Revised Common Lectionary (Semicontinuous)
คำอธิษฐานของคนที่ถูกข่มเหง
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องด้วยทำนอง “ดอกลิลลี่” เพลงของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะน้ำขึ้นมาสูงถึงคอข้าพเจ้าแล้ว
2 ข้าพเจ้าจมลงสู่โคลนลึกและหาที่หยั่งเท้าไม่เจอ
ข้าพเจ้าอยู่ในน้ำลึกและน้ำท่วมท้นข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าร้องขอให้ช่วยจนหมดแรง
ตะโกนจนแสบคอ มองหาจนตาพร่ามัว
เพราะข้าพเจ้ารอคอยให้พระเจ้าของข้าพเจ้ามาช่วย
4 คนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขามีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนหัวของข้าพเจ้าเสียอีก
ศัตรูเหล่านั้นที่พยายามจะทำลายข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา มีจำนวนมากมาย
ข้าพเจ้าถูกบังคับให้ชดใช้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ขโมยมา
5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ล่วงรู้ถึงความผิดอย่างโง่ๆของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนความผิดไปจากพระองค์ได้
30 แล้วข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระเจ้าเป็นเพลง
ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยเพลงขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะทำให้พระยาห์เวห์มีความสุขมากกว่าการที่ข้าพเจ้า
ถวายวัวตัวผู้ ตั้งแต่เขาบนหัวจดกีบที่เท้า เป็นเครื่องบูชาเสียอีก
32 คนยากจนจะได้เห็นและมีความสุข
พวกท่านที่มานมัสการพระเจ้า ขอให้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับพวกท่าน
33 เพราะพระยาห์เวห์สดับฟังคนยากจน
และพระองค์ไม่เคยดูถูกคนของพระองค์ที่ถูกขังคุก
34 ขอให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในพวกมัน
สรรเสริญพระยาห์เวห์
35 เพราะพระเจ้าจะช่วยกู้เมืองศิโยน และพระองค์จะสร้างเมืองต่างๆของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
เพื่อคนของพระองค์จะได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น
36 ดังนั้น ลูกหลานของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก
คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น
การขลิบ
17 เมื่ออับรามมีอายุเก้าสิบเก้าปี พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏต่ออับรามและพูดกับเขาว่า “เราคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์[a] ให้เชื่อฟังเราและทำตัวไร้ที่ติ 2 ถ้าเจ้าทำอย่างนี้ เราจะทำสัญญาระหว่างเรากับเจ้า และเราจะทำให้ลูกหลานของเจ้าเพิ่มทวีขึ้นอย่างมหาศาล”
3 อับรามก็ก้มกราบลงและพระองค์ก็พูดกับเขาว่า 4 “นี่เป็นส่วนของเรา ที่เราได้ทำสัญญากับเจ้า คือเจ้าจะได้เป็นบรรพบุรุษของหลายชนชาติ 5 ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับราม[b] อีกต่อไป แต่เจ้าจะมีชื่อใหม่ว่า อับราฮัม[c] เพราะเราได้ทำให้เจ้าเป็นพ่อของหลายชนชาติ 6 เราจะทำให้เจ้ามีลูกหลานมากมาย และเราจะทำให้มีหลายๆชนชาติเกิดมาจากเจ้า กษัตริย์ต่างๆจะมาจากเจ้า 7 เราจะทำสัญญาระหว่างเรากับเจ้าและกับลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของพวกเขาตลอดไป นี่จะเป็นสัญญาตลอดกาล เราสัญญาว่าเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้าและลูกหลานของเจ้า 8 แผ่นดินทั้งหมดนี้ที่เป็นของชาวคานาอัน ที่เจ้ากำลังอยู่ในฐานะคนต่างด้าวนี้ เราจะยกให้กับเจ้าและลูกหลานของเจ้าตลอดไป และเราจะเป็นพระเจ้าของลูกหลานเจ้าด้วย”
9 แล้วพระเจ้าก็พูดกับอับราฮัมว่า “ส่วนเจ้า เจ้าจะต้องรักษาสัญญานี้ ทั้งเจ้าและลูกหลานของเจ้า ตลอดจนลูกหลานของเขา 10 นี่คือสัญญาของเราที่พวกเจ้าจะต้องรักษา เป็นสัญญาระหว่างเรากับเจ้าและลูกหลานของเจ้า ผู้ชายทุกคนในพวกเจ้าจะต้องขลิบ 11 พวกเจ้าจะต้องขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ นี่จะเป็นสัญลักษณ์ว่าเจ้ายอมรับคำสัญญาระหว่างเรากับพวกเจ้า 12 ตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดมาได้แปดวันจะต้องถูกขลิบ เด็กผู้ชายที่เกิดมาในครัวเรือนของเจ้า รวมทั้งทาสชายที่เจ้าซื้อมาจากชาวต่างชาติ ก็ต้องขลิบกันหมดทุกคน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกหลานของเจ้าก็ตาม 13 ทั้งทาสที่เกิดในครัวเรือนของเจ้าและทาสที่เจ้าเอาเงินไปซื้อมา ก็ต้องถูกขลิบกันทุกคน ด้วยวิธีนี้ สัญญาของเราก็จะติดอยู่กับเนื้อหนังของเจ้าไปตลอดกาล
ตัวอย่างจากชีวิตอับราฮัม
4 แล้วเราได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับอับราฮัมบรรพบุรุษของชนชาติยิวเรา 2 เพราะถ้าพระเจ้ายอมรับอับราฮัมเพราะการกระทำทั้งหลายของท่าน ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะโอ้อวดได้ แต่จริงๆแล้วในสายตาของพระเจ้า ท่านไม่มีอะไรที่จะโอ้อวดได้ 3 พระคัมภีร์เขียนไว้ว่าอย่างไร “อับราฮัมไว้วางใจพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน”[a]
4 ดูอย่างคนที่ทำงานสิ ค่าแรงของเขาไม่ได้นับว่าเป็นของขวัญจากนายจ้าง แต่เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับอยู่แล้ว 5 ส่วนคนที่ไม่ทำงาน แต่กลับไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็ยอมรับเขาถึงแม้เขาทำบาป พระองค์ก็นับความไว้วางใจนี้เป็นเหตุเพียงพอที่จะยอมรับเขา 6 คนที่พระเจ้ายอมรับโดยไม่ได้นับว่าการงานที่เขาทำไปนั้น กษัตริย์ดาวิดได้พูดถึงเกียรติของคนแบบนี้ว่า
7 “เมื่อพระเจ้ายกโทษให้กับความผิดที่คนทำ
และกลบเกลื่อนความบาปของเขา
ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
8 เมื่อองค์เจ้าชีวิตไม่ได้นับความผิดของเขา
นั่นนับว่าเป็นเกียรติจริงๆ”[b]
9 เกียรตินี้มีไว้สำหรับคนที่ทำพิธีขลิบเท่านั้นหรือ มันมีไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบด้วยไม่ใช่หรือ ที่ผมถามก็เพราะเราพูดว่า “อับราฮัมไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน” 10 พระเจ้ายอมรับท่านตอนไหน ก่อนหรือหลังจากที่ท่านทำพิธีขลิบ จริงๆแล้วพระเจ้ายอมรับท่านก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก 11 แล้วตอนหลังท่านถึงทำพิธีขลิบ เพื่อทำให้เห็นว่าพระเจ้ายอมรับท่านแล้วเพราะท่านมีความไว้วางใจก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก ดังนั้นอับราฮัมจึงกลายเป็นบรรพบุรุษของทุกคนที่ไว้วางใจแต่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ และพระเจ้านับว่าความไว้วางใจของพวกเขานี้ว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับพวกเขา 12 นอกจากนั้นอับราฮัมก็ยังเป็นบรรพบุรุษของคนที่ทำพิธีขลิบด้วย ถ้าพวกเขาไม่ได้แค่ทำพิธีขลิบเท่านั้น แต่ยังดำเนินรอยตามอับราฮัมบรรพบุรุษของเราคือมีความไว้วางใจในพระเจ้าเหมือนกับที่อับราฮัมมีก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International