Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับการกระทำต่างๆของพระองค์
[a]1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระยาห์เวห์อย่างสุดจิตสุดใจ
ในที่ชุมนุมของคนที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
2 พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆอันยิ่งใหญ่
และคนที่ชื่นชมยินดีในสิ่งต่างๆเหล่านั้นพยายามที่จะเข้าใจมัน
3 การกระทำของพระองค์ช่างสูงส่งและมีบารมี
ความดีงามของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
4 พระองค์ได้ชื่อเสียงจากการกระทำอันน่าทึ่งทั้งหลายของพระองค์
พระยาห์เวห์มีน้ำใจและมีความเมตตากรุณา
5 พระองค์ให้อาหารกับคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ระลึกถึงคำมั่นสัญญาของพระองค์เสมอ
6 พระองค์แสดงให้คนของพระองค์เห็นแล้วว่าพระองค์นั้นมีฤทธิ์อำนาจขนาดไหน
ตอนที่พระองค์มอบแผ่นดินของชนชาติอื่นๆให้กับพวกเขา
7 พระองค์สัตย์ซื่อและยุติธรรมในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ
และคำสั่งสอนต่างๆของพระองค์ก็เชื่อถือได้
8 คำสั่งสอนต่างๆนี้จะคงอยู่ตลอดไป
และสมควรที่จะรักษาพวกมันไว้อย่างสัตย์ซื่อและซื่อตรง
9 พระองค์ปลดปล่อยคนของพระองค์ให้เป็นอิสระ
และพระองค์มอบคำมั่นสัญญาของพระองค์กับพวกเขาตลอดไป
ชื่อของพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขามยิ่งนัก
10 การยำเกรงพระยาห์เวห์คือจุดเริ่มต้นแห่งสติปัญญา
ทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์ก็จะเป็นคนที่มีสติรอบคอบ
พระองค์จะได้รับการสรรเสริญตลอดไป
โมเสสอดเข้าแผ่นดินคานาอัน
23 ในตอนนั้นเราได้อ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์ว่า 24 ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์เริ่มแสดงให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ และมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วไม่ว่าในสวรรค์หรือบนโลก ที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ทำหรือแสดงฤทธิ์อำนาจได้เหมือนกับที่พระองค์แสดง 25 ขอให้ข้าพเจ้าได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป เพื่อจะได้เห็นดินแดนที่ดีซึ่งอยู่ฝั่งโน้น ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นเนินเขาที่สวยงามและแคว้นเลบานอนด้วยเถิด’
26 แต่พระยาห์เวห์โกรธเรามาก ก็เพราะพวกท่านนี่แหละ และพระองค์ก็ไม่ฟังคำขอร้องของเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘พอแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้ให้ได้ยินอีก 27 ขึ้นไปบนยอดเขาปิสกาห์และมองไปรอบๆทั้งทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไป 28 ให้คำแนะนำกับโยชูวา ทำให้เขากล้าหาญและเข้มแข็ง เพราะเขาจะเป็นคนนำประชาชนพวกนี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป และเขาจะพาพวกนั้นไปยึดเอาแผ่นดินที่เจ้าเห็นนั้น’ 29 ดังนั้นพวกเราจึงอยู่ในหุบเขาตรงข้ามกับเบธเปโอร์
6 คนเราจะพูดว่าพระเจ้าผิดสัญญาไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล จะเป็นชาวอิสราเอลที่แท้จริง 7 และไม่ใช่ลูกของอับราฮัมทุกคนจะถูกนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเขา เพราะพระเจ้าบอกกับอับราฮัมว่า “คนที่จะนับว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้าจะต้องสืบเชื้อสายมาจากอิสอัคเท่านั้น”[a] 8 แสดงว่าไม่ใช่ลูกทุกคนของอับราฮัมที่เกิดตามธรรมชาติจะนับว่าเป็นลูกของพระเจ้า แต่ต้องเป็นลูกที่เกิดจากคำสัญญาของพระเจ้าเท่านั้นถึงจะนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายจริง 9 คำสัญญานั้นว่าไว้อย่างนี้คือ “ปีหน้าเวลานี้ เราจะกลับมา และซาราห์จะคลอดลูกชาย”[b]
10 หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือตอนที่เรเบคาห์ตั้งท้องลูกชายฝาแฝดกับอิสอัคบรรพบุรุษของเรา 11-12 ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมาทำดีหรือชั่ว พระเจ้าบอกเรเบคาห์ว่า “คนพี่จะรับใช้คนน้อง”[c] เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่พระองค์เลือก ทำให้เราเห็นว่าการเลือกของพระเจ้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของคน แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้เรียกเอง 13 ซึ่งเหมือนกับที่ได้เขียนไว้แล้วว่า “เรารักยาโคบ แต่เราเกลียดเอซาว”[d][e] 14 แล้วทีนี้จะว่ายังไงดี พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ ไม่มีทาง 15 เพราะพระองค์พูดกับโมเสสว่า “เราอยากจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาคนนั้น เราอยากจะสงสารใคร เราก็จะสงสารคนนั้น”[f]
16 ดังนั้นสิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอยากได้หรือความพยายามของมนุษย์หรอก แต่ขึ้นอยู่กับความเมตตาของพระเจ้าต่างหาก 17 เพราะในพระคัมภีร์พระเจ้าบอกฟาโรห์ว่า “ที่เราได้ยกเจ้าเป็นกษัตริย์นั้น ก็เพื่อว่าคนจะได้เห็นฤทธิ์เดชของเราในวิธีที่เราใช้จัดการกับเจ้า และชื่อเสียงของเราจะได้โด่งดังไปทั่วโลก”[g] 18 ดังนั้นพระเจ้าเลือกที่จะเมตตาคนไหน พระองค์ก็จะเมตตาคนนั้น พระเจ้าเลือกที่จะทำให้คนไหนดื้อด้าน พระองค์ก็จะทำให้คนนั้นดื้อด้าน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International