Revised Common Lectionary (Complementary)
เพลงสรรเสริญ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าพเจ้ารอคอยพระผู้เป็นเจ้าด้วยความอดทน
พระองค์เงี่ยหูฟังข้าพเจ้าและสดับเสียงร้องของข้าพเจ้า
2 พระองค์ฉุดข้าพเจ้าขึ้นจากหลุมแห่งความพินาศ ออกจากตม
และให้ข้าพเจ้ายืนบนหินที่มีความปลอดภัย
3 พระองค์มอบเพลงใหม่ให้ข้าพเจ้าร้อง
เป็นเพลงแห่งการสรรเสริญแด่พระเจ้าของเรา
ผู้คนจำนวนมากจะเห็นและเกิดความกลัว
และจะให้ความไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า
4 คนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นสุข
เขาไม่หันเข้าหาคนหยิ่งยโสและ
พวกที่หลงผิดไปกับความจอมปลอม
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์และเตรียมการให้พวกเราหลายประการ
ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ได้
ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์
แต่ก็มีมากเกินกว่าจะประกาศได้ครบถ้วน
6 พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย
แต่พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้ยินด้วยหู
พระองค์ไม่ได้เรียกร้องต้องการสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
7 ครั้นแล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่นี้
มีบันทึกไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน
8 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายินดีกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
กฎบัญญัติของพระองค์อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า”[a]
วิงวอนเพื่อขอกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า
14 โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
เพราะท่านได้สะดุดเนื่องจากความชั่วของท่าน
2 จงกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า
พร้อมกับคำพูด
และพูดกับพระองค์ดังนี้ว่า
“ขอพระองค์ยกโทษบาปทั้งสิ้นของพวกเรา
และกรุณายอมรับพวกเรา
และเราทั้งหลายจะให้คำสัญญาด้วยปาก
3 อัสซีเรียจะไม่ช่วยพวกเราให้รอดพ้น
เราทั้งหลายจะไม่ขี่ม้าศึก
และจะไม่พูดกับสิ่งที่เราทำขึ้นด้วยมือของพวกเราว่า
‘พระเจ้าของพวกเรา’ อีกต่อไป
เพราะพระองค์มีเมตตาต่อเด็กกำพร้า”
4 “เราจะรักษาพวกเขาให้หายจากการขาดความเชื่อ
เราจะรักพวกเขาอย่างไม่มีขอบเขต
เพราะความโกรธของเราได้หันไปจากพวกเขาแล้ว
5 เราจะเป็นเหมือนหยดน้ำค้างให้แก่อิสราเอล
เขาจะผลิดอกเหมือนดอกไม้ป่า
เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นไม้แห่งเลบานอน
6 รากของเขาจะแผ่ออกไป
ความงามของเขาจะเป็นอย่างต้นมะกอก
และส่งกลิ่นหอมเหมือนไม้ซีดาห์แห่งเลบานอน
7 พวกเขาจะกลับมาและอาศัยอยู่ในร่มเงาของเรา
พวกเขาจะงอกงามเหมือนธัญพืช
พวกเขาจะผลิดอกเหมือนเถาองุ่น
ความเลื่องลือของพวกเขาจะเป็นเหมือนเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน
8 โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราต้องทำอย่างไรกับพวกรูปเคารพอีก
เรานั่นแหละที่ให้คำตอบและเฝ้าดูแลเขา
เราเป็นเหมือนต้นสนที่เขียวชอุ่ม
ผลของเจ้ามาจากเรา”
9 ใครก็ตามที่มีสติปัญญา ก็ให้เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้
ใครก็ตามที่หยั่งรู้ ก็ให้เขารู้เรื่องเหล่านี้
เพราะวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าถูกต้อง
และบรรดาผู้มีความชอบธรรมดำเนินในทางนั้น
แต่บรรดาผู้ที่ล่วงละเมิดกลับสะดุดในทางนั้น
บุตรมนุษย์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต
12 ครั้งหนึ่งในวันสะบาโต[a] พระเยซูเดินผ่านไปในทุ่งนา เหล่าสาวกของพระองค์หิว จึงเริ่มเด็ดรวงข้าวมาขยี้ในมือกิน 2 เมื่อพวกฟาริสีเห็นจึงพูดกับพระองค์ว่า “ดูเถิด พวกสาวกของท่านทำสิ่งต้องห้ามในวันสะบาโต” 3 พระองค์กล่าวกับเขาว่า “ท่านไม่เคยอ่านเลยหรือว่า ครั้งที่ดาวิดกับพรรคพวกที่ไปด้วยได้ทำอะไรบ้างเมื่อรู้สึกหิว 4 คราวที่ดาวิดได้เข้าไปในพระตำหนักของพระเจ้า และรับประทานขนมปังอันบริสุทธิ์ ซึ่งเขาและพรรคพวกไม่มีสิทธิ์รับประทาน แต่เป็นของพวกปุโรหิตเท่านั้น 5 หรือท่านไม่เคยอ่านในกฎบัญญัติหรือว่า ในวันสะบาโตพวกปุโรหิตในพระวิหารละเมิดกฎวันสะบาโตและไม่มีความผิด 6 เราขอบอกท่านว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารอยู่ที่นี่ 7 แต่ถ้าท่านรู้ความหมายนี้แล้ว ‘เราต้องการความเมตตา ไม่ต้องการเครื่องสักการะ’[b] ท่านก็จะไม่กล่าวโทษคนที่ไม่มีความผิด 8 เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation