Revised Common Lectionary (Complementary)
ความรักกันฉันพี่น้อง
บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา ของดาวิด
1 ดูเถิด เป็นสิ่งดีและน่าเบิกบานใจอะไรเช่นนี้
เวลาพี่น้องได้มาอยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
2 เสมือนน้ำมันอันประเสริฐชโลมไว้บนศีรษะ
ที่ไหลลงอาบบนเครา
บนเคราของอาโรน
ไหลรินลงสู่คอเสื้อของท่าน
3 เสมือนน้ำค้าง ณ ภูเขาเฮอร์โมน
ที่พร่างพรมสู่เทือกเขาของศิโยน
นั่นคือสถานที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้มอบพระพร
คือการมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์
8 เมื่ออิสราเอลเห็นบุตรทั้งสองของโยเซฟก็ถามว่า “นี่ใคร” 9 โยเซฟบอกบิดาของตนว่า “ลูกทั้งสองเป็นลูกที่พระเจ้าได้มอบแก่ลูกที่นี่” และท่านพูดว่า “ช่วยพาเขามาหาพ่อหน่อย พ่อจะได้ให้พรแก่เขา” 10 อิสราเอลตามัวลงตามอายุของท่านจึงมองไม่เห็น ดังนั้นโยเซฟจึงพาสองคนเข้าใกล้บิดาของตน แล้วท่านก็จูบแก้ม และกอดหลานทั้งสอง 11 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “พ่อไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นหน้าเจ้าอีก แต่ดูเถิด พระเจ้าได้ให้พ่อเห็นลูกๆ ของเจ้าด้วย” 12 โยเซฟให้บุตรทั้งสองลุกขึ้นจากเข่ายาโคบ แล้วเขาก็ก้มตัวลงราบกับพื้น หน้าซบดิน 13 และโยเซฟจับตัวเอฟราอิมมายืนด้านขวาของตน คือทางซ้ายมือของอิสราเอล และมนัสเสห์ยืนด้านซ้ายของตน คือทางขวามือของอิสราเอล และพาทั้งสองเข้ามาใกล้ยาโคบ 14 อิสราเอลก็ยื่นมือขวาของตนไปวางบนศีรษะของเอฟราอิมผู้น้อง และมือซ้ายอยู่บนศีรษะของมนัสเสห์โดยไขว้มือของตน แม้ว่ามนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี[a] 15 แล้วท่านก็ให้พรแก่โยเซฟ โดยพูดว่า
“ขอให้พระเจ้าที่บรรพบุรุษของข้าพเจ้าคืออับราฮัมและอิสอัคได้รับใช้มา
พระเจ้าผู้เฝ้าดูแลข้าพเจ้ามาตลอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้
16 อีกทั้งทูตสวรรค์ที่ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง อวยพรเด็กทั้งสอง
ขอให้คนระลึกถึงชื่อข้าพเจ้า ชื่ออับราฮัมและอิสอัคบรรพบุรุษของข้าพเจ้าได้โดยเด็กสองคนนี้
และขอให้เขาทั้งสองทวีจำนวนทายาทเป็นชนกลุ่มใหญ่บนแผ่นดินโลก”
17 ครั้นโยเซฟเห็นว่าบิดาของตนวางมือขวาบนศีรษะของเอฟราอิม เขาไม่พอใจและยกมือของบิดาจากศีรษะเอฟราอิมไปวางบนศีรษะมนัสเสห์ 18 และโยเซฟพูดกับบิดาของตนว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อช่วยวางมือขวาของพ่อบนศีรษะของคนนี้ซึ่งเป็นคนหัวปี” 19 แต่บิดาปฏิเสธและพูดว่า “พ่อรู้ ลูกเอ๋ย พ่อรู้ เขาจะเป็นชนชาติกลุ่มหนึ่ง และเขาจะมีความสำคัญด้วย แต่อย่างไรก็ดีน้องชายของเขาจะสำคัญยิ่งกว่าเขา และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะเป็นประชาชาติจำนวนมาก” 20 ท่านอวยพรทั้งสองคนในวันนั้นว่า
“ชาวอิสราเอลจะกล่าวคำอวยพรในนามของเจ้าว่า
‘ขอให้พระเจ้าโปรดเจ้าอย่างที่โปรดเอฟราอิมและมนัสเสห์เถิด’”
แสดงว่ายาโคบให้เอฟราอิมขึ้นหน้าก่อนมนัสเสห์
21 แล้วอิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “ดูเถิด พ่อใกล้จะตายแล้ว แต่พระเจ้าจะอยู่กับลูก และจะนำเจ้ากลับไปยังดินแดนของบรรพบุรุษของเจ้า 22 ยิ่งกว่านั้น เนินเขาลูกหนึ่งที่พ่อได้มาด้วยดาบและธนูของพ่อจากมือของชาวอาโมร์ พ่อก็ยกให้แก่เจ้าแทนที่จะให้แก่พี่น้องของเจ้า”
23 เป็นเพราะความเชื่อ บิดามารดาของโมเสสจึงได้ซ่อนตัวท่านไว้เป็นเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่เกิด เพราะทั้งสองเห็นว่าท่านไม่ใช่เด็กธรรมดาและไม่กลัวคำบัญชาของกษัตริย์เลย 24 เป็นเพราะความเชื่อ โมเสสจึงได้ไม่ยอมให้ผู้คนเรียกท่าน ว่าเป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์เมื่อท่านเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 25 ท่านเลือกการทนทุกข์ร่วมกับคนของพระเจ้า มากกว่าการเพลิดเพลินกับความสำราญในบาปเพียงชั่วระยะหนึ่ง 26 ท่านพิจารณาเห็นว่า การที่ถูกเหยียดหยามเพื่อพระคริสต์ มีค่ายิ่งกว่าสมบัติทั้งปวงของประเทศอียิปต์ เพราะท่านคาดหวังในรางวัลที่จะได้รับ 27 เป็นเพราะความเชื่อ ท่านจึงได้จากประเทศอียิปต์ไป โดยไม่กลัวความโกรธของกษัตริย์ ท่านบากบั่นต่อไปราวกับว่าท่านเห็นองค์ผู้ที่ไม่ปรากฏแก่สายตา 28 เป็นเพราะความเชื่อ ท่านจึงได้ทำพิธีปัสกา และสั่งให้ประพรมเลือดด้วย เพื่อผู้ที่ทำลายบุตรหัวปีจะได้ไม่แตะต้องบุตรหัวปีของชาวอิสราเอล
29 เป็นเพราะความเชื่อ ชาวอิสราเอลจึงได้เดินข้ามทะเลแดงเหมือนเดินบนดินแห้ง และเมื่อชาวอียิปต์ลองทำบ้างก็จมน้ำตาย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation