด เหล่ามนุษย์กัดลิ้นของตนเนื่องจากความเจ็บปวด 11 แล้วก็พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวดและแผลของพวกเขา แต่ก็ไม่กลับใจจากการประพฤติตน
12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกก็เทขันของท่านลงสู่แม่น้ำยูเฟรติสที่ยิ่งใหญ่ ทำให้น้ำแห้ง เพื่อเตรียมทางให้กษัตริย์ทั้งปวงที่มาจากทิศตะวันออก 13 ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณร้าย 3 ดวงที่ดูเหมือนตัวกบออกมาจากปากมังกร จากปากอสุรกาย และจากปากผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม 14 มันเป็นวิญญาณของพวกมารที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ และมันออกไปรวบรวมกษัตริย์ทั้งปวงทั่วโลก เพื่อให้มาสมทบกันทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจอมโยธา
15 “ดูเถิด เรามาประดุจขโมยมา คนที่ตื่นอยู่และเก็บเสื้อผ้าของตนพร้อมไว้ก็เป็นสุข เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายและอับอายผู้คน”
16 ครั้นแล้วพวกมันก็ให้กษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อาร์มาเกโดน
17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เทขันของท่านลงในอากาศ มีเสียงดังมาจากบัลลังก์ของพระวิหารว่า “สิ้นสุดแล้ว” 18 ครั้นแล้วก็เกิดสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง และมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใดที่เหมือนครั้งนี้เลย นับตั้งแต่มนุษย์เคยอยู่มาบนแผ่นดินโลก เป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ร้ายแรงที่สุด 19 เมืองอันยิ่งใหญ่ก็ถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน และเมืองต่างๆ ของประเทศทั้งปวงก็ถล่มทลายลง พระเจ้าไม่ลืมบาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ และได้ให้นางดื่มจากถ้วยที่มีเหล้าองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระองค์ 20 เกาะทุกเกาะหายไป และภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ 21 พายุลูกเห็บซึ่งมีน้ำหนักประมาณลูกละ 45 กิโลกรัมตกลงจากฟ้าสวรรค์ใส่ตัวคน แล้วคนทั้งปวงก็หมิ่นประมาทพระเจ้า เนื่องจากภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บร้ายแรงยิ่งนัก
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation