Revised Common Lectionary (Complementary)
จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
เพลงสดุดี
1 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์
มือขวาและแขนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
นำชัยชนะมาสู่พระองค์
2 พระผู้เป็นเจ้าให้ชัยชนะเป็นที่ปรากฏในสายตาของบรรดาประชาชาติ
พระองค์เผยความชอบธรรมของพระองค์
3 พระองค์ไม่ลืมความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
ที่มีต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ทั่วแหล่งหล้าได้เห็นชัยชนะ
ของพระเจ้าของเราแล้ว
4 ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี และร้องเพลงสรรเสริญ
5 ร้องเพลงคลอคู่กับพิณเล็กถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยทำนองเสียงร้องเพลงกับพิณเล็ก
6 กับแตรยาว[a]และเสียงแตรงอน[b]
เปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่กษัตริย์ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้า
7 ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
ทั้งโลกและผู้อาศัยอยู่ในนั้นพากันแซ่ซ้องด้วย
8 ให้กระแสน้ำส่งเสียงครืนครั่น
ให้ทิวเขาเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความยินดีคู่กันไป
9 ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
และพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความเที่ยงธรรม
3 เมื่อซามูเอลได้สิ้นชีวิตแล้ว และชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ร้องคร่ำครวญถึงท่าน และฝังท่านไว้ที่เมืองรามาห์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่ ซาอูลได้กำจัดพวกคนทรงและพ่อมดหมอผีให้ออกไปจากแผ่นดินแล้ว 4 ชาวฟีลิสเตียมาชุมนุมกันและตั้งค่ายอยู่ที่ชูเนม ซาอูลรวบรวมอิสราเอลทั้งหมด และตั้งค่ายกันอยู่ที่กิลโบอา 5 เมื่อซาอูลเห็นกองทัพของชาวฟีลิสเตียก็ตกใจกลัว และอกสั่นพรั่นพรึง 6 เมื่อซาอูลถามพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ตอบท่าน ไม่ว่าด้วยความฝัน หรือด้วยอูริม[a] หรือด้วยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 7 ซาอูลจึงบอกบรรดาผู้รับใช้ว่า “จงไปเสาะหาหญิงที่เป็นคนทรงให้เรา เราจะได้ไปหานาง และถามนาง” บรรดาผู้รับใช้พูดว่า “ดูเถิด มีคนทรงคนหนึ่งที่เอนโดร์”
8 ซาอูลจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัว ไปกับชายสองคน และมาพบหญิงคนนั้นเมื่อตกค่ำ ซาอูลกล่าวว่า “ช่วยปรึกษากับวิญญาณให้เรา เราจะให้ชื่อคนที่เจ้าจะเรียกขึ้นมาให้เรา” 9 หญิงคนนั้นพูดกับท่านว่า “ท่านต้องรู้แน่เลยว่า ซาอูลได้ทำอะไร ท่านได้ห้ามไม่ให้มีคนทรงและพ่อมดหมอผีอยู่ในแผ่นดิน แล้วทำไมท่านจึงจะให้ชีวิตของเราตกในกับดักจนถึงกับเสียชีวิตได้” 10 แต่ซาอูลสาบานกับนางในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด เจ้าจะไม่ต้องโทษในเรื่องนี้” 11 หญิงคนนั้นจึงถามว่า “ท่านจะให้เราเรียกใครขึ้นมา” ท่านกล่าวว่า “เรียกซามูเอลขึ้นมาให้เรา” 12 เมื่อหญิงคนนั้นเห็นซามูเอล นางร้องเสียงดังและพูดกับซาอูลว่า “ทำไมท่านจึงหลอกลวงข้าพเจ้า ท่านคือซาอูล” 13 กษัตริย์กล่าวกับนางว่า “ไม่ต้องกลัว เจ้ามองเห็นอะไร” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นเทพเจ้ากำลังผุดขึ้นมาจากพื้นโลก” 14 ท่านกล่าวกับนางว่า “รูปร่างของเขาเป็นอย่างไร” นางตอบว่า “ชายชราผู้หนึ่งกำลังขึ้นมา นุ่งห่มด้วยเสื้อคลุม” ซาอูลทราบว่าเป็นซามูเอล ซาอูลจึงก้มหน้าลงและคำนับ
15 ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ท่านรบกวนเราให้เราขึ้นมาทำไม” ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้ามีความทุกข์ยิ่งนัก เพราะชาวฟีลิสเตียกำลังทำสงครามกับเรา และพระเจ้าทอดทิ้งข้าพเจ้า ไม่ยอมตอบข้าพเจ้าอีกเลย ไม่ว่าจะด้วยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า หรือด้วยความฝันก็ตาม ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงต้องปรึกษาท่าน ให้ท่านบอกว่าข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไร” 16 ซามูเอลกล่าวว่า “ทำไมท่านจึงถามเรา ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งท่าน และเป็นศัตรูของท่านแล้ว 17 พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำต่อท่านดังที่พระองค์กล่าวผ่านเราแล้ว เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ฉีกอาณาจักรออกจากมือของท่าน และมอบให้แก่ดาวิดคนร่วมชาติของท่าน 18 เพราะท่านไม่ได้เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้กระทำตามความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ที่มีต่ออามาเลข[b] ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งนี้ต่อท่านในวันนี้ 19 ยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้าจะมอบอิสราเอลพร้อมกับตัวท่านไว้ในมือของชาวฟีลิสเตีย พรุ่งนี้ท่านและบุตรของท่านก็จะอยู่กับเรา พระผู้เป็นเจ้าจะมอบกองทัพของอิสราเอลไว้ในมือของชาวฟีลิสเตียด้วย”
การลงโทษของพระเจ้า
18 พระเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงการลงโทษที่มาจากสวรรค์ ต่อการกระทำที่ไร้คุณธรรมและความชั่วร้ายทุกอย่างของบรรดาผู้ยับยั้งความจริงด้วยความชั่วร้ายของเขา 19 เพราะสิ่งที่รู้ได้ในเรื่องของพระเจ้านั้น ก็ประจักษ์แจ้งในใจพวกเขาอยู่แล้ว เพราะพระเจ้าได้ทำให้ประจักษ์แจ้งแก่พวกเขา 20 นับตั้งแต่สร้างโลกมา คุณสมบัติต่างๆ ของพระองค์ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตา คือฤทธานุภาพอันเป็นนิรันดร์ และความเป็นพระเจ้าของพระองค์ ก็เป็นที่เข้าใจและประจักษ์ชัดแจ้งได้จากสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้อแก้ตัว 21 เพราะถึงแม้ว่าพวกเขารู้จักพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้เคารพเทิดทูนพระองค์ ให้สมกับที่พระองค์เป็นพระเจ้า และไม่ได้ขอบคุณพระองค์ แต่กลับกลายเป็นคนคิดในสิ่งไร้สาระ และความคิดอันโง่เขลาของเขาจึงมืดมนไป 22 เขาอ้างตนว่าเป็นผู้มีปัญญา เขาก็กลับกลายเป็นคนโง่เขลาไป 23 และได้เปลี่ยนพระบารมีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะให้กลายเป็นรูปเคารพต่างๆ ซึ่งทำให้เหมือนลักษณะมนุษย์ที่ตายได้ นก และสัตว์ รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลาน
24 ฉะนั้น พระเจ้าจึงได้ปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในสิ่งอันเป็นมลทินตามแรงกิเลสทางใจ ทำให้เขาก่อความอัปยศทางร่างกายต่อกันและกัน 25 พวกเขาเอาความจริงของพระเจ้าไปแลกกับความเท็จ เขานมัสการและรับใช้สรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นแทนผู้สร้างสรรพสิ่งผู้ได้รับการสรรเสริญตลอดกาล อาเมน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation