Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Revised Common Lectionary (Complementary)

Daily Bible readings that follow the church liturgical year, with thematically matched Old and New Testament readings.
Duration: 1245 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
สดุดี 34

คำสรรเสริญเมื่อพ้นจากภัยอันตราย

ของดาวิด ในครั้งที่ท่านแสร้งเสียสติต่อหน้าอาบีเมเลคเพื่อจะได้ถูกขับไล่ และดาวิดก็จากไป[a]

ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอยู่เป็นนิตย์
    คำสรรเสริญจะติดอยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป
ชีวิตข้าพเจ้าโอ้อวดเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ผู้มีความทุกข์ทรมานรับฟังและดีใจเถิด
มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ากับข้าพเจ้าเถิด
    และเรามายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด

ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
    และช่วยให้พ้นจากความกลัวทั้งปวง
จงวางใจในพระองค์และชื่นชมยินดี
    เพื่อว่าใบหน้าของท่านจะไม่มีวันต้องอับอาย
คนทุกข์ยากคนนี้ส่งเสียงร้อง และพระผู้เป็นเจ้าได้ยิน
    และช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าคอยปกป้องบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
    และช่วยให้พ้นภัย

จงลิ้มรสและจะได้รู้เองว่าพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐยิ่ง
    คนที่พึ่งพิงในพระองค์จะเป็นสุข
บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่าคนที่เกรงกลัวพระองค์จะไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก
10 สิงโตหนุ่มต้องทนทุกข์จากความอยากและความหิว
    แต่คนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะไม่อัตคัดสิ่งดี
11 มาเถิดลูกๆ จงฟัง
    เราจะสอนเจ้าให้รู้จักความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
12 มีใครบ้างที่ยินดีกับชีวิต
    และใคร่จะพบกับสิ่งดีงามในชีวิตอันยาวนาน
13 จงบังคับลิ้นไม่ให้กล่าวคำชั่วช้า
    และไม่ให้ปากของเจ้ากล่าวสิ่งลวงหลอก
14 จงหลีกเลี่ยงการทำความชั่วเพื่อทำความดี
    จงใฝ่หาสันติสุขและมุ่งมั่นเพื่อจะได้มาซึ่งสันติสุขนั้น

15 ตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้ามองคนที่มีความชอบธรรม
    และพระองค์ฟังเสียงร้องของเขา
16 พระผู้เป็นเจ้าขัดขวางบรรดาผู้กระทำความชั่ว
    และลบความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกเขาไปเสียจากโลก

17 เวลาผู้มีความชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ
    พระผู้เป็นเจ้าย่อมสดับและช่วยพวกเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
18 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้ชิดกับคนชอกช้ำใจ
    และช่วยคนสิ้นหวังให้พ้นทุกข์

19 ผู้มีความชอบธรรมพบทุกข์ทรมานหลายประการ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
20 พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้น
    โดยกระดูกจะไม่หักสักชิ้นเดียว

21 ความทุกข์ทำให้ชีวิตคนชั่วดับลง
    และพวกที่เกลียดชังผู้มีความชอบธรรมจะถูกกล่าวโทษ
22 พระผู้เป็นเจ้าไถ่ชีวิตบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
    คนใดที่พึ่งพิงในพระองค์จะไม่ถูกกล่าวโทษ

เพลงซาโลมอน 7:10-8:4

เจ้าสาวมอบความรักของเธอ

10 ฉันเป็นของคนรักของฉัน
    และฉันจะทำสิ่งที่เขาพึงปรารถนา
11 มาเถิด คนรักของฉัน เราเข้าไปในทุ่งนากันเถิด
    และพักแรมอยู่ในหมู่บ้านกัน
12 เราออกไปที่สวนองุ่นแต่เช้าตรู่กันเถิด
    ไปดูกันว่า ต้นองุ่นผลิดอกแล้วหรือยัง
ดอกองุ่นบานแล้วหรือยัง
    และดอกทับทิมบานแล้วหรือยัง
    ฉันจะมอบความรักของฉันให้แก่ท่านที่นั่น
13 ผลดูดาอิม[a]ส่งกลิ่นหอม
    และข้างประตูบ้านของเรามีผลไม้ทุกชนิดที่คัดสรรแล้ว
มีทั้งผลไม้ในฤดูและนอกฤดู
    ซึ่งฉันได้เก็บสะสมไว้ให้ท่าน โอ คนรักของฉันเอ๋ย

ใคร่หาคนรักของเธอ

ฉันใคร่จะให้ท่านเป็นเสมือนพี่ชายของฉัน
    ซึ่งได้ดื่มน้ำนมจากอกของมารดาของฉัน
ถ้าหากว่าฉันพบท่านที่ถนน
    ฉันจะจูบท่านได้อย่างเปิดเผย
    โดยไม่ถูกครหา
ฉันจะพาท่านเข้าไปที่บ้านมารดาของฉัน
    เข้าไปในห้องที่มารดาคลอดฉัน
ฉันจะให้เหล้าองุ่นผสมเครื่องเทศแก่ท่านดื่ม
    น้ำจากทับทิมของฉัน
แขนซ้ายของเขารองใต้ศีรษะของฉัน
    และแขนขวาของเขาโอบกอดฉันไว้
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็ม ขอให้พวกเธอสาบานต่อฉันว่า
    จะไม่รบกวนความรักของเรา
    จนกว่าเราจะพอใจ

ยอห์น 6:25-35

อาหารแห่งชีวิต

25 เมื่อพวกเขาพบพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ จึงพูดกับพระองค์ว่า “รับบี ท่านมาที่นี่เมื่อไร” 26 พระเยซูกล่าวตอบว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ที่ท่านตามหาเรามิใช่เพราะท่านเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ต่างๆ แต่เป็นเพราะท่านได้รับประทานขนมปังจนอิ่ม 27 อย่าลงทุนลงแรงเพื่ออาหารที่เน่าเสียได้ แต่เพื่ออาหารที่จะดำรงถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่พวกท่าน ด้วยว่าพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาได้ประทับตราแสดงถึงการยอมรับพระบุตรแล้ว” 28 เขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “พวกเราควรจะทำอย่างไรจึงจะปฏิบัติงานของพระเจ้าได้” 29 พระเยซูกล่าวตอบว่า “งานของพระเจ้าคือการเชื่อในผู้ที่พระเจ้าได้ส่งมา” 30 ดังนั้นเขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “แล้วท่านจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์อะไรให้เราดูได้บ้าง เราจะได้เชื่อท่าน ท่านจะทำอะไรได้บ้าง 31 บรรพบุรุษของเราได้กินมานา[a]ในถิ่นทุรกันดารตามที่มีบันทึกไว้ว่า ‘พระองค์ให้พวกเขากินอาหารจากสวรรค์’”[b] 32 พระเยซูจึงกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า โมเสสไม่ได้ให้อาหารจากสวรรค์แก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ให้อาหารแท้จริงจากสวรรค์ 33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้าคือผู้ที่ลงมาจากสวรรค์และมอบชีวิตให้แก่โลก” 34 ดังนั้นพวกเขาจึงพูดกับพระองค์ว่า “พระองค์ท่าน โปรดให้อาหารนี้แก่พวกเราเสมอไปเถิด”

35 พระเยซูกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เราคืออาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่มีวันหิว และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่มีวันกระหาย

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation