Revised Common Lectionary (Complementary)
อธิษฐานและวางใจในพระเจ้า
มิคทาม[a]ของดาวิด
1 โอ พระเจ้า ช่วยปกป้องข้าพเจ้าด้วย
เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
2 ข้าพเจ้าพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่นับว่าดีอีกเลย”
3 สำหรับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก
ข้าพเจ้าชื่นชมในตัวพวกเขาผู้เป็นเลิศ
4 ส่วนพวกที่ติดตามเทพเจ้าก็มีแต่ความเศร้ามากขึ้น
ข้าพเจ้าจะไม่เทเครื่องบูชาซึ่งเป็นโลหิตของเขา
หรือแม้แต่ชื่อเทพเจ้าก็จะไม่หลุดจากริมฝีปากของข้าพเจ้า
5 พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งของข้าพเจ้า
พระองค์ให้พระพรแก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
และทำให้ข้าพเจ้ามั่นคง
6 เส้นแบ่งเขตแดนที่ตกเป็นของข้าพเจ้าเป็นที่น่าพอใจมาก
ข้าพเจ้าได้รับมรดกอันดีเลิศด้วย
7 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้คำแนะนำแก่ข้าพเจ้า
แม้ในยามค่ำคืนก็ช่วยดลใจข้าพเจ้า
8 ข้าพเจ้านึกถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่ตั้งเสมอ
ด้วยว่าพระองค์อยู่ทางขวามือของข้าพเจ้า
จึงไม่มีผู้ใดทำให้ข้าพเจ้าหวั่นไหวได้
9 ฉะนั้น ใจของข้าพเจ้าแสนจะโสมนัส และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
ร่างกายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย
10 เพราะพระองค์จะไม่ละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนคนตาย
และจะไม่ปล่อยให้องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป[b]
11 พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าทราบถึงวิถีทางแห่งชีวิต
และจะโปรดให้ข้าพเจ้าปิติอย่างมากล้น ณ เบื้องหน้าพระองค์[c]
และยินดีชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องขวาของพระองค์
เรื่องที่เนบูคัดเนสซาร์ฝันเป็นจริง
28 สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 29 เวลาผ่านไป 12 เดือนเต็ม ขณะที่ท่านกำลังเดินอยู่บนดาดฟ้าของราชวังในบาบิโลน 30 กษัตริย์กล่าวว่า “บาบิโลนช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ และเราสร้างขึ้นมาเองด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ให้เป็นราชวัง และเพื่อเป็นบารมีแห่งความยิ่งใหญ่ของเรา” 31 กษัตริย์ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงจากฟ้าสวรรค์กล่าวกับท่านว่า “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราขอบอกเจ้าว่า สิทธิอำนาจของเจ้าไม่อยู่กับเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะถูกขับไล่ไปจากผู้คน และเจ้าจะอาศัยอยู่กับบรรดาสัตว์ป่าในทุ่ง และเจ้าจะต้องกินหญ้าอย่างโค เวลาจะผ่านพ้นเจ้าไป 7 ระยะ จนกว่าเจ้าจะตระหนักว่าพระเจ้าผู้สูงสุดปกครองอาณาจักรของมนุษย์ และมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์” 33 ในทันใดนั้น เนบูคัดเนสซาร์ก็ตกอยู่ในสภาพดังกล่าว ท่านถูกขับไล่ไปจากผู้คน และรับประทานหญ้าอย่างโค และร่างกายของท่านเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนผมยาวปานขนนกอินทรี และเล็บยาวเหมือนอุ้งเท้านก
สิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้รับกลับคืน
34 “เมื่อเวลาผ่านไปตามที่กำหนดแล้ว เราคือเนบูคัดเนสซาร์แหงนหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ และความมีสติยั้งคิดของเราก็กลับคืนมา เราจึงสรรเสริญองค์ผู้สูงสุด และถวายพระเกียรติและพระบารมีแด่พระองค์ผู้ดำรงชีวิตชั่วนิรันดร์กาล
การปกครองของพระองค์เป็นการปกครองที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
และอาณาจักรของพระองค์คงอยู่ทุกชั่วอายุคน
35 ผู้อยู่อาศัยทั้งปวงบนแผ่นดินโลกไม่สามารถกระทำสิ่งใดต่อพระองค์ได้
พระองค์ทำตามความประสงค์ของพระองค์ในหมู่ชาวสวรรค์
และผู้อยู่อาศัยทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
และไม่มีผู้ใดที่สามารถห้ามพระองค์ได้
หรือจะถามพระองค์ว่า ‘พระองค์กำลังทำอะไรอยู่’
36 ในขณะเดียวกัน ความมีสติยั้งคิดของเราก็กลับคืนมา ความยิ่งใหญ่ และความรุ่งเรืองกลับคืนมาเพื่อบารมีของอาณาจักรของเรา บรรดาที่ปรึกษาและขุนนางของเราต้อนรับเรา เราได้รับอาณาจักรกลับคืนพร้อมด้วยเกียรติที่เพิ่มพูนสูงส่งยิ่งกว่าเดิม 37 มาบัดนี้ เราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ เชิดชู และยกย่องกษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์ เพราะทุกสิ่งที่พระองค์กระทำถูกต้อง และวิถีทางของพระองค์เป็นธรรม และพระองค์สามารถทำให้บรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตในความหยิ่งยโสต้องถ่อมตัวลง”
อุปมาเรื่องผู้เช่าสวนองุ่น
12 พระองค์กล่าวกับพวกเขาเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งปลูกสวนองุ่นไว้ ซึ่งมีกำแพงที่สร้างล้อมไว้โดยรอบ แล้วก็ขุดบ่อสำหรับเครื่องสกัดเหล้าองุ่น เขาสร้างหอคอยไว้และให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ 2 เมื่อถึงเวลาเก็บผล เขาใช้คนรับใช้คนหนึ่งไปหาพวกคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนปันผลจากคนเช่าสวนบ้าง 3 พวกคนเช่าสวนจับตัวเขาไว้ ทุบตี แล้วก็ไล่เขากลับไปมือเปล่า 4 ชายเจ้าของสวนจึงส่งคนรับใช้อีกคนไป พวกเขาก็ทำร้ายที่ศีรษะและลบหลู่เขา 5 เขาใช้อีกคนไปซึ่งพวกเขาก็ฆ่าเสีย คนอื่นๆ อีกจำนวนมากก็เช่นกัน บ้างก็ถูกเฆี่ยน บ้างก็ถูกฆ่า
6 ชายเจ้าของสวนมีเหลืออีกคนที่จะส่งไปคือลูกชายที่รัก เขาส่งไปหาเป็นคนสุดท้ายโดยคิดว่า ‘พวกเขาจะนับถือลูกของเราคนนั้น’ 7 แต่พวกคนเช่าสวนพูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท มาช่วยกันฆ่าเขาเถิด แล้วมรดกจะได้ตกเป็นของพวกเรา’ 8 เขาทั้งหลายจึงจับตัวลูกคนนั้นฆ่าเสีย แล้วโยนตัวออกไปจากสวนองุ่น 9 เจ้าของสวนองุ่นจะทำอย่างไร เขาจะมาฆ่าพวกคนเช่าสวน และยกสวนองุ่นให้แก่คนอื่นๆ ไป 10 พวกท่านไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า
‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้ง
ได้กลายเป็นศิลามุมเอก
11 พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำการนี้
และเป็นสิ่งวิเศษยิ่งในสายตาของเรา’”[a]
12 แล้วพวกเขาก็พยายามที่จะจับกุมพระเยซู แต่ยังกลัวฝูงชนเพราะเขาทราบว่า พระองค์กล่าวเป็นอุปมาเพื่อกระทบพวกเขาเอง เขาจึงเดินจากพระองค์ไป
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation