Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Semicontinuous)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with sequential stories told across multiple weeks.
Duration: 1245 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 107:1-7

หนังสือเล่มที่ห้า

(สดุดี 107-150)

ขอบคุณพระยาห์เวห์ที่ช่วยให้พ้นจากความเดือดร้อนทั้งหลาย

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
ให้พูดอย่างนี้แหละ พวกคนที่พระยาห์เวห์ได้ไถ่ไว้แล้ว
    คือพวกคนที่พระองค์ได้ไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
พระองค์รวบรวมพวกเขามาจากดินแดนต่างๆของคนต่างชาติ
    จากทั่วทุกสารทิศ ออกถึงตก เหนือถึงใต้[a]

พวกเขาบางคนเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย
    เพื่อมองหาเมืองที่จะอยู่อาศัย แต่ก็หาไม่พบ
พวกเขาหิวโหยและกระหายน้ำ
    และเหนื่อยอ่อนแทบขาดใจตาย
ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
พระองค์ก็นำพวกเขาตรงไป
    ยังเมืองที่พวกเขาจะอยู่อาศัยได้

สดุดี 107:33-37

33 พระองค์เปลี่ยนพวกแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลทราย
    และเปลี่ยนตาน้ำให้กลายเป็นผืนดินที่แห้งผาก
34 พระองค์ทำให้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นดินเค็ม
    เพราะความชั่วช้าที่ผู้อาศัยอยู่ที่นั่นได้ทำ
35 และพระองค์ยังสามารถเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นทะเลสาบ
    และผืนดินแห้งกลับกลายเป็นตาน้ำ
36 พระองค์ให้พวกผู้หิวโหยตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
    และพวกเขาก็ได้สร้างเมืองขึ้นมาอยู่กัน
37 พวกเขาหว่านพืชในท้องนา พวกเขาปลูกสวนองุ่น
    แล้วพวกมันก็ออกผลมากมาย

โยชูวา 2:15-24

15 ดังนั้น นางจึงหย่อนทั้งสองลงทางหน้าต่าง เพราะบ้านของนางชิดกับกำแพงเมืองและตัวนางก็อาศัยอยู่ที่ตรงกำแพงเมืองนั้น 16 นางได้บอกกับพวกเขาว่า “ไปหลบอยู่ที่แถบเนินเขาก่อน เพื่อคนที่กษัตริย์ส่งมาค้นหาพวกท่านจะได้หาไม่เจอ ให้ซ่อนอยู่ที่นั่นสามวัน จนกว่าพวกที่ไล่ล่ากลับเข้ามาในเมือง หลังจากนั้น พวกท่านถึงค่อยเดินทางต่อ”

17 ชายทั้งสองนั้นได้พูดกับนางว่า “เราจะไม่รับผิดชอบต่อคำสาบานที่ท่านให้เราทำนี้ หากท่านไม่ทำตามนี้ คือ 18 เมื่อพวกเรายกเข้ามาในเมือง ให้ท่านเอาเชือกแดงนี้ผูกไว้ที่หน้าต่างที่ท่านหย่อนเราลงมา และให้ท่านรวบรวม พ่อแม่ พี่น้อง และครอบครัวทั้งหมดของท่านมาไว้ในบ้านท่าน 19 คนที่ออกจากประตูบ้านท่านไปอยู่ตามท้องถนน เขาต้องรับผิดชอบต่อการตายของเขาเอง พวกเราจะไม่มีความผิดด้วย แต่ถ้าใครถูกทำร้ายในบ้านหลังนี้ พวกเราจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความตายของคนๆนั้นเอง 20 แต่ถ้าท่านไปบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ เราก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อคำสาบานที่ท่านให้เราทำนี้”

21 นางราหับพูดตอบว่า “ตกลงตามที่ท่านพูด” แล้วนางก็ส่งพวกเขาจากไป และเอาเชือกแดงผูกไว้ที่หน้าต่าง

22 ส่วนชายทั้งสองนั้น เมื่อออกจากบ้านของนางราหับแล้ว ก็ตรงไปยังแถบเนินเขา พวกเขาได้หลบซ่อนอยู่ที่นั่นสามวัน ขณะที่พวกไล่ล่าของกษัตริย์ค้นหาพวกเขาตามถนนหนทาง แต่ก็ไม่พบ จนต้องกลับเข้าเมืองไป 23 ชายสองคนนั้นจึงกลับลงมาจากเนินเขา และข้ามแม่น้ำจอร์แดนกลับไปหาโยชูวาลูกชายของนูน และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกเขาให้โยชูวาฟัง 24 พวกเขาได้พูดกับโยชูวาว่า “พระยาห์เวห์ได้ยกแผ่นดินทั้งหมดนั้นให้กับพวกเราแน่ ยิ่งกว่านั้นผู้คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ล้วนหวาดกลัวพวกเราเป็นอย่างมาก”

มัทธิว 23:13-28

13 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด[a] เจ้าปิดหนทางคนอื่นไม่ให้ไปถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์ ตัวเจ้าเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังไปขัดขวางไม่ให้คนอื่นที่เขาพยายามเข้าไปอีกด้วย 14 [b]

15 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อจะหาคนมานับถือศาสนาอย่างเจ้า แต่พอเจ้าได้เขามาแล้ว เจ้ากลับทำให้เขาสมควรที่จะตกนรกมากกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า

16 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นคนนำทางตาบอด พวกเจ้าสอนว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อวิหาร ก็ไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อทองคำในวิหารนั้น เขาจะต้องทำตามคำสาบานนั้น’ 17 เจ้าคนโง่ตาบอด อันไหนสำคัญกว่ากัน ระหว่างทองคำกับวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์ 18 พวกเจ้ายังพูดอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อแท่นบูชา มันไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อเครื่องเซ่นไหว้บนแท่นบูชานั้น เขาต้องทำตามคำสาบานนั้น’ 19 เจ้ามันตาบอดจริงๆ อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างของเซ่นไหว้กับแท่นบูชาที่ทำให้ของนั้นศักดิ์สิทธิ์ 20 ด้วยเหตุนี้ คนที่สาบานต่อแท่นบูชา ก็สาบานต่อแท่นบูชารวมถึงทุกสิ่งที่อยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย 21 คนที่สาบานต่อวิหาร ก็สาบานต่อวิหารรวมถึงพระองค์ผู้ที่อยู่ในวิหารนั้นด้วย 22 คนที่ได้สาบานต่อสวรรค์ ก็สาบานต่อบัลลังก์ของพระเจ้ารวมถึงพระองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นด้วย

23 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ให้หนึ่งในสิบส่วนของทุกอย่างที่เจ้ามีกับพระเจ้า แม้แต่สะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า เจ้าก็ให้ แต่พวกเจ้ากลับมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าในกฎปฏิบัตินั้น คือความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ การให้หนึ่งในสิบส่วนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรทิ้งคำสอนที่สำคัญกว่านี้ด้วยเหมือนกัน 24 เจ้าคนนำทางตาบอด พวกเจ้ากรองแมลงออกจากน้ำดื่ม แต่กลับกลืนอูฐเข้าไปทั้งตัว[c]

25 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ล้างถ้วยล้างจานแต่เพียงภายนอก แต่ภายในมีแต่ความโลภและกิเลสเต็มไปหมด 26 เจ้าฟาริสีตาบอด ทำความสะอาดภายในถ้วยชามเสียก่อน แล้วภายนอกก็จะสะอาดไปเอง

27 น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าเหมือนกับอุโมงค์ฝังศพที่ทาสีขาว ข้างนอกดูสวยงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกสารพัด 28 เหมือนกับพวกเจ้า ที่ภายนอกคนเห็นว่าเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้า แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความชั่วร้าย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International