Revised Common Lectionary (Complementary)
รับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี
เพลงสดุดีแห่งการขอบคุณ
1 ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
2 รับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี
เข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการร้องเพลง
3 จงรู้เถิดว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า
พระองค์เป็นผู้สร้างพวกเรา และเราเป็นคนของพระองค์
เป็นชนชาติของพระองค์ และเป็นฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
4 เข้าสู่ประตูของพระองค์ด้วยใจขอบคุณ
เข้าสู่ลานพระตำหนักของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
ขอบคุณพระองค์ และสรรเสริญพระนามของพระองค์
5 เพราะพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
ความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ความสัตย์จริงของพระองค์ยืนยงไปทุกชั่วอายุคน
28 ในวันที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสที่แผ่นดินอียิปต์ 29 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “เราคือพระผู้เป็นเจ้า จงบอกฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ถึงทุกคำที่เราบอกกับเจ้า” 30 แต่โมเสสพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าพูดไม่เก่ง แล้วเหตุใดฟาโรห์จะฟังข้าพเจ้า”
โมเสสและอาโรนยืนเบื้องหน้าฟาโรห์
7 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “คอยดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นเสมือนพระเจ้าแก่ฟาโรห์ ส่วนอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแทนเจ้า 2 เจ้าจะพูดทุกสิ่งที่เราสั่งให้พูด และอาโรนพี่ชายของเจ้าก็จะบอกฟาโรห์ให้ปล่อยชาวอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา 3 แต่เราจะเป็นผู้ทำจิตใจของฟาโรห์ให้แข็งกระด้าง และแม้ว่าเราจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์เพิ่มมากขึ้นที่แผ่นดินอียิปต์ 4 ฟาโรห์ก็จะไม่ฟังเจ้า แล้วเราจะลงมือกับอียิปต์ และพากองทัพของเรา ชนชาติของเรา คือชาวอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินอียิปต์โดยการลงโทษอียิปต์สถานหนัก 5 และชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเรายื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษพวกเขา และพาชาวอิสราเอลออกไปจากพวกเขา” 6 โมเสสกับอาโรนจึงไปทำตามนั้น ท่านทั้งสองกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าสั่ง 7 ตอนที่ท่านทั้งสองไปพูดกับฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุได้ 80 ปี และอาโรนมีอายุ 83 ปี
ไม้เท้าของอาโรนกลายเป็นงู
8 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 9 “เวลาฟาโรห์พูดกับเจ้าว่า ‘จงทำสิ่งมหัศจรรย์พิสูจน์ให้ข้าเห็นสิ’ เจ้าจงบอกอาโรนว่า ‘หยิบไม้เท้าโยนลงต่อหน้าฟาโรห์ แล้วมันจะกลายเป็นงู’” 10 ดังนั้น โมเสสและอาโรนจึงไปหาฟาโรห์ และทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าสั่ง อาโรนโยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์และข้าราชบริพารของท่าน 11 ฟาโรห์จึงเรียกตัวบรรดาผู้เรืองปัญญา พวกที่ใช้เวทมนตร์ และพวกที่ใช้วิทยาคมของประเทศอียิปต์ใช้อาคมของตนทำเช่นเดียวกันด้วย 12 ทุกคนโยนไม้เท้าของตนลง มันก็กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลับกลืนไม้เท้าของคนเหล่านั้นเข้าไป 13 แม้กระนั้นจิตใจของฟาโรห์ก็ยังแข็งกระด้าง ไม่ยอมฟังท่านทั้งสอง ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้
กฎบัญญัติและประเพณีนิยม
7 พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติบางคนได้มาจากเมืองเยรูซาเล็มพากันมาห้อมล้อมพระเยซู 2 พวกเขาเห็นว่าสาวกบางคนของพระองค์ใช้มือที่เป็นมลทินรับประทานอาหาร คือไม่ได้ล้างมือก่อน 3 ด้วยเหตุว่าพวกฟาริสีและชาวยิวทั้งหลายไม่รับประทานอาหาร นอกจากว่าจะล้างมืออย่างระมัดระวังเสียก่อน ทั้งนี้เป็นการทำตามประเพณีนิยมของบรรพบุรุษ 4 พวกเขาจะไม่รับประทานสิ่งที่มาจากย่านตลาด นอกจากว่าเขาจะล้างให้สะอาดก่อน และมีอีกหลายสิ่งที่พวกเขาถือปฏิบัติกันมา เช่น การล้างถ้วย โถน้ำ และหม้อทองแดง 5 พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติถามพระองค์ว่า “ทำไมเหล่าสาวกของท่านไม่กระทำตามประเพณีนิยมของบรรพบุรุษ แต่รับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน” 6 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “อิสยาห์ได้เผยคำกล่าวของพระเจ้าถึงพวกท่านว่า ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ก็ถูกต้องแล้วตามที่มีบันทึกไว้ว่า
‘คนเหล่านี้ให้เกียรติเราเพียงแค่ปาก
แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา
7 พวกเขากราบนมัสการเราโดยไร้ประโยชน์
เขาสอนกฎเกณฑ์ของมนุษย์
เสมือนว่าเป็นคำสั่งสอนของพระเจ้า’[a]
8 พวกท่านละเลยพระบัญญัติของพระเจ้า และถือตามประเพณีนิยมของมนุษย์”
9 พระเยซูกล่าวกับเขาเหล่านั้นด้วยว่า “พวกท่านละเลยพระบัญญัติของพระเจ้าได้ด้วยความชำนาญ เพื่อรักษาประเพณีนิยมของพวกท่านเอง 10 โมเสสได้กล่าวไว้ว่า ‘จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’[b] และ ‘คนที่พูดว่าร้ายบิดาหรือมารดา ก็ให้เขาได้รับโทษถึงตาย’[c] 11 แต่พวกท่านพูดว่า ‘ถ้าผู้ใดพูดกับบิดาหรือมารดาของเขาว่า “สิ่งใดที่เป็นของเราที่จะช่วยเหลือท่านได้นั้น เป็นโกระบาน”’ (ซึ่งหมายถึงของที่ได้มอบให้แด่พระเจ้าแล้ว) 12 พวกท่านก็ไม่อนุญาตให้ผู้นั้นช่วยบิดามารดาเลย 13 จึงเป็นการยกเลิกคำกล่าวของพระเจ้า ด้วยประเพณีนิยมของพวกท่านซึ่งถ่ายทอดต่อกันไป และก็กระทำหลายสิ่งในทำนองนั้นด้วย”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation