Revised Common Lectionary (Complementary)
พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ บทเพลง
1 พวกเราขอบคุณพระองค์ โอ พระเจ้า
พวกเราขอบคุณเพราะพระองค์อยู่ใกล้
ผู้คนประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์กระทำ
2 พระองค์กล่าวว่า “เราจะเลือกเวลาตามที่ได้กำหนดไว้
เราจะตัดสินด้วยความชอบธรรม
3 เมื่อแผ่นดินโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกสั่นไหว
เรานั่นแหละเป็นผู้ทำให้ฐานรากมั่นคงไว้ เซล่าห์
4 เราบอกคนขี้อวดว่า ‘อย่าโอ้อวดเลย’
และบอกคนชั่วว่า ‘อย่าเอาพละกำลังของเจ้ามาอวดอ้างเลย
5 อย่ายกพละกำลังของเจ้าขึ้นมาเหนือสิ่งอื่น
หรือเชิดหน้าเวลาพูดจา’”
6 เพราะว่าไม่มีผู้ใดจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
หรือจากถิ่นทุรกันดารที่จะถูกเชิดจนสูงขึ้นได้
7 เพราะพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
พระองค์ทำให้คนหนึ่งถ่อมลง และให้อีกคนได้รับการยกย่อง
8 เพราะถ้วยอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้า
มีเหล้าองุ่นผสมไว้ผุดเป็นฟอง
เวลาพระองค์เทออก พวกคนชั่วทั้งปวงบนแผ่นดินโลกก็พากันดื่ม
อย่างแน่นอน ดื่มจนเกลี้ยง
ไม่เหลือแม้ก้นตะกอนด้วยซ้ำ
9 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะประกาศไปตลอดกาล
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของยาโคบ
10 พระองค์จะกำจัดพละกำลังทั้งหมดของคนชั่วร้าย
ส่วนพละกำลังของบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะถูกเชิดชูขึ้น
การลงโทษเยรูซาเล็มและบรรดาประชาชาติ
3 วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่ฝ่าฝืน
และเป็นมลทิน
2 เมืองนี้ไม่เชื่อฟังใคร
ไม่ยอมรับการสั่งสอน
ไม่ไว้ใจพระผู้เป็นเจ้า
และไม่ใกล้ชิดพระเจ้าของตน
3 บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในเมือง
ก็คือพวกสิงโตคำราม
บรรดาผู้ปกครองเมืองคือสุนัขป่าในยามค่ำ
ซึ่งไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้สำหรับเวลาเช้า
4 บรรดาผู้เผยคำกล่าวของเมืองยโสโอหัง
พวกเขาเป็นคนดุร้าย
บรรดาปุโรหิตของเมืองดูหมิ่นสิ่งบริสุทธิ์
และพวกเขากระทำผิดต่อกฎบัญญัติ
5 พระผู้เป็นเจ้าผู้สถิตในเมืองนั้นมีความชอบธรรม
พระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้อง
ทุกๆ เช้าพระองค์ให้ความเป็นธรรม
ทุกๆ วันใหม่พระองค์เป็นที่พึ่งได้เสมอ
แต่คนที่ไม่ยุติธรรมไม่รู้สึกอับอาย
6 “เราได้ตัดขาดบรรดาประชาชาติ
หลักยึดของพวกเขาพังพินาศ
เราได้ทำให้ถนนเป็นที่ร้าง
ไม่มีใครเดินผ่านไปมาได้
เมืองทั้งหลายของพวกเขาถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
ไม่มีผู้ชายสักคน ไม่มีผู้อยู่อาศัยสักคน
7 เราพูดดังนี้ว่า
‘เจ้าจะเกรงกลัวเราอย่างแน่นอน
เจ้าจะยอมรับการสั่งสอน
แล้วที่อยู่อาศัยของเจ้าจะไม่ถูกกำจัด
ตามที่เราได้กำหนดที่จะขัดขวางเจ้าในทุกสิ่ง’
แต่พวกเขายังกระตือรือร้น
ที่จะทำทุกสิ่งให้เสื่อมทราม”
8 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“รอเราเพื่อวันที่เราจะลุกขึ้นให้คำพยาน
เพราะเราได้ตัดสินใจรวบรวมบรรดาประชาชาติ
เพื่อเรียกประชุมบรรดาอาณาจักร
เพื่อกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขา
และกระหน่ำความกริ้วอันร้อนแรงของเรา
เพราะความหวงแหนของเราลุกเป็นไฟ
ทั่วทั้งโลกจะถูกเผาผลาญ
บรรดาประชาชาติเปลี่ยนความเชื่อ
9 เพราะในเวลานั้น เราจะทำให้คำพูด
ของประชาชนบริสุทธิ์
เพื่อพวกเขาทุกคนจะออกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
และรับใช้พระองค์ร่วมกัน
10 บรรดาผู้นมัสการซึ่งเป็นชนชาติของเราที่กระจัดกระจายไป
จะนำของถวายจากโพ้นแม่น้ำของคูชมาให้เรา
11 ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย
เพราะการกระทำผิดทั้งหลายที่เจ้ามีต่อเรา
เพราะเราจะกำจัดบรรดาผู้ที่โห่ร้อง
ด้วยความยโสของพวกเขาไปเสียจากเมืองนี้
และพวกเจ้าจะไม่มีวันเย่อหยิ่งอยู่
ในภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราอีกต่อไป
12 แต่เราจะให้มีชนชาติที่ถ่อมตัวและมีใจอ่อนน้อม
อยู่ในท่ามกลางพวกเจ้า
พวกเขาจะแสวงหาที่พึ่งในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
13 ผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอล
จะไม่กระทำสิ่งใดที่ไม่เป็นธรรม
และจะไม่พูดเท็จ
ลิ้นที่ลวงหลอก
จะไม่อยู่ในปากของพวกเขา
พวกเขาจะรับประทานและนอนพัก
และจะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดผวา”
หญิงทาสและหญิงอิสระ
21 บอกข้าพเจ้าเถิดว่า ท่านที่ต้องการอยู่ภายใต้กฎบัญญัติ ท่านไม่ทราบหรือว่ากฎบัญญัติกล่าวไว้ว่าอย่างไร 22 มีบันทึกไว้ว่า อับราฮัมมีบุตร 2 คน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส และอีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นอิสระ 23 บุตรที่เกิดจากหญิงทาสเกิดขึ้นตามวิถีทางของมนุษย์ และบุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นอิสระเกิดจากพระสัญญา 24 สิ่งเหล่านี้เป็นคติสอนใจ ด้วยว่าหญิง 2 คนนั้นได้แก่พันธสัญญา 2 อย่าง พันธสัญญาหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ โดยมีบุตรภายใต้การเป็นทาส 25 นางฮาการ์เปรียบได้กับภูเขาซีนายในอาระเบีย ซึ่งเทียบได้กับเมืองเยรูซาเล็มในปัจจุบัน ด้วยว่านางอยู่ภายใต้การเป็นทาสร่วมกับบุตรทั้งหลาย 26 แต่เยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนเป็นอิสระ ซึ่งเป็นมารดาของเราทั้งหลาย 27 ด้วยว่ามีบันทึกไว้คือ
“จงยินดีเถิด หญิงที่เป็นหมัน
และไม่มีบุตรเอ๋ย
จงตะโกนและร้องด้วยเสียงอันดังเถิด
เจ้าผู้ไม่เจ็บครรภ์
เพราะหญิงที่ถูกทอดทิ้งจะมีบุตรมากกว่า
หญิงที่อยู่กับสามี”[a]
28 และท่านพี่น้องทั้งหลายเป็นบุตรของพระสัญญา เช่นเดียวกับอิสอัค 29 ในครั้งนั้น บุตรที่เกิดตามวิถีทางของมนุษย์ได้ข่มเหงบุตรที่เกิดจากอานุภาพของพระวิญญาณ ในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน 30 แต่พระคัมภีร์ระบุว่าอย่างไร “จงไล่หญิงทาสและลูกของนางไปเสีย ด้วยว่าลูกของหญิงทาสจะไม่มีวันรับมรดกร่วมกับลูกของหญิงที่เป็นอิสระ”[b] 31 ฉะนั้นพี่น้องเอ๋ย พวกเราไม่ใช่พวกบุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นอิสระ
อิสรภาพในพระคริสต์
5 พระคริสต์ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระ เพื่อเราจะได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง ฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีก
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation